Picture – ภาพ
สเป็คด้านภาพของ 55UH650T มีความละเอียดหน้าจอแบบ 4K Ultra HD 3840 x 2160 พิกเซล โครงสร้าง Backlight แบบ Edge LED พร้อมฟีเจอร์ Local Dimming หน้าจอแบบ IPS Panel รองรับภาพแบบ HDR : High Dynamic Range มาตรฐาน HDR 10 ซึ่ง LG ใช้คำเรียกฟีเจอร์นี้ว่า HDR Pro อย่างไรก็ตามเนื่องจากเป็นเพียงรุ่นกลางก็เลยยังไม่รองรับ Dolby Vision HDR ดั่งรุ่นท็อป มีโหมดภาพสำเร็จรูปที่หลากหลาย โดยเฉพาะโหมด Expert : ISF ที่มีให้เลือกระหว่างห้อง Bright Room และ ห้อง Dark Room แล้ว เพื่อให้เหมาะกับสภาพแสงภาพในห้องจริงในการรับชม และยังรวมรวมถึงโหมดภาพใหม่ล่าสุดอย่าง HDR Effect ที่เป็นการจำลองอัพเกรดภาพแบบ SDR : Standard Dynamic Range ธรรมดาให้มีความใกล้เคียงกับ HDR ซึ่งมีให้เลือกระดับ ต่ำ ปานกลาง สูง ว่ากันง่ายๆคือการจำลองภาพ HDR ขึ้นมานี่แหละ เป็นของเล่นด้านภาพอีกอย่างที่ถูกเพิ่มขึ้นมาในปีนี้ ทีมงานแนะนำว่าลองเล่นได้ แต่ไม่แนะนำให้ใช้ในระยะยาว เพราะต้นฉบับภาพมันไม่ใช่ HDR แท้แต่ต้น หากใช้ไปก็เป็นการบิดเบือนต้นฉบับเสียอีก สรุปได้ว่าถึงแม้เป็นรุ่นกลางตาราง แต่ก็ให้สเป็คและฟีเจอร์ด้านภาพหลักๆที่ีรองรับอนาคตไว้เกือบครบทุกสิ่งอย่าง
* ในความหมายของ LG คำว่า HDR Pro = รองรับ HDR 10 (UH650T)
* หากเป็น HDR Super = รองรับ HDR 10 และ Dolby Vision HDR (พวกรุ่นท็อปอย่าง Series 9 และ OLED TV)
* สัดส่วนภาพหากอยากให้ทีวีแสดงภาพจากต้นฉบับครบทุกพิกเซล ให้เลือกสัดส่วนภาพ 16:9 และเลือกเปิด Just Scan
* กระนั้นด้วยโครงสร้างการจัดวางเม็ดพิกเซลแบบ WRGB จึงไม่สามารถทำ 1:1 Pixel Matching ระหว่าง Input และ Output ได้
* โหมดภาพ Game ช่วยลดอาการ Input Lag ได้อย่ามีนัยสำคัญ แต่แสงสีไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ต้องปรับภาพพิ่มเติม
** สำหรับนักปรับภาพขั้นสูง : ขอหมายเหตุว่าการปรับภาพทำได้ค่อนข้างลำบากพอตัว เพราะเมนูจะเด้งขึ้นมาตลอด ส่งผลทำให้ค่าเปลี่ยนไปบ้าง ต้องใจเย็นหน่อย
สำหรับการทดสอบคอนเทนต์ 2D ความละเอียด 1080p ผมใช้แผ่นหนังเรื่องโปรดอย่าง Journey 2 : Mysterious Island โดยใช้โหมดภาพอย่าง Expert : Bright Room ในการทดสอบในห้องนั่งเล่นแบบปกติ ด้วยความที่เป็นเพียงรุ่นกลางตารางผมเองก็มิได้คาดหวังว่าคุณภาพของภาพจะดีเลิศดั่งรุ่นหลักแสนอยู่แล้ว แต่ที่ต้องทดสอบให้เยอะเป็นพิเศษก็เพราะว่าจะได้แนะนำแนวทางการเลือกโหมดภาพและรวมถึงการปรับบางค่าภาพบางค่าเพื่อขับศักภาพสูงสุดของทีวีออกมาให้คุ้มเม็ดเงินที่จ่ายไปซักหน่อย
