ภาพ
เริ่มทดสอบด้วยค่าภาพจากโรงงาน ยังไม่ผ่านการคาลิเบรท ซึ่งโหมดภาพสำเร็จรูปที่มีในเครื่องนี้ จะมีโหมด Standard, Movie, Natural และ Dynamic ค่าสีเดิมๆ จากโรงงานสามารถให้ภาพที่อยู่ในเกณฑ์ดีเลยทีเดียว มีสีสันที่อยู่ในโทนสว่างสบายตา เข้ากันได้กับผู้ใช้ระดับทั่วไปที่ต้องการใช้งานหลังแกะกล่องโดยไม่ต้องปรับใดๆ
เมนูการตั้งค่าปรับภาพใน NU7300 นั้นให้เมนูปลีกย่อยมาค่อนข้างมากมาย สามารถปรับได้ทั้ง Blacklight, Brightness, Contrast, Sharpness, Colour, Tint, Color Tone, White Balance ไปจนถึง Color Space อันมีส่วนช่วยให้ปรับภาพได้ละเอียดมากขึ้น ซึ่งหลังจากปรับภาพแล้ว รุ่นนี้สามารถสีสันได้ค่อนข้างเที่ยงตรง สังเกตได้จากค่าการปรับภาพด้านล่าง…
Samsung 55NU7300 เครื่องนี้สามารถให้สีสันที่สดใส ขณะเดียวกันยังคงความสบายตาในการรับชมสูง โดยโหมดภาพที่แนะนำสำหรับการรับชมทั้งแบบ SDR และ HDR คือ “โหมด Movie” โทนภาพจากโหมดนี้จะเป็นโทนอุ่น ถนอมสายตา เหมาะต่อการรับชมเป็นเวลานาน ยังคงให้ความเปรียบต่างของแสงและความลึกของภาพจาก HDR ได้อย่างเต็มอรรถรส
ผลพลอยได้จากการรองรับ HDR10+ ทำให้ทีวีรุ่นนี้ขับพลังแสง HDR สาดส่องได้เป็นประกายท้าทายสายตา ค่าความสว่าง Peak Brightness ที่วัดได้สูงสุดอยู่ที่ 273 Nits สร้างความเปรียบต่างของแสงในเกณฑ์ดี คงความชัดของเส้นสายประกายแสงได้ครบถ้วน ไม่เพียงแค่เพิ่มความหวือหวาในการรับภาพยนตร์ที่ใช้ CG เยอะๆ ยังเพิ่มความเป็นธรรมชาติของแสงและสีผิวของฉากต่างๆ ที่ถ่ายทำท่ามกลางแสดงแดดยามกลางวันให้ดูสมจริง มีมิติระหว่างแสงกับเงา
เมื่อประสานจอโค้งเข้ากับจอภาพ VA ยิ่งช่วยการรับชมในมุมตรง ได้ภาพที่มิติลึกกว่าแบบจอแบน อีกทั้งยังให้ความดำได้ดีกว่าจอแบบ IPS แต่ก็ในเรื่องมุมมองการรับชมอาจเป็นรองตรงที่หากผู้รับชม อยู่ในองศามุมเฉียงจากจอทีวี จะทำให้ภาพการรับชมมีสีสันที่เพี้ยนผิดไปจากการรับชมแบบตรงๆ พอสมควร
การรับชมแบบ SDR ก็ให้สีสันสดเด้งไม่แพ้ HDR เลย ภาพมีความอิ่มสีสูง สังเกตได้จากการรับชมคอนเท็นต์ประเภทอนิเมชั่น สีสันรุกเร้าตอบสนองอารมณ์ได้อย่างถึงใจ และแน่นอนว่าคอนเท็นต์ SDR แทบจะทั้งหมด มีความละเอียดอยู่ที่ระดับ Full HD ตัวทีวีสามารถอัพสเกลให้มีความคมชัดขึ้นมาอีกระดับ ใกล้เคียงกับความละเอียด 4K
อีกสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้ นั่นก็คือฟีเจอร์ Motion Plus ระบบประมวลผลแทรกภาพเคลื่อนไหว ช่วยให้ภาพที่มีเฟรมเรตต่ำ ส่วนใหญ่มักอยู่ที่ 24-30Hz มีความลื่นไหลนวลตามากขึ้น ซึ่ง NU7300 สามารถให้ภาพที่ลื่นไหลได้ดีเยี่ยม เลือกเปิดใช้งานได้ทั้งแบบ Auto หรือ Custom โดยการปรับแบบ Custom สามารถเลือกระดับการแทรกเฟรมได้มากถึง 10 ระดับ โดยระดับที่แนะนำคือ ระดับ 3 และระดับ 4
ด้านการเล่นเกมก็มีโหมด Game Mode มาให้ มาช่วยลดค่า Input Lag ให้อยู่ในระดับที่ต่ำ เหลือเพียง 13.8 ms เท่านั้น เพื่อให้เล่นเกมได้ลื่นไหลไม่สะดุด ตอบโจทย์ชาวเกมเมอร์ที่ต้องการภาพลื่นๆ เนียนๆ แต่กระนั้น การเปิดโหมดนี้ก็ทำให้สีสันของภาพถูกเร่งขึ้น คล้ายกับการเปิดโหมดภาพ Dynamic ที่มีความสดจัดจ้าน รวมถึงเสียงทีวีก็มีการเพิ่มย่านเสียงกลางขึ้นมาเพิ่มความรุกเร้าคล้ายโหมด Optimize