20 Sep 2016
Review

ทรงพลานุภาพ ! รีวิว Panasonic 65DX900T 4K HDR TV รุ่นท็อปภาพสุดแจ่ม


  • lcdtvthailand

ภาพ

สเป็คด้านภาพมีความละเอียดแบบ 4K Ultra HD 3840 x 2160 พิกเซล พร้อมชิพประวมลผล Studio Master Hexa Chroma Drive Pro ที่ประมวลผลการแสดงขอบเขตของสีได้ถึง 6 แกน ทั้งแม่สีหลัก RGB และเม่สีรอง CMY ตัวพาแนลแบบใหม่ Ultra Bright Panel 10 Bit ที่สว่างมากกว่าเดิม รวมถึงแผงหลอดไฟ LED แบบ Full Array LED Backlight ในโครงสร้างรังผึ้ง Honeycomb Structure ซึ่งมีหลอดไฟ กว่า 512 หลอด สามารถทำ Local Dimming ได้ละเอียดถึง 512 โซน ผสานกับแผ่นกระจายแสง Diffuser ที่ช่วยกระจายแสงสว่างให้สม่ำเสมอทั้งจอ ไม่เป็นกระจุกหรือกระหย่อมดั่ง Full LED รุ่นเก่า ด้านเมนูภาพ มีโหมดภาพสำเร็จรูปมากมาย และส่วนใหญ่มีการไฟน์จูนค่าต่างๆไว้ค่อนข้างดีเยี่ยมอยู่แล้ว ภาพที่ได้ตั้งแต่เริ่มจึงค่อนข้างถูกต้องเป็นธรรมชาติ สุดท้ายการันตีด้วยมาตรฐาน Ultra HD Premium รองรับอนาคตด้านภาพแบบ 4K กันไปยาวๆ ท่านที่เป็นสายฮาร์ดคอร์เรื่องภาพคงถูกใจมิใช่น้อย !

ได้ตราสแตมป์มาตรฐาน Ultra HD Premium แถมยังเป็นทีวี 4K ตัวแรกๆที่ได้รับรองจาก THX Certified Display
โครงสร้างหลอดไฟ LED Backlight แบบ Honeycomb หรือรังผึ้ง พร้อมแผ่น Diffuser สีขาวที่มีรอยปรุช่วยบังทิศทางไม่ให้สว่างเป็นจุดตามมตำแหน่งหลอดไฟ และช่วยกระจายแสงของหลอด LED ให้เปล่งออกมาอย่างสม่ำเสมอทั่วจอ เป็นอีกวิวัฒนาการของ Full LED Backlight ที่ช่วยให้ทีวีแสดงจุดมืดสนิทและจุดสว่างได้ดียิ่งขึ้น
[วีดีโอ] ผมถ่ายจากบูธ Panasonic ในงาน IFA 2016 ที่กรุงเบอร์ลิน 
จะเห็นการดิมหลอดไฟ LED เป็นโซนๆถึง 512 โซน

เริ่มด้วยโหมดภาพสำเร็จรูปซึ่งจัดว่ามีโหมดให้เลือกเยอะมาก ส่วนโหมดที่ค่าแสงสีค่อนข้างแม่นยำสูงตั้งแต่ต้นก็ได้แก่โหมด Cinema, THX, Professional (ISF) สามารถนำไปใช้รับชมหนัง 4K, หนัง HD หรือดิจิตอลทีวีทั่วไปได้ทันทีโดยแทบไม่ต้องปรับแต่งค่าภาพเพิ่มเติมด้วยซ้ำ แต่หากปรับภาพเพิ่มอีกซักนิดก็จะได้ผลลัพธ์ระดับอ้างอิงเลยแหละ

