03 Aug 2023
Review

รีวิว TCL 85C645 Google TV จอใหญ่ แอปฯ เพียบ ดูหนังเพลิน ดูซีรีส์สบาย!!


  • JoJo

Extra – เพิ่มเติม

ระบบสมาร์ททีวีบน TCL 85C645 เลือกใช้งานในปี 2023 นั้นเป็น Google TV มีแอปฯ รองรับการใช้งานที่หลากหลายและเยอะที่สุดในบรรดาระบบสมาร์ททีวี เพิ่มความคล่องตัวในการใช้งานมากขึ้นกว่ารุ่นก่อนๆ แบ่งหมวดหมู่คอนเทนต์และการใช้งานออกมาชัดเจนตามแอปฯ ต่างๆ

แอปฯ มีให้ใช้งานแบบครบครันไม่ว่าจะเป็น Netflix, YouTube, Disney+ Hotstar, TrueID, AIS Play,TikTok หรืออื่นๆ อีกกว่า 10,000 แอปฯ รวมถึงแอปฯ ดูซีรีส์ทางฝั่งจีนที่กำลังฮิตในตอนนี้อย่าง YOUKU ก็มีมาให้ใช้งานแล้วเช่นกัน

แอปฯ VIU ดูได้แล้ว

ในด้านการเชื่อมต่อกับมือถือหรือสมาร์ทโฟน ตัวทีวีนั้นรองรับ Chromcast Built-in มาตั้งแต่ต้น แต่หากใครที่เป็นสาวกอุปกรณ์ Apple และอยากโยนภาพหรือใช้งาน AirPlay เราจำเป็นที่ต้องติดตั้งแอปฯ อย่าง AirScreen บนทีวีเสียก่อนเพียงเท่านี้ก็ใช้งานได้แบบหายห่วง

ขึ้นชื่อว่า Google TV ในเรื่องเชื่อมต่อและควบคุมอุปกรณ์ IoT ต่างๆ ถือว่าทำได้แบบง่ายดาย เราสามารถพูดคำสั่งเสียงผ่าน Google Assistant อยากสั่ง เปิด-ปิด อะไรทำได้หมดผ่านทางรีโมท หรือสั่งงานแบบ Hand-Free Voice Control โดยตรงกับตัวทีวีได้เช่นกัน

ด้านล่างทีวีมีรูไมโครโฟนพร้อมไฟสถานะ

Picture – ภาพ

TCL 85C645 เป็นทีวีไซส์ขนาด 85” ที่ใหญ่กำลังดีในยุคนี้ ความละเอียดภาพ 4K (3840x2160p) ที่ใช้เทคโนโลยี Quantum Dot หรือที่เรารู้จักกันก็คือ QLED มาช่วยบูสสีสันและขยายขอบเขตสี มีการจัดวางและติดตั้งหลอดไฟแบบ Direct LED Backlight ผนึกกำลังกับชิป AIPQ Engine 3.0 เพื่อถ่ายทอดรายละเอียดภาพออกมาให้ดูคมชัด รองรับมาตรฐานภาพ HDR ทั้ง 2 รูปแบบคือ HDR10+ , Dolby Vision

สำหรับระยะการนั่งรับชมทีวีไซส์ 85” แบบนี้ ผมแนะนำว่าเราควรมี “ระยะห่างจากตัวทีวีประมาณ 2.5 เมตร” จะได้ภาพที่ใหญ่เต็มตาคมชัดกำลังดี

ภาพสวย คมชัด

ในส่วนความสว่างสูงสุด หรือ Peak Brightness ทำได้อยู่ที่ 457 nits ภาพมุมมองตรงถือว่าเปิดโปร่งสีสันสดอิ่ม ตามเอกลักษณ์ของจอ VA
(Vertical Alignment) เวลานั่งชมมุมตรงจะทำให้ภาพที่ได้นั้นออกมาดีที่สุด

ในด้านของความเที่ยงตรงของสีจากโหมดภาพของ TCL 85C645 นั้นแบ่งเป็น 2 ประเภท คือการรับชมแบบ SDR และ HDR 

เริ่มจาก SDR โหมดภาพที่ให้ค่าความเที่ยงตรงของสีและใกล้เคียงมาตรฐานภาพมากที่สุดคือ Movie จะมีค่าเฉลี่ย Delta E (Color Space) อยู่ที่ 3.2 และ Delta E (Grayscale) อยู่ที่ 5.2 ใช้รับชมคอนเทนต์ประเภท SDR ทั่วไปได้ทั้งหมดพวกรายการทีวีดิตอล ภาพจะนวลๆ สบายตา

– SDR –

<กดที่ Tab ด้านบน เพื่อดูผล SDR Calibration Report>

หลังจากที่ทำการ Calibrate โหมดภาพ Movie ปรากฏว่าค่าเฉลี่ยของ Delta E (Color Space) ดีขึ้นอยู่ที่ 2.8 และ DeltaE (Grayscale) อยู่ที่ 2.2 ส่งผลให้สมดุลภาพดีขึ้นจากเดิม โทนสีของภาพดูเข้าที่เข้าทางมากขึ้น

– HDR –

ในด้านการแสดงผลแบบ HDR โหมดภาพที่ให้ค่าความเที่ยงตรงและใกล้เคียงมาตรฐานภาพที่สุดคือ Movie จะมีค่าเฉลี่ย Delta E (Color Space) อยู่ที่ 4.5 และ Delta E (Grayscale) อยู่ที่ 2.4 สมดุลภาพอยู่ในเกณฑ์ดีตั้งแต่ต้น มีขอบเขตสีกว้างถึง 96% ของมาตรฐานภาพ DCI-P3 อีกทั้งยังทำความสว่างสูงสุดอยู่ที่ 457 nits 

<กดที่ Tab ด้านบน เพื่อดูผล HDR Calibration Report>

หลังจากทำการ Calibrate ปรากฏว่าโหมดภาพ Movie มีค่าสมดุลแสงสีของภาพที่ใกล้เคียงมาตรฐานภาพและดีที่สุดเช่นเคยโดยมีค่าเฉลี่ย DeltaE (ColorSpace) อยู่ที่ 1.8 และ DeltaE (Grayscale) อยู่ที่ 1.6 เท่านั้นถือว่าทำได้ดีขึ้นพอสมควร

แต่หากรับคอนเทนต์ Dolby Vision โหมดภาพจะถูกปรับเหลือเพียง 2 โหมด และไม่สามารถปรับค่าความสว่างได้

ซึ่งโหมดภาพที่ผมแนะนำให้ใช้หลักๆ คือ Dolby Vision Bright เหมาะกับห้องที่มีสภาพแสงมาก มีแสงแดดส่องเข้ามาหรือเปิดไฟ แต่หากรับชมในห้องมืดหรือปิดไฟดูเวลากลางคืนโหมดภาพที่แนะนำคือ Dolby Vision Dark ใครใช้งานในสภาพแสงแบบไหนก็สามารถปรับใช้งานตามที่ผมแนะนำได้เลยครับ

สำหรับฟีเจอร์แทรกเฟรมภาพเคลื่อนไหว หรือ MEMC (Motion Estimation & Motion Compensation) ที่ช่วยให้ภาพดูลื่นไหลขึ้นนั้น ในรุ่นนี้ผมแนะนำให้ปรับค่า Motion > Judder Reduction เป็น 2-3 จะช่วยให้ภาพเคลื่อนไหวไหลลื่นดูดีและเป็นธรรมชาติมากที่สุดครับ