ด้วยดีกรีที่เป็นถึงรุ่นท็อปของ Samsung Premium UHD TV Series ที่เป็นรองแค่ QLED TV ประเด็นเรื่องของฟีเจอร์ที่เอื้อต่อการเล่นเกมจึงทำได้ไม่แพ้กัน 55NU8500 มาพร้อมกับระบบประมวลผลแทรกเฟรมภาพเคลื่อนไหวที่มีชื่อเรียกว่า Game Motion Plus หรือระบประมวลผลแทรกเฟรมภาพเคลื่อนไหวที่ช่วยให้ภาพเคลื่อนไหวที่มีอัตราเฟรมเรตต่ำ (24, 25, 30 FPS) ดูไหลลื่นไม่สะดุด จุดที่แตกต่างจาก Motion Plus ปกติ คือสามารถเปิดใช้งานร่วมกับ Game Mode และจะกระทบกับ Input Lag น้อยมากๆ
แต่มีติเล็กน้อยสำหรับ Game Mode ของ Samsung คือ ดุลสีภาพเมื่อเปิดใช้ Game Mode จะดูคล้าย Dynamic สีจะอมฟ้ามากๆ และเร่ง Contrast, Color, Sharpness มาเกินพอดี ต้องทำการ calibrate เพิ่ม จึงจะได้ผลลัพธ์ที่ดี
แต่ปัญหานี้จะหมดไป เมื่อทีวี (รวมไปถึงมอนิเตอร์ยุคใหม่) มาพร้อมกับเทคโนโลยีการแสดงผลล่าสุด ที่เรียกว่า Variable Refresh Rate (ชื่อเรียกของทาง HDMI Licensing) หรือ Adaptive-Sync (ชื่อเรียกของทาง VESA)
อุปกรณ์ต้นทางในปัจจุบันที่รองรับเทคโนโลยี FreeSync และสามารถใช้งานร่วมกับ 55NU8000 ได้ คือ คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลที่ใช้กราฟิกการ์ดของทาง AMD รุ่นที่รองรับ คือ Radeon R7, R9, RX Series, … เป็นต้น หรือเครื่องเกมคอนโซลอย่าง Xbox One S และ X
กรณีที่เชื่อมต่อรับสัญญาณจากคอมพิวเตอร์ หากสเป็กกราฟิกการ์ดไม่ใช่ AMD จะยังสามารถเอาต์พุตสัญญาณ High Frame Rate 4K 60Hz หรือ 1440p/1080p 120Hz ไปแสดงผลบนจอ 55NU8500 ได้ แต่จะไม่สามารถเปิดใช้งาน FreeSync ได้ครับ อย่างไรก็ดีฮาร์ดแวร์จะสามารถรันเฟรมเรตสูงระดับนี้ได้อย่างต่อเนื่องหรือไม่ ก็ขึ้นกับสเป็กของคอมพิวเตอร์เป็นสำคัญ
เสียง
ระบบเสียงของ 55NU8500 แม้ไม่หวือหวาเรื่องของลักษณะการออกแบบ ตัวขับเสียงแบบ 2.1 พร้อม Bass-reflex ติดตั้งบริเวณส่วนล่างของจอภาพ แต่ในแง่คุณภาพเสียงนับว่าทำได้ดีทีเดียว รายละเอียดเสียงไม่ห้วน หรือครุมเครือ น้ำหนักเสียงเบสพอเหมาะ ไม่ขาดแคลน โดยรวมสามารถใช้ดูหนังและฟังเพลงได้ไม่เป็นที่ขัดใจ
สรุป
ไม่เสียทีที่รั้งดีกรี Premium UHD TV กับดีไซน์จอภาพแบบโค้งสะดุดตา ในแง่คุณสมบัติหลายอย่างก็ทำได้ใกล้เคียง QLED TV ทั้งในแง่การรับชมภาพยนตร์น้องๆ มาตรฐาน UltraHD Premium ทั้ง HDR Peak Brightness เกือบๆ 900 nits, 89% DCI-P3 Wide Color Gamut พร้อม Edge LED Local Dimming คุมคอนทราสต์ได้ดี แต่เหนืออื่นใด คือ คุณสมบัติพิเศษที่ช่วยสร้างประสบการณ์เล่นเกมได้อย่างยอดเยี่ยม ทั้งการรับสัญญาณ High Frame Rate ทาง HDMI ที่ 4K 60Hz และ 1440p/1080p 120Hz ผนวกเทคโนโลยี FreeSync ให้ความสมบูรณ์ต่อเนื่องจากภาพเคลื่อนไหวของเกมได้ดี โดยที่ยังไม่มีผู้ผลิตทีวีอื่นใดทำได้เวลานี้
ข้อดีของ Samsung 55NU8500
1. หนึ่งในซีรี่ส์ Premium UHD TV จอโค้ง ดีไซน์ดูดีไปถึงด้านหลัง ให้ One Remote ขนาดกะทัดรัดมาด้วย รีโมตอันเดียวควบคุมได้หลายอุปกรณ์
2. 4K HDR VA Panel คอนทราสต์ดี Edge LED Local Dimming คุมแสงลอดได้ดีเกินคาด
3. พร้อมแสดงผล HDR10+, HDR10 และ HLG ที่ระดับ Peak Brightness เกือบ 900 nits รองรับ Wide Color Gamut (89% DCI-P3)
4. รองรับ High Frame Rate ทาง HDMI Input ทั้ง 4K 60Hz, 1440p/1080p 120Hz พร้อมเทคโนโลยี FreeSync
5. สามารถเปิดใช้งาน Motion Plus กับ Game Mode ได้ โดย HDMI Input Lag ต่ำเพียง 29.2 ms (Motion – On) และ 19.1 ms (Motion – Off)
ข้อเสียของ Samsung 55NU8500
1. แม้ VA Panel รุ่นใหม่ๆ จะปรับปรุงมุมมองรับชมด้านข้างได้ดีขึ้น แต่ยังแนะนำให้รับชมมุมตรงในระดับสายตา เพื่อคุณภาพของภาพดีที่สุดทั้งคอนทราสต์ที่ลึกเช้ม และสีสันที่ไม่ซีดจาง
2. Game Mode ให้ภาพคล้าย Dynamic ต้องทำการปรับภาพเพิ่มเติมจึงจะได้ดุลสีที่ดี รายละเอียดครบถ้วน ไม่ติด Over saturation
3. จัดวางช่องต่อรับสัญญาณอยู่ลึกห่างจากขอบจออยู่สักหน่อย หากแขวนทีวีเข้ากับผนังจะเสียบต่อสายยากอยู่บ้าง
4. Clean Cable Solution จะใช้ได้ไม่เต็มที่หากสายสัญญาณมีหน้าตัดขนาดใหญ่, ยังไม่มีระบบ One Connect แยกจุดเชื่อมต่อภายนอกทีวีเพื่อจัดการสายได้อิสระแบบรุ่น QLED TV
5. ต้องรออุปกรณ์ Smart Home ที่รองรับระบบ SmartThings วางจำหน่ายแพร่หลายก่อน จึงจะสามารถใช้งานได้เต็มระบบ