โหมดภาพสำเร็จรูป แสงสีค่อนข้างถูกต้องแม่นยำ
Pre Calibration – SDR Mode
Picture ModeCTTGammaLuminanceBacklightColourPower
avgavgfL ToneW
Dynamic157541.57142.3MaxCool2465
Normal95902.0472.950Normal246
Cinema7640233.830Warm1161
THX Cinema63002.0625.410Warm2113
THX Bright Room64221.6353.530Warm2160
True Cinema64722.1125.110Warm2113
Custom96282.0472.850Normal246
Professional 164612.0851.130Warm2160
Professional 1 (Calibrated)65162.3960.930Warm2161
โหมดภาพสำเร็จรูปที่ให้ค่าแสงสีเที่ยงตรงที่สุดคือ Professional 1 
ภาพอาจจะไม่สว่างจับใจมากนัก แต่ก็เพียงพอต่อการใช้งานในห้องทั่วไป 
เอามาปรับภาพต่ออีกนิด ค่าแสงสีจะอยู่ใน “ระดับอ้างอิง” เลย
“ระดับอ้างอิง” หมายถึง ทีวีจะให้ภาพได้ถูกต้องดั่งต้นฉบับ มีความสมจริงสูงสุด
โหมดภาพสำเร็จรูปที่ให้ค่าแสงสีเที่ยงตรงที่สุดคือ Professional 1 ภาพอาจจะไม่สว่างจับใจมากนัก แต่ก็เพียงพอต่อการใช้งานในห้องทั่วไป เอามาปรับภาพต่ออีกนิด ค่าแสงสีจะอยู่ใน “ระดับอ้างอิง” เลย “ระดับอ้างอิง” หมายถึง ทีวีจะให้ภาพได้ถูกต้องดั่งต้นฉบับ มีความสมจริงสูงสุด
หลังปรับภาพ : ค่าที่ได้อยู่ในเกณฑ์ดีเลิศที่สุด อยู่ในระดับ Reference อ้างอิงเลย เมนูปรับภาพออกแบบมาให้ใช้ปรับได้ง่าย เป็นอีกหนึ่งขวัญใจของนักปรับภาพ

Ultra HD Preium Certified

– ระดับความสว่างสูงสุด 1150 Nits ซึ่งเกินมาตรฐาน 1000 Nits

– ก่อนปรับภาพขอบเขตของสีกว้างถึง 95.8% ของ DCI-P3 มาตรฐานขอบเขตสีในโรงภาพยนตร์

– หลังปรับภาพให้แสงสีถูกต้อง ขอบเขตก็ยังกว้างได้ถึง 95.5 % ของ DCI-P3 มาตรฐานขอบเขตสีในโรงภาพยนตร์

– ซึ่งถือว่าเกิน 90% ของ DCI-P3 จึงทำให้ผ่านมาตรฐาน Ultra HD Premium แบบขาดลอย

– จอเป็น 10 Bit แท้

ทดสอบภาพ

ทดสอบกับคอนเทนต์แผ่นหนัง 4K HDR แท้ๆ เล่นผ่านเครื่องเล่น 4K Blu-ray Player ประเดิมด้วย Batman V Superman : Dawn of Justice หนังเรื่องนี้ในรูปแบบ 4K HDR เป็นเรื่องที่ดีมากในสำหรับใช้ทดสอบคุณภาพของทีวี ในแง่ของฉากที่มืดมิดไว้ทดสอบความดำ ภาพเคลื่อนไหวเร็วๆในฉากต่อสู้ และสุดท้ายฉากฉายแสงสีต่างๆสำหรับทดสอบ HDR ผมใช้ฉากรองสุดท้ายที่เหล่าฮีโร่ทั้ง Superman, Batman, & Wonder Woman รวมพลังในการกำจัดวายร้ายอย่างเจ้า Doomsday ฉากหลังอันอืมครึมก็ถูกถ่ายทอดออกมาได้ดำสนิทคลุกเค้าเข้ากัยฝุ่นควันอันตลบอบอวล ตัดกับฉากแสงไฟสีส้มที่เปล่งออกจากตัวร้าย จุดนี้เองทำให้ DX900 แสดงพลานุภาพของ HDR ได้อย่าง “ทรงพลัง” ยิ่งฉากที่เจ้า Superman เอาหอกคริปโตรไนท์สีเขียวมรกตแทงทะลุเจ้าปิศาจร้าย ยิ่งแสดงความเก่งกาจในเรื่องความสว่างที่เจิดจรัสออกมาได้อย่างน่าทึ่ง แสงสีเขียวเป็นประกายตัดสลับกับลำแสงสีส้มที่เปล่งออกมาอย่างซาบซ่านพุ่งเข้าหาคนดูได้อย่าง “เร้าใจ” สรุปอย่างแรกว่า 4K HDR แสดงภาพได้อย่างดีเลิศ สอบผ่านเกรด 4 ฉลุย

จังหวะที่หอกคริปโตไนท์สีเขียวจรัสแสงแทงทะลุเจ้า Doomsday เป็นการขับศักยภาพ HDR ได้อย่างเร้าใจ !
ฉากประสานพลัง ระหว่างพี่ซุปกับเจ้า Doomsday แสง สี เสียงกระแทกใจ ! แอบนึกถึงการ์ตูนเรื่องดราก้อนบอลที่โกฮังปล่อยพลังคลื่นเต่าสู้กับเซลล์

