23 Apr 2018
Review

รีวิว Polk Signa Solo ซาวด์บาร์ที่เน้นคุ้มค่า ไม่ต้องพึ่งซับวูฟเฟอร์แยกชิ้นก็กระหึ่มได้


  • raweepon

Sound – เสียง

หลังจากที่ได้ไปไล่ดูในส่วนของหน้าตาดีไซน์ของเจ้า Polk Signa Solo กันไปแล้ว ทีนี้จะขอพาคุณผู้อ่านทุกท่านมาไล่ดูกันที่ส่วนของการใช้งานจริงกันบ้าง หลายๆ ท่านอาจจะอยากรู้กันแล้วว่าเสียงของมันจะเป็นอย่างไร

เริ่มจากการจัดตัวของลำโพง Sound Bar ให้เข้าที่เข้าทางกันก่อน ซึ่งส่วนนี้จะขออนุญาตเปิดเจ้าลำโพงเบิร์นทิ้งไว้ให้ไดร์เวอร์เข้าที่เข้าทางกันสักเล็กน้อย
คลิ๊กฟังเสียงคร่าวๆ จากวีดีโอด้านบนได้เลยจ้า
ว่าแล้วเรามาเริ่มกันเลยดีกว่า สำหรับภาพยนตร์ KINGMAN: THE GOLDEN CIRCLE เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ผมดูแล้วค่อนข้างชอบมากๆ เพราะภาพยนตร์เรื่องนี้นอกจากจะบู้แอคชั่นแล้ว ก็ยังมีฉากฮาๆ ปล่อยมุขให้เราได้ขำกันอยู่บ้าง

สำหรับการรับชมภาพยนตร์ได้ลองใช้งานเป็นโหมดเสียง “ภาพยนตร์” ซึ่งจากทีได้ลองเปิดไล่เทียบกับโหมดเสียงอื่นๆ แล้วที่โหมดนี้จะให้เสียงกลางและเสียงที่ออกไปทางเสียงแหลมได้ดีที่สุด ในส่วนของเสียงกลางต่ำหรือเสียงเบสนั้นจะกระหึ่มอยู่พื้นหลัง โดยจุดสังเกตของการใช้งานในโหมดภาพยนตร์จะรู้สึกว่าเสียงปลายมันจะติดมนๆ อั้นๆ สักเล็กน้อย

และส่วนที่เป็นเสียงเบสถึงแม้ว่าตัว Sound Bar จะไม่มีลำโพงซับวูฟเฟอร์ติดตั้งมาให้อย่างจริงจัง แต่เพียงแค่ลำโพง full-range ขนาด 2.5 นิ้ว ที่ติดตั้งมาภายในตู้ลำโพงก็เพียงพอที่จะสั่นเขย่านำพาคลื่นเสียงในย่านความถี่ต่ำให้ออกมาเปล่งประกายผ่านทางท่อเบสที่อยู่ทางด้านหลังของตู้ลำโพงได้อยู่นะ

มาต่อกันที่การเล่นเกมส์กันบ้าง โดยการทดสอบนี้ได้ใช้เกมส์ DRAGON BALL FighterZ ที่ใช้การเล่นผ่านเครื่อง PlayStation 4 Pro มาใช้ในการทดสอบความเฟี้ยวฟ้าวของเจ้า Signa Solo

สำหรับโหมดเสียงที่ใช้ในการทดสอบจะเป็น “โหมดเกมส์” หากเทียบกับ “โหมดภาพยนตร์” แล้วจะรู้สึกว่าที่โหมดนี้จะให้เสียงที่เปิดกว่าเล็กน้อย ทำให้การเล่นเกมรู้สึกว่าเอฟเฟคต่างๆ มีความโดดเด่นขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด

อ้อ! ลืมบอกไปว่าทั้งการเล่นเพลงและรับชมภาพยนตร์นั้นล้วนใช้การเชื่อมต่อผ่านทางสาย Optiocal ทั้งหมด ซึ่งก็น่าจะทำให้เราได้รับฟังคุณภาพเสียงที่ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้

โดยกระผมได้เปิดฟังเพลงและมิวสิควีดีโอผ่านทาง YouTube เมื่อเปลี่ยนมาใช้ “โหมดเพลง” เพื่อให้เข้ากับการรับชมทำให้พบว่าที่โหมดการรับฟังดังกล่าวจะรู้สึกได้เลยว่าเสียงมีความโปร่งและปลายเสียงมีความสดใสมากกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด เมื่อเทียบกับโหมดอื่นๆ รู้สึกว่าฟังแล้วสนุก (จัดว่าดี)

