
Polk Audio HTS10 Active Subwoofer ราคา 15,900 บาท
ชุดเครื่องเสียง Home Theater เป็นสิ่งที่ผู้คนที่รักการรับชมภาพยนตร์เป็นชีวิตจิตใจมักจะมีไว้ในครอบครองกันสักชุดอย่างแน่นอน โดยชุด Home Theater นั้นจะประกอบไปด้วยอุปกรณ์หลักต่างๆ ได้แก่ AV Receiver, ลำโพง และอีกสิ่งหนึ่งที่คาดไม่ได้ สำหรับอุปกรณ์ที่จะคอยมาช่วยเสริมพลังของเสียงให้มีน้ำหนัก ดูหนังก็มัน ฟังเพลงก็สนุก สิ่งนั้นจะเป็นอะไรไปไม่ได้เลย นอกจากลำโพงที่เกิดมาเพื่อสร้างเสียงเบสโดยเฉพาะอย่าง Subwoofer นั่นเอง
วันนี้ผมจะพาทุกคนไปรู้จักกับ Polk Audio HTS10 ลำโพง Active Subwoofer สัญชาติอเมริกา ขนาด 10 นิ้ว ที่มีน้ำเสียง ลูกเล่นและการออกแบบที่ไม่ธรรมดา ตามมาอ่านกันในรีวิวนี้ได้เลย !!!
หมายเหตุ : ในรีวิวนี้จะมีบางช่วงบางตอนที่นำลำโพง Polk Audio HTS10 ไปเปรียบเทียบกับ Polk Audio HTS12 ที่ผมได้รีวิวไปแล้วก่อนหน้านี้ เพื่อให้เห็นความแตกต่างของลำโพง Subwoofer ทั้ง 2 รุ่นครับ
*** ส่วนที่เปรียบเทียบระหว่างรุ่น HTS12 กับ HTS10 จะใช้เป็นตัวเอียงสีเทานะครับ ***
Design – การออกแบบ

Polk Audio HTS10 ตัวนี้เป็นลำโพง Active Subwoofer ขนาดลำโพง 10 นิ้ว มาพร้อมภาคขยายในตัวเป็นแอมป์ Class D ให้กำลังขับอยู่ที่ 100W (กำลังขับสูงสุด 200W) ตอบสนองความถี่ได้ที่ 25 ถึง 180Hz เรียกว่าจัดเต็มครบทุกย่านเสียงเบส เบสลึกก็ดี เบสต้นก็เอาอยู่
ซึ่งจุดนี้หากเรานำมาทียบกับรุ่นใหญ่อย่าง HTS12 ที่มีขนาดลำโพงอยู่ที่ 12 นิ้ว มีกำลังขับอยู่ที่ 200 W (กำลังขับสูงสุดที่ 400W วัตต์) และตอบสนองเบสย่านต่ำได้ตั้งแต่ 22 ถึง 180Hz อาจจะดูเจ้า HTS10 ของเรามีความสามารถที่เบาบางกว่ารุ่นใหญ่สักเล็กน้อย แต่ขอบอกเลยว่าถึงเป็นรุ่นเล็กกว่าก็มีจุดเด่นที่เหนือกว่าเหมือนกัน ซึ่งจะบอกในส่วนถัดไปครับ

การออกแบบตัวตู้นั้นมาในแนวเดียวกับลำโพงในตระกูล Signature Series นั่นเอง โดยตัวตู้ใช้การออกแบบเป็นลายไม้ ที่ด้านหน้าจะเป็นส่วนของดอกลำโพงขนาด 10 นิ้ว ที่สามารถถอดหน้ากากได้ ซึ่งดอกลำโพงนั้นจะมาในโทนสีเทาที่ตัดกับสีของตัวตู้ให้ความสวยงามมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว


ขนาดตัวตู้ถือว่ามีขนาดที่กำลังดี ไม่เล็ก ไม่ใหญ่ จนเกินไป มีขนาดความสูงอยู่ที่ 16.6 นิ้ว ความกว้าง 15.1 นิ้ว ความยาว 16.1 นิ้ว และมีน้ำหนักอยู่ที่ 17.1 กิโลกรัม ถือว่ามีน้ำหนักที่กำลังดีสำหรับลำโพง Subwoofer ระดับกลาง