หลังจากนั้นมาลอง Life of Pi แบบ 4K HDR เช่นกัน ฉากแมงกระพรุนในน้ำทะเลตอนกลางคืน พื้นผิวน้ำในจุดที่ควรดำสนิทก็ดำลึกได้ใจ ซึ่งต้องบอกว่าวิธีการดิมหลอดไฟ Backlight ทั้ง 512 โซนด้วยโครงสร้างแบบรังผึ้งที่ร่วมผนึกด้วยแผ่น Diffuser ช่วยกระจายแสงให้สม่ำเสมอกันทั้งจอ จัดว่าเรียบเนียนกว่า Full LED ทั่วไปพอสมควร การดิมถึงแม้ยังเป็นทรงสี่เหลี่ยมเป็นบล็อคให้เห็นอยู่บ้าง (หากสังเกตแบบจับผิด) แต่ก็ไม่ได้กระทบการรับชมจริงแต่อย่างใด รอบข้างที่ควรเป็นฉากดำก็ดำสนิท ไร้ซึ่งอาการแสงลอดให้เห็น พอตัดมาฉากปลาวาฬเรืองแสงตัวยักษ์ที่กระโดดทะยานขึ้นและกลับลงสู่ผิวน้ำอย่างรุนแรง จนสร้างแรงน้ำกระเพื่อมพาให้เจ้าหนุ่มพายพลัดตกลงจากแพ แสงสีฟ้าของปลาวาฬก็เฉิดฉายออกมาส่งเสริมความสง่างามให้กับเจ้าปลาวาฬไซส์ XXL ตัวนี้อย่างที่ผมไม่เคยสัมผัสได้ในแผ่น Blu-ray ธรรมดามาก่อน (SDR : Standard Dynamic Range)  อรรถรสการรับชมเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ยอมรับว่าเวอร์ชั่น HDR ที่ถูกขับเคลื่อนด้วย DX900 มันพาเราไปสู่อีกมิติดั่งเรื่องเล่าของหนุ่มพายที่ค่อนข้างอิงนิยายจริงๆ เราสามารถปรับระดับความเข้มข้นของการดิมไฟอัตโนมัติตามฉากมืดสว่างหรือ Local Dimming ได้ที่เมนู Adaptive Backlight Control แนะนำให้เลือกระดับต่ำสุด จะช่วยให้การดิมหลอดไฟเป็นไปอย่างเรียบเนียน ไม่กระโชกโฮกฮาก สู่การสร้างระดับความสว่างและความดำที่เป็นธรรมชาติไร้รอยต่อ !

ฉากวาฬกระโดด น้ำกระเพื่อม ฉายแสงสีฟ้าอมน้ำเงินของเจ้าวาฬยักษ์ได้อย่างชัชวาลย์
ฉากถือตะเกียงไฟใน Maze Runners : Scorch Trials (4K HDR) ไฟในตะเกียวลุกวาวกำลังดี ในขณะที่รายละเอียดรอบข้างก็ไม่ถูกกลืนกินไป

มาทดสอบภาพ 2D แบบ 1080p ปกติกันบ้าง เรื่องอ้างอิงอย่าง Journey 2 : Mysterious Island ก็ถูกนำมาใช้โดยเฉพาะฉากหากินในช่วงที่คุณพ่อแฮงค์เดินทางใมาพบคุณปู่อเล็กซานเดอร์พร้อมฉากหลังเป็นแมกไม้นานาพรรณอันเขียวขจี เจ้า DX900 สามารถแสดงภาพออกมาอย่าง “มีพลัง” สีผิวของตัวละครมีความถูกต้อง มีความเนียนสะอาด พร้อมดีเทลแฝงที่ครบถ้วน การอัพสเกลภาพจาก 1080p มาเป็น 4K ก็ทำได้อย่างน่าประทับใจ รายละเอียดมีความใกล้เคียงกับความเป็น 4K แท้มากยิ่งขึ้น

เล่นภาพ Blu-ray 1080p อัพสเกลได้ดีมาก
เช่นเดียวกับเรื่อง Avengers ฉากรวมพลเหล่าซุูเปอร์ฮีโร่ ก็แสดงภาพได้สะอาดตา ***ผมรู้สึกว่าสีของ 1080p Blu-ray SDR แอบจืดลงเล็กน้อยเมื่อดูแผ่น 4K HDR อ้างอิงบ่อยๆ

