ภาพ
สำหรับท่านใดที่พอจะมีประสบการณ์กับอุปกรณ์ต่างๆ แล้วอยากจะลองติดตั้งเองก็ต้องบอกเลยว่ามันไม่ได้ยากครับ เพราะการจัดวางโปรเจคเตอร์นั้นมีหัวใจหลักๆ ด้วยกัน 3 อย่าง นั่นก็คือ ความชัด, ความตรง และขนาดจอ โดยรายละเอียดจะมีดังต่อไปนี้
ความชัด – คือการปรับโฟกัสภาพให้คมกริบ เหมือนเวลาที่เราโฟกัสวัตถุตอนใช้กล้องถ่ายรูป สำหรับขั้นตอนนี้เรามีทริคง่ายๆ คือการเปิดเมนูของตัวเครื่องขึ้นมาเลยครับ แล้วปรับโฟกัสให้เมนูคมที่สุด แล้วภาพอื่นๆ จะคมตามมาเอง
ความตรง – ภาพที่ถูกฉายออกมาจากโปรเจคเตอร์จะเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า หากเราวางโปรเจคเตอร์ไม่ได้ระดับ จะทำให้ภาพกลายเป็นสี่เหลี่ยมคางหมู แล้วถ้าเกิดเราไม่สะดวกที่จะขยับตำแหน่ง ตัวโปรเจคเตอร์เองก็มีฟีเจอร์ที่เรียกว่า Keystone Correction ซึ่งจะช่วยให้เราจัดตำแหน่งภาพที่ฉายขึ้นไปบนจอได้
ขนาดจอ – ปัจจัยหลักของคนซื้อโปรเจคเตอร์คือต้องการจอแสดงผลขนาดใหญ่ในราคาที่ไม่แพงมาก ยิ่งถอยห่างขนาดจอก็จะยิ่งใหญ่ แต่ก็แน่นอนครับ จอยิ่งใหญ่พิกเซลก็จะเริ่มแตกระแหง เหมือนเวลาเราไปเพ่งจอโทรทัศน์ใกล้ๆ ฉะนั้นแล้วให้ยึดตำแหน่งที่นั่งเป็นที่ตั้ง จากนั้นขยายจอให้ใหญ่ที่สุดเท่าที่ภาพยังเนียนอยู่ แล้วค่อยเริ่มปรับความคมชัดกับของภาพระนาบให้ตรง เท่านี้ก็จะได้อรรถรสที่ดีที่สุดแล้วครับ
หลังจากทุกอย่างเข้าที่เราก็เริ่มเดินเครื่องแล้วฉายภาพขึ้นจอกันเลยครับ โดยอันดับแรกผมขอดูโทนสีผิวจากในเรื่อง Fast Five ก่อนเลยดีกว่าครับ
คาแร็คเตอร์สีในโหมดภาพสำเร็จรูปต่างๆ จากโรงงานที่มีให้มาก็จะคล้ายคลึงกับทุกจอภาพและโปรเจคเตอร์ เอาเป็นว่าถ้าใครไม่อยากที่จะปรับภาพให้มากมาย ผมก็มีข้อแนะนำตามนี้ครับ สำหรับคนใช้งานตอนกลางวัน ผมแนะนำให้ใช้โหมด Brightness, Standard หรือ Picture ที่จะช่วยเร่งความสว่างและความสดให้สู้แสงภายนอกได้ดีไม่มีตก แต่สำหรับคอหนังที่ต้องการความนุ่มนวลและสมจริงของสีสัน ก็แนะนำให้เป็น Movie หรือ User แล้วนำมาปรับค่าเล็กน้อยจะเหมาะสมกว่า
หลังจากดูไปสักพักผมจึงฝากคุณชานมผู้เชี่ยวชาญด้านการปรับภาพของเราได้ลองปรับภาพเชิงลึกกันอีกสักหน่อยเพื่อที่จะดูว่าขีดความสามารถสูงสุดของโปรเจคเตอร์นี้อยู่ที่ระดับใด
จากกราฟด้านบนจะเห็นว่าความสามารถในการแสดงสีสันอยู่ในระดับที่ใช้ได้เลย ซึ่งถ้าลองย้อนกลับไปเปรียบเทียบกับกราฟของ K137 รุ่นก่อนหน้า จะพบว่าสีของภาพที่ได้มีความแม่นกว่าเดิมค่อนข้างเยอะทีเดียว ถือว่าไม่ธรรมดาครับ ต้องปรบมือให้กับทาง Acer ในจุดๆ นี้
ทว่าเมื่อลองปรับภาพไปได้สักพัก ก็ไม่พบถึงความแตกต่างสักเท่าไร บางอย่างก็ดีขึ้นอาทิ เช่น รายละเอียดในที่มืด ความหยาบกร้าน แต่บางอย่างกลับแย่ลง อย่างเช่นความแม่นยำของการแสดงสี ผมจึงแนะนำว่าให้เลือกใช้โหมดภาพจากโรงงานตามที่ผมได้เกริ่นไว้ ก็น่าจะเพียงพอสำหรับการชมภาพยนตร์และกิจกรรมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องแล้ว
ข้อบกพร่องเล็กน้อยที่ไม่กี่คนนักที่จะสังเกตุเห็น คือโปรเจคเตอร์ตัวนี้ใช้การเรียงเม็ดพิกเซลแบบข้าวหลามตัด ทำให้ถ้าเกิดเรานั่งชมจอใหญ่ๆ แล้วนั่งใกล้ฉากเกินไป เราก็จะเห็นรอยหยักๆ ได้ง่ายกว่าการเรียงพิกเซลในแนวนอนเหมือนจอทีวีทั่วไป ซึ่งวิธีการนี้จะช่วยให้เราทางผู้ผลิตสามารถลดขนาดตัวของโปรเจคเตอร์ให้เล็กลงได้ง่ายกว่าที่จะใช้การเรียงแบบแนวนอนครับ