11 Sep 2015
Review

The One and Only ! รีวิว Samsung 78JS9500 SUHD TV ที่สุดแห่งสายพันธุ์แอลอีดี


  • lcdtvthailand

ภาพ

สเป็คด้านภาพของ Samsung 78JS9500 จัดว่าเป็นสเป็คที่ดีที่สุดที่พึ่งจะผนวกได้ในยุคนี้ เริ่มจากความละเอียดหน้าจอแบบ 4K UHD 3840 x 2160 พิกเซล พาแนล 10 Bit แท้ Ultra Clear สีดำเงาแบบจอโค้ง พร้อม Motion Plus 200Hz (แท้) ส่วนที่เป็นจุดพิเศษที่ทำให้มันเป็น SUHD ก็คือเทคโนโลยี Nano Crystal หรือศัพท์กลางที่เรียกว่Quantum Dot ช่วยให้แสดงสีสันได้สดใสขึ้น ขอบเขตกว้างขึ้น และอีกหนึ่งไม้ตายเด็ดนั่นก็คือหลอดไฟกำเนิดแสงด้านหลังเป็นแบบ Full LED (Full Array Backlight) ที่สามารถทำ Multi Zone Local Dimming แบบตารางหมากรุกได้เต็มส่วนอย่างอิสระ ต่างจาก LED TV ไฮเอ็นด์ทั่วไปที่มักเป็นแค่ Edge LED และสามารถ Local Dimming ได้แค่ตามขอบจอ และยังมาพร้อม Peak Illuminator หรือฟีเจอร์ High Dynamic Range (HDR) แสดงจุดสว่างที่สุดของภาพภายในชั่วพริบตาด้วยการเร่งแสงจากหลอด LED ให้สว่างที่สุดในช่วงเวลานั้น  ถือว่าเป็นสเป็คที่จัดหนักจัดเต็มที่สุดตั้งแต่ผมเคยทดสอบ LED TV เลยทีเดียว

บทความเปรียบเทียบ Full LED VS Edge LED >>คลิ๊กเลย<< 

เนื่องจากทีวีจอใหญ่มากและมีความละเอียดแบบ 4K UHD การเซ็ตอัพภาพเบื้องต้น รวมถึงเลือกโหมดภาพให้เหมาะสมนั้นจำเป็นมาก เพราะจอใหญ่นั้น “ขี้ฟ้อง” กล่าวคือหากภาพไม่ดี ก็จะฟ้องความไม่ดีมาแบบใหญ่ๆ ถึง 78″ ทว่าหากเราเซ็ตถูกต้อง หรือแม้กระทั่งปรับ Calibrate ภาพให้ถูกต้องที่สุด ทีวีก็จะ “แสดงความถูกต้องที่สุดของภาพ” ออกมาได้อย่างใหญ่ถึง 78″ ให้เราได้เสพย์อย่างเต็มตา ดังนี้ผมจึงสรุปวิธีเซ็ตภาพคร่าวๆ สำหรับท่านที่ไม่มีเครื่องไม้เครื่องมือในการปรับภาพดังต่อไปนี้

1. โหมดภาพสำเร็จรูปที่ให้แสงสีถูกต้องที่สุดคือ Movie

2. Color Tone = Warm 1

3. Picture Size = 16:9 แล้วเลือก Fit to Screen = On เพื่อแสดงภาพได้ครบถ้วนไม่ถูกคร็อป แสดงผล 1:1 Pixel Matching จาก Input สู่ Output

4. ระดับ Motion Plus = Clear ต้องเปิดพยุงการแสดงผลภาพ Full HD จะช่วยให้ภาพลื่นขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ

5. สามารถเปิด Smart LED = Low / Standard เพื่อเปิดการใช้งานแบบ Local Dimming ที่ดีที่สุดของ Samsung

6. *** หากทำการ Calibrate ทั้งหมดแบบเบื้องลึก ทั้ง White Balance & Color Gamut จะดีขึ้นอีกระดับ

หมายเหตุ : ค่าปรับภาพแต่ละเครื่องจะไม่เหมือนกันทั้งเครื่องทีวีและแปรผันตามสภาพแวดล้อมของห้อง

