13 Mar 2022
Review

รีวิว BenQ ZOWIE XL2746K จอ 240Hz ที่ถูกใจโปรเพลเยอร์ และชาวเกมเมอร์


  • Dear_Sir

Picture – ภาพ

BenQ ZOWIE XL2746K มีขนาด 27” อยู่ในช่วงที่ใหญ่กำลังดีเห็นอะไรได้เต็มตามากขึ้น เลือกใช้พาเนลแบบ TN ที่มีจุดเด่นในเรื่องของอัตราการตอบสนองที่รวดเร็ว และทำอัตรารีเฟรชเรตที่สูง ซึ่งมอนิเตอร์สายเกมมิ่งส่วนใหญ่ก็มักจะใช้พาเนลนี้ ตัวจอมีความละเอียด Full HD (1920 x 1080) ความสว่างสูงสุด 275 nits ผิวจอเป็นแบบด้านช่วยลดแสงสะท้อน พอเสริมกับที่กั้นแสงด้านข้าง ก็ยิ่งช่วยให้ผู้ใช้ได้เห็นภาพบนจอได้ชัดเจนขึ้น รวมไปถึงมีสมาธิกับภาพตรงหน้ามากขึ้นด้วย

อัตรารีเฟรชเรต (Refresh Rate) สูงสุด ที่รุ่นนี้ทำได้อยู่ที่ 240Hz ซึ่งกราฟิกการ์ดในปัจจุบันในรุ่นเริ่มต้นค่อนกลางก็ทำได้ถึงแล้ว เพียงแต่จะเป็นในรูปแบบของการใช้งานปกติเล่นเกมก็พอได้ แต่หากจะเล่นเกมแล้วเอาภาพดีหน่อย เฟรมเรตสูงๆ ด้วย ก็จะต้องเล่นกราฟิกการ์ดที่รุ่นสูงขึ้นมา ซึ่งสำหรับจอที่ทำรีเฟรชเรตสูงได้แบบนี้ก็เหมาะกับการเล่นเกมทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็น MOBA, RTS, FPS และยิ่งได้ฟีเจอร์ที่ช่วยในการเล่นเกมที่มีอยู่ในตัวจอก็ยิ่งทำให้เราได้เปรียบในการเล่นมากขึ้นอย่าง

DyAc⁺™ 

ฟีเจอร์ที่ช่วยลดอาการภาพสั่น เบลอโดยเฉพาะ ช่วยให้ผู้ใช้อย่างเรามองเห็นเป้าได้ชัดเจนขึ้น นิ่งขึ้น มีประโยชน์มากโดยเฉพาะตอนเล่นเกมประเภท FPS เพราะทุกคนรู้กันดีว่าในตอนที่เรายิงปืนสาดกระสุนใส่คู่ต่อสู้ แรงถีบของปืนจะมากกว่ายิงแบบทีละนัด ส่งผลให้ภาพสั่นไหวเพิ่มความยากในการจับเป้า แต่พอเปิดใช้ DyAc⁺™ ก็จะช่วยลดอาการสั่นตรงนี้ลง ฟีเจอร์ DyAc⁺™ มีให้ปรับ 2 ระดับคือ Hight กับ Premium แต่เท่าที่ลองแล้วสองระดับนี้ไม่ได้เห็นผลแตกต่างกันอย่างชัดเจนนัก

Black eQualizer

สายแคมป์ สายซุ่ม สายแอบมีร้อง เพราะฟีเจอร์ Black eQualizer จะเป็นการดึงเอารายละเอียดภาพในที่มืดออกมา ช่วยให้เราสามารถมองเห็นศัตรู ไอเทม ที่ซ่อนอยู่ได้ง่ายขึ้น ซึ่งฟีเจอร์นี้จะแตกต่างจากการดึง Backlight ของตัวจอ เพราะมีผลกระทบต่อส่วนที่สว่างน้อยมาก เน้นดึงเพียงแค่รายละเอียดในที่มืดเท่านั้น

Color Vibrance

ฟีเจอร์นี้จะเป็นการบูสต์สีสันในภาพให้สดอิ่มมากขึ้น ช่วยให้เห็นพวกแม่สีหลักในภาพได้สะดุดตากว่าเดิม แต่ก็มีข้อเสียคือถ้าเราเพิ่มระดับมากเกินไปสีสันในภาพก็จะเพี้ยน แนะนำว่าไม่ควรเพิ่มเยอะจนเกินไป