สุดท้ายนี้ต้องขอจบการทดสอบการฟังเพลงด้วยการเชื่อมต่อผ่านทาง Bluetooth โดยใช้แอพพลิเคชันของ Spotify ที่หลายๆ ท่านในที่นี้น่าจะใช้งานกันอยู่

ซึ่งกระผมได้ใช้ “โหมดเพลง” เหมือนกัน ซึ่งก็พบว่าการรับฟังจะมีเสียงที่แตกต่างจากเดิมออกไปเล็กน้อย จากที่สังเกตได้คือเสียงปลายจะติดมนๆ จากเดิมอยู่พอสมควร ซึ่งก็จะเป็นข้อจำกัดของการเชื่อมต่อผ่าน Bluetooth แต่ถ้าเป็นไปได้ขอแนะนำให้เชื่อมต่อผ่านทางสายสัญญาณ Optical จะดีที่สุด และด้วยการเชื่อมต่อดังกล่าวจะรองรับระบบเสียงสูงสุดที่ Dolby Digital เท่านั้น

Conclusion – สรุป

Polk Signa Solo มาพร้อมกับราคาน่ารักๆ สามารถจับต้องได้ และมีความสามารถที่จะมาช่วยเติมเต็มให้กับทีวีของท่านมีเสียงที่ดีขึ้นและเสียงเบสมีความหนักแน่นมากขึ้นถึง 10 เท่า ด้วยไดร์เวอร์แบบ full-range array และท่อเบสด้านหลังที่ทำให้เสียงเบสมีความลึกตื้น

นอกจาก Polk Signa Solo จะมาพร้อมกับราคาประหยัดแล้ว บนตัวของมันเองก็ยังรองรับฟังก์ชันเสริมต่างๆ มาให้เราได้เลือกใช้งานค่อนข้างเยอะพอสมควร ไม่ว่าจะเป็นการปรับเพิ่มลดระดับความดังของเสียงกลางต่ำ รวมทั้งการปรับเพิ่มลดระดับความดังของเสียงเบสแยกได้ ก็นับว่าเป็น Sound Bar อีกหนึ่งตัวที่น่าเล่นและเหมาะกับการใช้งานกับที่ๆ มีพื้นที่ค่อนข้างจะจำกัด เพราะว่าตัวมันเองนั้นไม่มีตู้ลำโพงซับวูฟเฟอร์แยกชิ้น

Polk Signa Solo
ราคา 7,900 บาท

ข้อดี
– มาพร้อมกับดีไซน์เรียบๆ ชิ้นเดียวจบ ใช้งานได้ทั้งแบบตั้งโต๊ะ และยึดติดกับผนัง
– รองรับ Dolby Audio ช่วยให้สามารถรับชมภาพยนตร์ได้เสียงที่เต็มอิ่มมากยิ่งขึ้น ซึ่งก็รองรับกับระบบเสียงของแอพฯ Netflix ด้วย

ข้อเสีย
– ฟังก์ชัน VoiceAdjust จะถูกติดตั้งมากับตัวลำโพงตั้งแต่แรก จึงทำให้รู้สึกว่าเสียงกลางมันดูทึบๆ มนๆ ไปหมด ถ้าหากใครที่ชื่นชอบการรับฟังเสียงแบบโปร่งๆ ใสๆ แนะนำให้ใช้เป็น “โหมดเพลง” และค่อยๆ ปรับลดเสียงเบสเอาตามใจชอบ – ตัวบอดี้ของลำโพงค่อนข้างหนาหากนำไปใช้กับทีวีจะต้องคำนวณความสูงของทีวีให้ดี เพราะว่าอาจจะไปบังหน้าจอและช่องรับสัญญาณอินฟาเรดได้

คะแนน

ดีไซน์ (Design)
8.50
เสียง (Sound)
8.00
ลูกเล่น (Features)
8.00
การเชื่อมต่อ (Connectivity)
8.00
ความคุ้มค่า (Value)
8.50
คะแนนตัดสิน (Total)
8.20

คะแนน Polk Audio Signa Solo

8.2