Picture ModeCTTGammaWattsLuminance
Dynamic152961.33457194.3
Standard84061.9821685.9
Natural78421.92484177.1
Movie (Warm 2)57132.1715736.7
Movie (Warm 1)68762.1820364.9
อุณหภูมิสี อัตราการกินไฟ และความสว่างของแต่ละโหมดภาพ
ที่แนะนำคือโหมด Movie และปรับ Color Tone เป็น Warm 1
Pre-Calibration จากโหมด Movie และ Color Temp จะเป็น Warm 2 อัตโนมัติ Greyscale ตั้งแต่ช่วงความสว่าง 50% ขึ้นไปไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่หากเปลี่ยนเป็น Warm 1 จะดีกว่าแต่ต้นซึ่งจะติดเป็นโทน Cool เล็กน้อย
หลังปรับ 10 Point White Balance และ CMS ในโหมด Movie & Color Tone : Warm 1 ค่า White Balance และขอบเขตการแสดงเฉดสีอยู่ในเกณฑ์ “ดีเยี่ยม” มีเมนูให้ปรับภาพอย่างละเอียดและค่อนข้างปรับง่าย จึงเป็นอีกหนึ่งทีวีขวัญใจนักปรับภาพ
เทียบขอบแขตการแสดงเฉดสี Color Space : Native VS Auto เรนจ์โหมด Native กว้างซึ่งสูสีกับ 4K UHD TV รุ่นท็อปยี่ห้ออื่น คือกว้างกว่ามาตรฐาน Rec 709 และเหนือกว่า Full HD TV ทุกตัว

ทดสอบภาพ 2 มิติ : Full HD & 4K UHD

ทดสอบคอนเทนต์ 2D จากแผ่น Blu-ray เรื่อง X-Men : Days of Future Past ฉากเหล่า Mutant ร่วมด้วยช่วยกันแหกคุกพลาสติกเพื่อช่วย Magneto เริ่มจากเรื่องสีสันถือว่าเป็นธรรมชาติ เอิบอิ่ม โดดเด้ง และเปิดกระจ่างตามสไตล์ Samsung รายละเอียดในที่มืดเช่นรอยยับของเสื้อยูนิฟอร์มสีเข้มก็แสดงออกมาได้อย่างเปิดเผย แต่สิ่งที่อัพเกรดได้ขึ้นมาเป็นพิเศษเลยคือเรื่อง อารมณ์ร่วม” กับการรับชม “จอโค้ง” นี่แหละ จอใหญ่ระดับ 78″ ผมใช้ระยะนั่งดูประมาณ 3 เมตรก็ได้สัมผัสถึงประโยชน์ที่ทาง Samsung พร่ำบอกพวกเราตั้งแต่ปีที่แล้วในเรื่องความรู้สึกโอบล้อมที่ช่วยดึงเราเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของหนังมากขึ้นกว่าพวกขนาด 55″ และ 65″ที่เคยทดสอบเป็นกอง โดยเฉพาะในฉากสโลโมชั่นที่ Quick Silver วิ่งวนรอบห้องแล้วใช้นิ้วหยิบกระสุนให้พ้นวิถีและหลังจากนั้นก็เล่นซนเอานิ้วไปจิ้มกระพุ้งแก้มของตำรวจคลอเคล้าไปกับเสียงเพลงแบ็คกราวนด์สุดคลาสสิคอย่าง Time in the Bottle สามารถสะกดให้ผมและทีมงานที่นั่งดูเขยิบใบหน้าจดจ่อเข้าใกล้ทีวีมากขึ้นด้วยความลุ้นระทึก แหม่ จอโค้งขนาดใหญ่และระยะชมที่ไม่ไกลเกินไปมันดีแบบนี้นี่เอง 