XL Setting To Share™

ผู้ใช้งานทั่วไป หรือผู้ใช้งานที่เริ่มเข้าสู่วงการแข่งขันเกม และแม้กระทั่งโปรเพลเยอร์ที่แข่งกันเป็นอาชีพ จะต้องถูกใจฟีเจอร์นี้ เพราะเราสามารถที่จะดาวน์โหลด รวมไปถึงแชร์การตั้งค่าของตัวมอนิเตอร์ไปให้กับเพื่อนได้ มีประโยชน์มากเวลาที่จะต้องออกไปแข่งเกมนอกสถานที่ หากสถานที่นั้นใช้มอนิเตอร์รุ่นเดียวกันกับที่เราใช้เป็นประจำ ก็เอาค่าที่เราเซฟไว้ไปเอาไปลงในมอนิเตอร์เครื่องที่เราแข่งได้เลย พอลงเสร็จค่าต่างๆ บนตัวมอนิเตอร์ ก็จะเหมือนกันกับเครื่องที่เราใช้เป็นประจำ ไม่ต้องเสียเวลามาตั้งค่าใหม่อีก

หมุนจอแนวตั้งเล่นเกมแนวยานแบบนี้ คิดถึงแต่ก่อนที่ไปตาม Game Center เลย

โหมดภาพบน ZOWIE XL2746K มีให้ใช้งานหลายโหมด แต่โหมดภาพที่มีอุณหภูมิสีที่เที่ยงตรงที่สุดคือโหมด Movie กับ Standard มีค่าอุณหภูมิสีอยู่ที่ราว 6600K ซึ่งถือว่าเป็นค่าที่ค่อนข้างดีเพราะค่าอุณหภูมิสีในอุดมคติจะอยู่ที่ 6500K มีค่าเฉลี่ยความผิดเพี้ยนของระดับสีเทา (Greyscale Avg dE) อยู่ที่ 2.4 ส่วนค่าเฉลี่ยความผิดเพี้ยนของสีสัน (Color AVg dE) อยู่ที่ 2.8 ซึ่งค่าที่บอกไปข้างต้นเป็นค่าที่มาจากโรงงานยังไม่ได้ผ่านการปรับภาพ

ผลสรุปก่อนปรับภาพของ BenQ ZOWIE XL2746K

ในการปรับภาพทีมงานได้เลือกใช้โหมด Standard ในการเป็นฐานการปรับ หลังจากปรับภาพแล้วค่าต่างๆ ถือว่าดีขึ้นอีกหนึ่งสเต็ป อย่างค่าอุณหภูมิสีวัดแล้วก็อยู่ที่ 6469K ถือว่าดีมาก ส่วนค่าเฉลี่ยความผิดเพี้ยนของระดับสีเทา ก็ลดลงเหลือ 1.9 ส่วนค่าเฉลี่ยความผิดเพี้ยนของสีสันเหลือ 2.6 ซึ่งค่านี้ยิ่งน้อยเท่าไหร่ก็ยิ่งดี

ผลสรุปหลังปรับภาพของ BenQ ZOWIE XL2746K

ในด้าน Input Lag รุ่นนี้เองก็ทำได้ดีไม้แพ้กัน จากที่วัดจากสัญญาณภาพความละเอียดแบบ 1080p@120Hz จะได้อยู่ที่ราว 9.2ms ในกรณีที่เปิดใช้งานฟีเจอร์ DyAc⁺™ แต่ถ้าไม่ใช้ฟีเจอร์นี้ก็จะเร็วขึ้นอีก อยู่ที่ราว 4.4ms เท่านั้น

อีกจุดหนึ่งที่ไม่พูดถึงไม่ได้ในการปรับแต่ง ตั้งค่าต่างๆ ของตัวจอ นั่นก็คือการ “ควบคุมการตั้งค่า” ตามปกติ มอนิเตอร์ทั่วไปเราก็จะต้องไปกดปุ่มเมนูฮาร์ดคีย์บนตัวจอ นอกจากจะต้องเสียเวลาคลำหาปุ่มแล้ว ยังกดถูกบ้าง ผิดบ้างด้วย แต่ตัว ZOWIE XL2746K นั้นมีตัว S Switch แบบ 5 ทิศทางมาให้ จึงทำให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงเมนูต่างๆ ได้ง่ายกว่า รวมไปถึงยังสามารถสลับการตั้งค่ามอนิเตอร์ที่เราบันทึกไว้ได้อย่างง่ายดายผ่านแค่ปุ่มเดียวบน S Switch