อีกหนึ่งจุดที่เป็นเอกลักษณ์ของการออกแบบทางด้านเสียงของลำโพงในตระกูล Signature Series ที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือ การออกแบบท่อระบายเบสที่เรียกว่า Power Port โดยจะเป็นการออกแบบให้ตัวตู้ยกขึ้นจากพื้น แล้วยิงเสียงผ่านท่อระบายเบสที่ยิงเสียงลงด้านล่าง และมีการออกแบบให้มีแท่งที่มีลักษณะเหมือนกรวยหัวแหลมตั้งขึ้นไปในท่อเบส ซึ่งการออกแบบลักษณะนี้จะทำให้เสียงเบสที่ออกมานั้นมีความแผ่กระจายไปทั่วทั้งห้องแต่ก็ยังคงมีความคมของเสียงอยู่ เรียกได้ว่าเป็นลูกผสมของ Subwoofer แบบ Down Firing ผสมผสานกับแบบ Front Firing ทำให้เสียงที่ได้ดีกว่าการออกแบบแบบทั่วไป

Connectivity – ช่องต่อ
ในส่วนของช่องต่อนั้นก็ถือว่าครบครันต่อการใช้งาน ประกอบไปด้วย สวิตช์ เปิด/ปิด(Auto) ตัวเครื่อง, สวิตช์ ปรับเฟส 0 องศา กับ 180 องศา, ช่องต่อ Line In L/R, ช่องต่อ LFE, Volume ปรับความดัง, ที่หมุนปรับ Cross Over ตั้งแต่ 40Hz ไปจนถึง 160 Hz และ ช่องต่อกับอุปกรณ์ส่งสัญญาณแบบไร้สาย โดยรุ่นนี้จะไม่มีช่องต่อแบบ Hi-Level ที่เป็นสายลำโพง เหมือนกับในซีรีส์ PSW มาให้แล้ว อาจจะทำให้ไม่สามารถนำไปใช้งานร่วมกับ Integrated Amplifier บางรุ่นได้

Setup – การติดตั้ง

ในการทดสอบครั้งนี้ ผมได้ทำการ Set Up ระบบเสียงไว้ในรูปแบบ 5.1 CH เข้ากับ AVR พร้อมชุดลำโพง จากทาง Onkyo โดยทำการเชื่อมต่อสัญญาณเสียงจากช่อง Subwoofer Out ของ AVR มาเข้าที่ช่อง LFE ของตัวลำโพง Subwoofer HTS10 ซึ่งผมได้เลือกตัด X-Over (Cross Over) บนตัว AVR ไว้ที่ 50Hz เนื่องจากลำโพงคู่หน้าเป็นลำโพงตั้งพื้น และให้ Sub ทำหน้าที่เป็นตัวช่วยเสริมความถี่ต่ำโดยรวมของระบบแทน ซึ่งผมได้ทำการหมุนปุ่มปรับ Cross Over ของตัว Sub ไว้ที่ 180 Hz (Bypass) เพื่อใช้จุดตัดความถี่จากตัว AVR เลยนั่นเองครับ
ข้อแนะนำ : หากใครที่มีประสบการณ์ในการเล่นเครื่องเสียงมาระดับหนึ่ง ผมแนะนำให้ทำการเชื่อมต่อแบบ สาย RCA 1 ออก 2 จากช่อง Subwoofer Out ที่ตัว AVR เข้าที่ช่อง L/R ของ ตัว Sub เพื่อที่เราจะสามารถใช้ภาค Cross Over ของตัว Subwoofer ที่จะสามารถปรับได้ละเอียดกว่าบน AVR แถมการต่อแบบนี้ยังให้เนื้อเสียงและน้ำหนักของเสียงที่ดีกว่าการต่อแบบ LFE ปกติด้วยครับ