มาทดสอบเรื่องภาพเคลื่อนไหวด้วยฉากต่อสู้เร็วๆที่ Mystique กระโดดตึกหนีการจับกุม การเปิด Auto Motion Plus ในระดับ Clear จะช่วยพยุงภาพเคลื่อนไหวให้ราบรื่นขึ้นกว่าแบบไม่ปิด ส่วนระดับอื่นอย่างพวก Smooth ก็จะก่อให้เกิดวุ้นเรืองตามขอบจึงขอบายไปตามระเบียบ ส่วนอีกโหมดที่พอส่งเข้าประกวดได้คือโหมด Custom แล้วเปิดใช้งาน LED Clear Motion ภาพเคลื่อนไหวจะลื่นๆ ขึ้นผิดหูผิดตา แต่ระดับความสว่างจะลดลงไปกระหย่อมนึงเพราะใช้หลักการแทรกเฟรมดำระหว่างเฟรมต้นฉบับก่อนและหลังหรือ Black Frame Insertion ดังนี้หากพิจารณาเรื่อง “ความสมดุล” โหมด Clear ก็ยังคงตอบโจทย์ได้ดีที่สุดเฉกเช่นรุ่น HU9000 ในปีที่ผ่านมา

ฉากสโลโมชั่นสุดคลาสสิคโดยเจ้า Quick Silver

ทีนี้ลองเปลี่ยนมาเป็น Batman : The Dark Knight Rises กันบ้าง ชอบเรื่องนี้เพราะมีฉากเต็มจอ 16:9 ที่ใช้กล้อง IMAX ถ่าย สลับกับฉากแบบปกติ 2.35:1 การอัพสเกลภาพจาก Full HD เป็น UHD ก็ทำได้ราบลื่น ภาพมีความสะอาดสะอ้าน ความคมชัดอยู่ในเกณฑ์ดี อาจจะไม่ละเอียดยิ่บเท่าจอเล็ก แต่หากเปรียบเทียบกับจอซัก 75″-85″ เมื่อ 2-3 ปีก่อนที่มีความละเอียดแค่ Full HD เท่านั้นก็บอกเลยว่า 4K UHD ทำได้ดีเหมือนหนังคนละม้วน แต่ว่าเดี๋ยวก่อน ! เมื่อเราพูดถึงหนัง Dark Knight นั่นหมายถึงความมืด ซึ่งผมใช้หลายๆ ฉากทดสอบความดำและการคุม Backlight ของเจ้า JS9500 ที่ใช้หลอด Backlight แบบ Full LED ซึ่งไม่บ่อยนักที่จะพบใน Samsung LED TV (หากจำไม่ผิดจะเป็นรุ่นท็อปของ Series A เมื่อ 6-7 ปีที่แล้ว) โดยเราสามารถเปิดใช้งานฟีเจอร์นี้ได้ที่เมนู Smart LED โดยการทำงานหลอดไฟด้านหลังจอจะทำการ เปิด-ปิด-หรี่ ให้สอดสัมพันธ์กับฉากมืดสว่างในรูปแบบตารางหมากรุก ซึ่งข้อดีก็คือสามารถดิมไฟเป็นโซนได้ละเอียดกว่าแบบ Edge LED หลายเท่านัก ทำให้สามารถแสดงสีดำที่ดำสนิทกว่าเดิมเพราะเลือกดิมเป็นโซนๆ ได้ 

