Setup – การติดตั้ง
เซ็ตอัพกันเสียก่อนจะไปฟังนะครับ เนื่องจากว่าปัจจุบันทีมงานไม่มีแอมป์ตัวใหม่ๆติดออฟฟิศเลย(รีวิวเสร็จเค้าเก็บคืนไปหมดแล้ว) เลยต้องของัดทีเด็ดจัดเต็มกับชุดพาวเวอร์แอมป์ผสานพรีโปรเซสเซอร์ Onkyo PR-SC5509 และ PA-MC5501 ซึ่งถ้าว่ากันตามตรงมันออกจะเกินหน้าเกินตาเซ็ตลำโพงไปบ้าง แต่ก็มั่นใจได้แน่นอนเลยว่าตัวแอมป์สามารถเค้นเอาศักยภาพเนื้อๆจากลำโพงให้เห็นคาแร็คเตอร์ที่แท้จริงได้แน่นอน
สำหรับซับวูฟเฟอร์ที่เรายกมาแมตชิ่งกับเซ็ตนี้ก็จะเป็น Polk Audio PSW110 ที่สถิตย์อยู่ ณ ห้องเทสต์ของเราตั้งแต่รีวิว Polk Audio RTi ซีรี่ย์ ถือว่าเป็นซับวูฟเฟอร์ที่เซ็ตง่ายไม่ฟ้องตำแหน่งขับเสียงได้อย่างกลมกลืนกับลำโพงหลัก ทำให้ในเซ็ตโปรโมชั่นลำโพงต่างๆของ Polk Audio เราจึงมักที่จะเห็น PSW110 มาเข้าเซ็ตอยู่เสมอๆ
เริ่มต้นการติดตั้งด้วยการวางลำโพงคู่หน้าให้ทำมุมเป็นสามเหลี่ยมด้านเท่ากันกับจุดนั่งฟังตามรูปด้านล่างเลยครับ จากที่ได้เคยสัมผัสคาแร็คเตอร์ความเป็น Polk Audio มาบ้าง ผมจึงเลือกที่จะหันลำโพงสองข้างให้ Toe-in เข้าหาจุดฟังเพื่อกระชับจุดโฟกัสของเสียงให้ชัดเจนมากขึ้น
อย่างไรก็ตามหากตัวห้องไม่ได้มีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมเป๊ะๆแบบในรูปก็สามารถปรับขยับได้ตามความเหมาะสม
หลังจากวางลำโพงตั้งพื้นตัวใหญ่สุดเข้าไปแล้ว ก็ได้เวลาวางลำโพงชิ้นรองลงมาอย่างเซ็นเตอร์และลำโพงวางหิ้ง เนื่องจากลำโพงมีขนาดเล็ก ทีมงานจึงขอแนะนำให้ติดยางรองฐานไว้บริเวณใต้ตู้ลำโพงก่อนจะวางลงไปบนชั้นวางหรือขาตั้งใดๆก็ตาม เพื่อลดแรงกระพือที่จะมาลดทอนคุณภาพเสียง โดยในชุดนี้ตัวเซ็นเตอร์ของเราจะแถมยางรองมาให้เรียบร้อย ส่วนคู่หลังสามารถไปซื้อดินน้ำมันวิทยาศาสตร์หรือที่เรียกว่า “บลูแท็ค” มาแปะแทนได้ครับ
อันดับถัดไปคือการปรับจูนพื้นฐานที่ตัวแอมป์ครับผม โดยยกหน้าที่ให้กับ Audyssey MultiEQ XT32 ที่ค่อนข้างแม่นยำในการแคลิเบรตเสียงให้กับเราครับ ผมแนะนำให้เลือกปรับจูนแบบละเอียดเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ออกมาดีที่สุดครับ เมื่อเสร็จสิ้นการปรับจูนก็พร้อมที่จะได้ทดสอบ Polk Audio TSx เซ็ตนี้กันแล้วพี่น้องง
Sound – เสียง
