Sound – เสียง
มาทดสอบคุณภาพเสียงกันบ้าง LG 55UJ652T ตัวนี้ให้ลำโพงกำลังขับแบบ 20 Watts พร้อมโหมดเสียงสำเร็จรูปไม่ว่าจะเป็น Standard, Cinema, Clear Voice II, Music, และ Game มาให้ โดยโหมดที่ผมฟันธงแล้วว่าดีที่สุดคือโหมด Standard นั่นเอง เพราะให้สมดุลเสียงดีเยี่ยม ไม่มีเสียงย่านไหนไปกลบอีกย่านจนมิดรายละเอียดหาย คุณภาพเสียงจัดว่าดีเกินคาด เป็นทีวีระดับกลางที่ให้คุณภาพเสียงเกินหน้าเกินตา ทดสอบจากเพลงรักโหยหวนอย่าง Look what you have done to me โดย Boz Scaggs Feat. David Foster เสียงร้องนั้นมีเนื้องมีหนังอิ่มฉ่ำ เสียงกลองมีน้ำหนักเต่งตึง เสียงกีตาร์พลิ้วไหวสำแดงความอิ่มแน่นได้พอประมาณ ถัดมาลองเพลง Radioactive สุดเร้าใจของวง Imagine Dragons ดูบ้าง เสียงร้องยังมีน้ำหนักไม่แหบแห้งเช่นเคย ความชัดเจนนั้นอาจจะมีขุ่นมัวบ้างตามประสาลำโพงทีวี ส่วนจังหวะฮุกสุดท้ายที่ทั้งกลอง กีตาร์ พร้อมเสียงแหกปากร้องดังขึ้นมาพร้อมกัน ก็จะออกลูกมั่วหน่อยๆ แต่ก็คงความมันส์ไว้ได้ดี ! (หากเอาอยู่จริงต้องลำโพงแยกชิ้นหลานแชนแนลเท่านั้น) แต่โดยรวมแล้วในราคานี้ผมยกให้คุณภาพเสียงอยู่ “แนวหน้า” ของทีวีความละเอียด 4K รุ่นเริ่มต้น ใช้ดูหนัง ดูรายการทีวีทั่วไปได้อย่างไม่ตะขิดตะขวง
Extra – เพิ่มเติม
ระบบ Smart TV ของ LG นั้น ยังคงสานต่อความสำเร็จจากระบบปฏิบัติการ webOS อยู่ มาคราวนี้ก็อัพเกรดตัวเองจากเวอร์ชั่น 3.0 เป็นเวอร์ชั่น 3.5 พร้อม Magic Remote ตัวเก่งที่มีการใช้งานแบบ “แอร์เมาส์” พร้อม “ลูกศร” บอกตำแหน่งโชว์บนหน้าจอทีวี มีแอพพลิเคชั่นให้ดาวน์โหลดพอประมาณ ทีเด็ดสุดผมยกให้ Netflix แอพดูซีรีส์และหนังของต่างประเทศ ที่มีซีรีส์ความละเอียด 4K พร้อม HDR ติดมาให้ด้วย ส่วนแอพวีดีโอคอนเทนต์หลักๆก็ยังร่วมเสนอหน้ากันมาอย่างพร้อมเพียงเช่นคย อาทิ YouTube, MonoMaxx, Google Movies, Amazon ส่วนพวกเกมส์ก็จะออกแนวไม้ประดับซักหน่อย เล่นได้พอขำๆ
webOS 3.5 มีลูกเล่นปลีกย่อยเพิ่มเติมขึ้นมาหลายจุดอยู่ ได้แก่
– การรับชมคอนเทนต์ VR แบบ 360 องศา
– การเล่นไฟล์เพลงจาก USB ในขณะที่เปิดช่องรายการต่างๆอยู่ ตลอดจนดูเนื้อร้อง (ไฟล์ต้องมีเนื้อร้อง)
– การเชื่อมต่อกับโทรศัพท์มือถือด้วยแอพ LG TV Plus
– ฟีเจอร์ซูมภาพแบบแว่นขยาย โดยสามารถบันทึกรายการไปในตัว
– Magic Link ที่จะช่วยค้นหาและดึงวีดีโอคอนเทนต์ที่เกี่ยวข้องกับรายการดิจิตอลทีวีที่เรารับชมอยู่มาจัดแสดงให้เราเลือกรับชมเพิ่มเติม