เริ่มด้วยฉากที่กลุ่มนักสำรวจมาพบกันคุณปู่ Alexander ซึ่งตัวละครทุกตัวรายล้อมด้วยแมกไม้อันเขียวขจี UH650T ให้แนวภาพและสีสันที่ออกแนว “เข้มขรึม” ซึ่งเป็นสไตล์ของพาแนล IPS อยู่แล้ว ความสว่างอยู่ในระดับพอเหมาะ อาจมิใช่เแนวสว่างโร่รุกเร้าเข้าหาเรา ฉะนั้นจะมิได้สะดุดตาตั้งแต่แรกพบ ความเนียนของภาพอยู่ในเกณฑ์ปานกลาง จัดว่ายังด้อยกว่ารุ่นพี่ซีรีส์สูงอยู่บ้างเล็กน้อย แต่เรื่อง “ความลื่นไหล” ของภาพกลับทำได้ดีกว่า UF680T ของปีที่ผ่านมา ระดับความดำสามารถเปิดฟีเจอร์ LED Local Dimming ระดับ Low เพื่อให้ทีวีเปิด-ปิด-หรี่ หลอดไฟ LED เป็นกลุ่มๆให้สัมพันธ์กับฉากมืด-สว่างได้ ช่วยเสริมระดับความดำของภาพแบบเฉพาะจุด ซึ่งโดยปกติฟีเจอร์ Local Dimming นี้ แบรนด์อื่นจะไม่ใจดีผนวกมาให้กับพวกรุ่นกลางอย่างพวก Series 6 นะ บอกไว้ก่อน !
ทีนี้ผมนำแผ่นหนัง 4K แท้ๆกล่องดำมาประสานพลังกับเครื่องเล่น 4K Blu-ray Player ของ Samsung ซึ่งทั้งหมดผมบินไปถอยมาจากประเทศออสเตรเลียด้วยตัวเอง ต้องยอมรับว่าบ้านเขาพรั่งพร้อมเรื่อง 4K ก่อนบ้านเรามากซักระยะแล้ว ถ้าหากผมยังนั่งรอแผ่นและเครื่องเล่นให้มีขายในบ้านเราอย่างเป็นทางการ มีหวังโปรเจกต์การได้ยลโฉมภาพ 4K HDR แท้ๆภายในปีนี้คงเป็นหมันอย่างแน่นอน (ฮา) โดย HDR นี่ก็มีโหมดภาพเป็นของตัวเองเช่นกัน ได้แก่
1) HDR Vivid : จะออกสว่างสุด ให้ความสว่างสูงสุดได้ 390 nits
2) HDR Bright : สว่างลดลงมาหน่อย แต่แสงสีค่อนข้างเที่ยงตรง ให้ความสว่างสูงสุดได้ 285.72 nits (แนะนำ)
3) HDR Standard : จะสว่างน้อยสุด ให้ความสว่างสูงสุดได้ 272.68 nit
เริ่มเบิกเนตรด้วยแผ่น Lego Movie แบบ 4K HDR ซึ่งให้สีสันสดสวยตามสไตล์แอนิเมชั่น ทั้งสีเหลืองอันเป็นเอกลักษณ์บนผิวตัวละคร รวมถึงบรรยากาศปะทุที่อบอวลไปด้วยแสงสีอมแดง แต่อย่างที่บอกภาพมันมิได้สว่างรุกเร้าเข้าหามากนัก จะออกแนวเล่นแสงเล่นสีอยู่กับที่เสียมากกว่า
ถัดมาลองแผ่น Kingsman : Secret Service หนังบู๊ล้างผลาญ ฆ่าฟันกันเลือดกระเด็น ฉากตะลุมบอนก็ให้อรรถรสความหฤหรรของการห้ำหั่นได้พอประมาณ ฉากกระโดดร่มจากเครื่องบิน ดำเนินด้วยการถ่ายเสยขึ้นไปหาดวงอาทิตย์ที่กำลังสาดแสงพอดี ซึ่งระดับความสว่างที่ฉายเข้าตาเราเพียงเสี้ยววิได้ช่วยปลดปล่อยให้ HDR ได้แสดงพลังของมันออกมาบ้าง ถือว่าช่วยเพิ่มกิมมิคด้วยการเล่นกับระดับความสว่างของภาพให้ใกล้เคียงแสงอาทิตย์ของจริงยิ่งขึ้น นอกเหนือจากการโฟกัสไปที่เนื้อเรื่องอันเข้มข้นของหนังเพียงอย่างเดียวดั่งเช่นหนัง SDR ทั่วไป