คอนเทนต์แรกที่ผมหยิบขึ้นมาเปิดทดสอบกับ Polk Audio TSx ก็คือ TakeDake with Neptune: Asian Roots กับงานเพอร์คัสชั่นเครื่องไม้ไผ่เคาะฟังเพลินๆ โดยกดที่แอมป์ให้เป็นโหมด Pure Direct ก่อน แรกเสียบต้องบอกว่าการที่เครื่องยนต์กำลังขับมันแรงช่วยเสริมให้อิมแพ็คกับไดนามิคของเสียงที่ถูกขับออกมามีมิติและแน่นกระชับสุดๆ ผมจึงเปลี่ยนไปยังแทร็คที่สี่ “Java” อันมีจังหวะการบรรเลงที่ซับซ้อน โดยเฉพาะช่วงหยุดของท่อน Intro ที่เราจะได้ยินเสียงสะท้อนดังมาจากไกลๆ ซึ่ง TSx330T สามารถตอบสนองกับจังหวะหนักเบาได้อย่างยอดเยี่ยม
สลับมาฟังเพลงร้องกับแทร็คดนตรีแนว Electronica ชื่อว่า Winter (There”s Light) ของวง Laki Mera จากแดนสก็อตแลนด์ ที่ผมได้มาโดยบังเอิญจากการแจกแทร็คของ LINN ในแบบ Studio Master จุดขายของวงนี้อยู่ที่การผสมผสานกันอย่างลงตัวระหว่างเสียงร้องหวานใสของ Laura Donnelly นักร้องนำ กับจังหวะแบบอิเล็คทรอนิคส์ ยิ่งสะท้อนคาแร็คเตอร์สว่างใสของ TSx ตัวนี้ออกมาได้อย่างชัดเจน
การทดสอบดำเนินไปต่อคราวนี้สลับมาดูภาพยนตร์บ้างครับเปิดด้วย Last Stand ภาพยนตร์ที่ปลุกความเป็น Arnold ออกมาให้แฟนๆได้มันสะใจกับฉากยิงกันกระหน่ำเลือดสาดกระจาย ทีเด็ดไม่ได้มีดีที่เศษเลือดที่กระเด็นออกมาเท่านั้น แต่แผ่นบลูเรย์เรื่องนี้ยังให้เสียงปืนที่ชัดทุกเม็ด ในที่นี้ผมเลือกเอาฉากถล่มด่านสกัดช่วงกลางเรื่องมาใช้ในการทดสอบครับ
เสียงปืนที่ซัดออกมาเป็นเม็ดๆเริ่มดังขึ้นมาจากช่วงเงียบสนิท จากนั้นก็ค่อยๆหนักขึ้นและรุนแรง ภาระหน้าที่ของการขับเสียงถูกกระจายออกไปยังลำโพงครบทั้งซิสเต็ม เริ่มจากเสียงการปะทะด้านหน้าที่อยู่กับคู่หน้าและเซ็นเตอร์ ตลอดจนเสียงสภาพแวดล้อมขณะนั้นจากคู่หลังที่เป็นลำโพงตั้งขาตั้ง ทำให้สภาพเหตุการณ์ที่แสดงอยู่ในทีวีเริ่มจะค่อยๆหลุดลอยเหมือนเกิดขึ้นจริงรอบๆตัว และยิ่งคาแร็คเตอร์ของตัวลำโพงที่มีลักษณะปลายเปิดยิ่งทำให้มโนภาพนั้นเริ่มชัดแจ้งขึ้น การทำหน้าที่ของ TSx110B สามารถตอบสนองและเนรมิตห้วงบรรยากาศของห้องให้เกิดเป็นสนามเสียงเสมือนชักจูงผู้ฟังเข้าถึงตัวคอนเทนต์ได้ดี
คาแร็คเตอร์เสียงช่วงแรกที่แกะกล่องออกมาตัวลำโพงมีความสว่างใสเป็นอย่างมาก คาแร็คเตอร์ยังคงคล้ายคลึงกับ TSi ไม่ห่างหาย แต่ได้รับการปรับปรุงเรื่องของน้ำหนักและแรงปะทะที่มากขึ้น กล่าวคือลูกเบสบางๆจากรุ่นที่แล้วถูกขัดเกลาให้มีความหนาแน่น และขับออกมาอย่างสะอาดสะอ้านมากขึ้น ค่อนข้างจะผิดไปจากการคาดเดาส่วนตัวของผมว่าจะต้องมาแนวเสียงเบสหนักหน่วงแบบอุ่นหนาฝาคั่งมีกลิ่นอายของ RTi หลังจากที่ได้เห็นรูปร่างของลำโพงตอนแรก ก็ต้องมาลองดูกันต่อครับว่าหลังจากพ้นเบิร์นอินสักระยะลักษณะเสียงที่ได้จะแตกต่างไปหรือไม่