ฉากมืดๆ ใน Dark Knight Rises เหมาะกับการทดสอบ Full Array Local Dimming นักแล

ทดสอบฉากเจ้าวายร้าย “เบนส์” ยืนตัดกับฉากหลังที่มืด-สว่างเป็นบางจุด และฉาก IMAX เต็มจอที่เป็นท้องฟ้ามืดมิดตัดสลับกับแสงไฟตามตึก ก็สามารถ แสดงสีดำได้ดำสนิทด้วยการดิมไฟเฉพาะจุด แถมยังแลดูลุ่มลึกตามสไตล์จอ Ultra Clear Panel ในทางกลับกันตรงจุดสว่างก็ได้แสงจากหลอดไฟที่เปิดส่องตรงจุดได้ดั่งใจ ส่วนข้อจำกัดก็ยังมีอยู่บ้างเนื่องจากการดิมไฟยังเป็นทรงสี่เหลี่ยมตารางหมากรุก ทำให้ขอบการดิมยังดูเป็นทรงเหลี่ยมไปบ้าง แต่จะสังเกตเห็นก็ต่อเมื่อสภาพห้องจะตองมืดสนิท 100% เท่านั้น กระนั้นหากเป็นห้องสว่างหรือห้องดิมแสงทั่วไปจะสังเกตได้ยากมาก แทบไม่กระทบการรับชมจริง สรุปว่าการดิมหลอดไฟแบบ Full Array Local Dimming ของ JS9500 ทำได้ดีกว่า Edge LED ทุกตัวในท้องตลาด ณ ตอนนี้อีกจุดที่เป็นไฮไลท์คือ “การเปล่งแสงสว่างที่สว่างอย่างสุดขีด” โดยผมวัดค่าได้กว่า 200 fL ซึ่งโดยเฉลี่ย Edge LED หรือแม้กระทั่ง OLED จะทำได้ประมาณ 100 fL เท่านั้น ยกขึ้นหิ้งให้เป็นทีวีระดับคอนซูเมอรส์ที่ สว่างที่สุดในโลก” ไปเลย ซึ่งตามสเป็คแล้ว เจ้า JS9500 จัดว่ารองรับ HDR หรือ High Dynamic Range ซึ่งจะเริ่มเป็นมาตรฐานใหม่ของคอนเทนต์ 4K UHD ในอนาคต ณ ตอนนี้เริ่มมีคอนเทนต์แบบ HDR เป็นคลิปทดสอบสั้นๆออกมาให้เห็นกันบ้างแล้ว

*** ยกตัวอย่างให้เห็นภาพว่า HDR มีดีอย่างไร ? เช่นฉากรถยนต์กระพริบ “ไฟสูง” ใส่เรา หลอด LED ในจุดที่จะใช้แสดงภาพ “ไฟสูง” ก็จะเปล่งแสงสว่างสุดขีดออกมาเพื่อสร้างจุดภาพที่สว่างสุดขั้วออกมาภายในเสี้ยววินาที เสมือนเราโดนกระพริบไฟสูงใส่จริงแล้วเบือนหน้าหนียังไงอย่างนั้น! นี่แหละความสมจริงในอนาคตที่ส่วนใหญ่ทีวีในปัจจุบันทำไม่ได้ แต่ JS9500 มันรองรับล่วงหน้าให้ก่อนแล้ว สบายใจได้

ดิจิตอลทีวีภาพสดใส สีสันอิ่มเด้งดี

ทีนี้เปลี่ยนมาทดสอบคอนเทนต์ 4K กันบ้าง เริ่มจาก Star Trek : Into the darkness แบบ 4K แท้ๆที่แฮ่บมาจาก External Harddisk ของ Samsung UHD Pack นี่แหละ ความคมชัดเพิ่มขึ้นจาก Full HD แบบจับต้องได้ รวมถึงภาพเคลื่อนไหวที่ลื่นไหลขึ้นอีกระดับด้วย มิติมีความลึกและสมจริงขึ้น การแมตช์ชิ่ง 4K Input & 4K Output จะเป็นการลดภาระของ Processor โดยเฉพาะเรื่องของการอัพสเกลที่มักจะส่งผลที่ไม่ดีไปถึงโมชั่นภาพเคลื่อนไหว ส่วนเรื่องสีสันของัดนำคอนเทนต์ Demo หน้าร้านของทาง Samsung เองมาเปิดทดสอบเทียบกับจอ 4K UHD แบบปกติที่ไม่มีเทคโนโลยี Quantum Dot ผลคือ จอ SUHD สามารถแสดงสีได้ “สดไบรท์” กว่าจอ UHD แบบเห็นได้ด้วยตาเปล่า ไม่ว่าจะเป็นสีแดงที่สดอิ่มของมะเขือเทศ สีน้ำเงินของน้ำทะเลที่เข้มลึก และสีเขียวอันขจีของฉากต้นไม้ใบหญ้า ความสดสว่างผมยกให้เหนือกว่า HU9000 ปีที่แล้วและ JU6400 ที่เคยทดสอบก่อนหน้านี้ไปไปหนึ่งช่วงตัว จึงกล่าวสรุปได้ว่าเทคโนโลยี Quantum Dot นั้นเป็นพัฒนาการอีกก้าวหนึ่งของการแสดงผล LED TV ให้มีสีสันที่สวยสมจริงขึ้นจริงๆ 