ทีนี้ผมลองเปิด Deapool แบบ 4K HDR เช่นกัน ซึ่งเรื่องนี้ผมมิได้นำมาทดสอบแสงสีหรือ HDR แต่อย่างใด ทว่าเป็นเรื่องภาพเคลื่อนไหวว่าจะทำได้ดีขนาดไหน ? ฉากท้ายเรื่องที่พระเอกสุดเกรียน Deadpool ถ่อตัวเองไปยังรังของศัตรูเพื่อช่วยแฟนสาว ภาพเคลื่อนไหวถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดี ลื่นไหลได้ความต่อเนื่อง แบบไม่ต้องใช้ตัวช่วยแทรกเฟรมภาพอย่าง TruMotion เข้าช่วยมากนัก หรือหากจะเล่นฟีเจอร์ TruMotion แบบเจาะลึก ก็สามารถเข้าไปเปิดใช้งานได้ที่หัวข้อ Picture Option ==> TruMotion ซึ่งมีระดับ Clear / Smooth / User แนะนำให้ใช้ แนะนำระดับ Clear ให้ความลื่นไหลไร้อาการวุ้นเรืองแสงไม่เหมือนระดับอื่นๆที่ยังไม่อาการนี้ปรากฎอยู่
สุดท้ายจากเรื่อง Life of Pi แบบ 4K HDR ฉากไม้ตาย “วาฬกระโดด น้ำกระเพื่อม” เป็นตัวบ่งชี้ความเจิดจรัสของ HDR TV ได้เป็นอย่างดี ซึ่ง UH650T ก็อยู่ในเกณฑ์ “ปานกลาง” คือแสดงความเจิดจรัสของแมงกระพรุนทะเลสีน้ำเงินตัดกับพื้นทะเลยามค่ำคืนอันมืดสนิทได้พอประมาณเนื่องจากข้อจำกัดในการแสดงระดับความสว่างสูงสุดหรือ Peak Brightness ยังอยู่แค่ระดับมาตรฐานทีวี LED ทั่วไป ความสว่างไสวและเอิบอิ่มในฉากนี้ต้องยอมให้ OLED TV หรือไม่ก็ LED TV รุ่นท็อปๆที่ได้มาตรฐาน Ultra HD Premium ที่แสดงสีดำได้ดำสนิทและมีระดับความสว่างปรี๊ดกว่า ภาพถึงจะขึ้นจนต้องอุทานร้องว้าวออกมา
หมายเหตุ : วัด Input Lag ด้วยเครื่องมือของ Leo Bodnar เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือใหม่ของ LCDTVTHAILAND ที่ใช้ประเมินประสิทธิภาพของทีวีในเรื่องความเร็วในการตอบสนองของจอภาพกับการเล่นเกมส์ ซึ่งหากค่าต่ำกว่า 40 milliseconds ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดี
สรุปได้ว่า 55UH650T ก็ให้คุณภาพของภาพได้สอดคล้องกับระดับ Series 6 ของตัวเอง แสดงภาพกับคอนเทนต์ระดับ HD และ Full HD ได้ตามมาตรฐาน ภาพมิได้เนียนกริ๊บแต่ก็มิได้หยาบกร้านเหมือนพวกทีวี 4K Low Cost ที่ชอบทำราคาเขย่าตลาด ใช้ดูหนัง HD หรือฟรีทีวีแบบปกติได้สบายหายห่วง ส่วนภาพแบบ HDR ก็รองรับมาตรฐานแบบ HDR 10 ซึ่งมักมากกับแผ่่นหนัง 4K Blu-ray Discs และจัดว่าเป็นมาตรฐาน HDR ที่แพร่หลายสุด ณ ตอนนี้ ระดับความสว่างเจิดจรัสอาจจะยังสู้พวกทีวีที่ได้รับมาตรฐาน Ultra HD Premium ไม่ได้ แต่ก็พอมีให้เห็นต่างบ้างแบบพอหอมปากหอมคอ