ส่วนโมชั่นภาพเคลื่อนไหว โดยพื้นฐานก็มีความเนียนตาใช้ได้อยู่แล้ว ตัวทีวีเองอ้างว่าเป็นระบบ 200Hz/ 240Hz แท้ มีฟีเจอร์ Intelligent Frame Creation (IFC) ในการเปิด/ปิดการแทรกเฟรมภาพเพื่อเพิ่มความลื่นไหล จากการทดสอบกับฉากลงบันไดของเฮียโลแกนจากเรื่อง X-Men 2 ระดับ Min นี่ให้ความสมดุลในเรื่องภาพเดลื่อนไหวได้ดีที่สุด ส่วนระดับ Med และ Max  จะก่อให้เกิดวุ้นเรืองแสงรอบๆวัตถุที่เคลื่อนไหว ความเป็นธรรมชาติหายไปหมด ดังนี้ก็ขอสรุปว่าฟีเจอร์แทรกเฟรมภาพ IFC ให้ปิดไปเลย หรือเปิดระดับ Min จะดีที่สุด…ฟันธงให้ !

ทดสอบภาพเคลื่อนไหวด้วยฉากลงบันไดจากเรื่อง X-Men 2 ให้เปิด IFC ระดับ Min ภาพจะลื่นสุดและยังคงความเป็นธรรมชาติเอาไว้ได้ด้วย

สรุปเรื่องภาพ Panasonic 65DX900T ให้ค่าแสงสีได้ถูกต้องแม่นยำอยู่ใน ระดับอ้างอิง” ปรับภาพง่าย ปุ๊บปั๊บลงล็อคหมด ค่าออกมาดีมากและภาพจริงก็ออกมาดีมากด้วยเช่นกัน ระดับความดำทำได้ดีด้วยโครงสร้าง Honeycomb Structure สามารถดิมไฟได้กว่า 512 โซน ในทางกลับกันก็พร้อมระเบิดพลังความสว่างที่ช่วยขับภาพ HDR ได้อย่างน่าประทับใจ หากให้ติก็อาจมีเรื่องมุมมองการรับชมที่หากนั่งตรง 90 องศาหน้าจอพอดีเป๊ะ ภาพจะเพอร์เฟกต์มาก แต่หากนั่งเฉียงหรือมุมมองไม่ได้ก็อาจจะเห็นข้อจำกัดอาทิการเกลี่ยแสงที่มีรอยจ้ำๆเล็กน้อยอยู่บ้าง (หากเปิดแพทเทิร์นสีขาวล้วน) แต่ทั้งนี้หากรับชมคอนเทนต์ทั่วไปแบบปกติก็จะไม่สังเกตเห็นข้อจำกัดเหล่านี้ โดยรวมแล้วเป็น LED TV ที่ให้ภาพดีเยี่ยมในลำดับหัวตาราง

หมายเหตุ : 

– ด้วยเทคโนโลยี Full LED Local Dimming Backlight ระดับความดำของ DX900T ถึงแม้จะยังไม่เพอร์เฟ็กต์เท่า แต่ก็ค่อยๆ ขยับเข้าใกล้ระดับดำสนิทตามแบบฉบับของ OLED TV เข้าไปทุกที 

– ระดับความสว่างของ DX900T นั้นสูงกว่า OLED TV เกือบเท่าตัว จึงให้ผลลัพธ์ต่อการแสดงผลแบบ HDR มากกว่า

– การไฟน์จูนปรับภาพผ่านทีวีเครื่องนี้ให้ผลลัพธ์ที่ดีมากๆ ทั้งอินเทอร์เฟสที่เอื้อต่อการใช้งาน ไม่ส่งผลบิดเบือนหรือบดบังรบกวนในขั้นตอน calibrated จึงสามารถดำเนินการได้อย่างรวดเร็วและเที่ยงตรง ซึ่งในประเด็นนี้หาทีวีเครื่องอื่นในปี 2016 มาเทียบเคียงไม่ได้เลย

– Input Lag ต่ำที่สุดจะอยู่อยู่ที่โหมด THX Bright Room โดยอยู่ที่ราว 40 ms (ไม่เปิดใช้งาน Motion แทรกเฟรม) และ 50 ms (เมื่อเปิดใช้งาน Motion) ซึ่งผลลัพธ์ดีกว่าโหมดอื่นๆ ประมาณครึ่งหนึ่ง, ทั้งนี้ตัวเลือก Game Mode ไม่ได้ส่งผลกับ Input Lag แต่อย่างใด

– สำหรับการรับชม HDR Content โหมดภาพ THX Cinema, THX Bright Room และ Professional ให้ความสว่างสูงที่สุด ซึ่งถือเป็นข้อดี เพราะโหมดภาพเหล่านี้ให้ความเที่ยงตรงสูง