ทดสอบไฟล์ 4K แท้ Star Trek : Into The Darkness
ทดสอบคอนเทนต์ SUHD Demo ของ Samsung สีสันสดได้สุดกว่าจริง

จริงๆทีมงานมีการทดสอบ Panel ของ Samsung JS9500 ด้วยว่าเป็น Panel 10 Bit แท้ตามคำคุยหรือไม่ ? ด้วยการปล่อย Output เป็น 10 Bit จาก Video Generator ที่ใช้ทดสอบ พร้อมเปิดแพทเทิร์น Greyscale เพื่อเช็คดูระดับการไล่เฉดสีขาวไปดำว่าจะทำได้ดีขนาดไหน ? ผลปรากฏว่าสามารถทำได้เนียนขึ้นกว่าแบบ 8 Bit เดิมอยู่มาก กล่าวคือ “รอยต่อ” ในแต่ละสเต็ปมองเห็นได้ยากขึ้นเพราะมันไล่ได้ละเอียดขึ้นนั่นเอง งานบรรยายประจำปีของเว็บจะนำไปสาธิตให้เห็น

ทดสอบภาพ 3 มิติ

อย่างที่รู้ว่า Samsung TV หากเป็น 3D ก็จะเป็นแบบ 3D Active ใช้ถ่านแบบเม็ดกระดุม โดยผมทดสอบกับแผ่น Blu-ray 3D เรื่องโปรดที่สุดเรื่องหนึ่งนั่นก็คือ Gravity แบบ 3D ฉากเศษดาวตกพุ่งชนกระสวยอวกาศของนางเอก ให้มิติที่ลึกลงไปเป็นชั้นๆ ตัวละครและวัตถุซึ่งเป็น Foreground ป็อปอัพเด้งขึ้นมาเหนือฉากหลังที่เป็น Background อย่างชัดเจน ขอบภาพมีความคมและเนียนเพราะ Resolution ไม่ได้ถูกลดทอน (วิธีสังเกตคือให้ลูกไปดูระยะประชิด) จังหวะเศษดาวตกพุ่งใส่หน้าทำได้ถึงอามรณ์ดีไม่แพ้ดูในโรงหนัง ทดสอบอีกเรื่องด้วยหนังเต่าน้อยผจญภัย Sammy 3D เป็นไฟล์ .mkv Side by Side มิติที่ได้นั้นเหมือนเราดำลึกลงไปห้วงมหาสมุทรพร้อมกับเจ้า Sammy เลย  ส่วนข้อจำกัดก็มีบ้างในเรื่องของการกระพริบและระดับความสว่างของแว่น คำแนะนำคือหากเราสามารถคุมแสงภายในห้องรับชมได้ 3D แบบ Active บนจอโค้งขนาดใหญ่ 78″ ภาพที่ได้แหล่มเฟี้ยวเงาะแน่นอน

แว่น 3D แบบ Active กดปุ่มด้านบน 1 ที เพื่อซิงค์สัญญาณ
แว่น 3D แบบ Active กดปุ่มด้านบน 1 ที เพื่อซิงค์สัญญาณ

เสียง

ระบบเเสียงของ Samsung 78JS9500 แบบ 4.2 แชนแนล ยิงเสียงลงแบบ Down Firing มีกำลังขับกว่า 70 Watts (RMS) แบ่งเป็นลำโพงซ้าย 20 Watts + ขวา 20 Watts และซับวูฟเฟอร์ 15 Watts x 2 มีโหมดเสียงสำเร็จรูปอย่าง Standard / Music / Movie/ Clear / Voice Amplify โหมดที่คุณภาพเสียงดีเยี่ยมเหมาะกับดูหนังฟังเพลงทั่วไปก็ 3 โหมดแรกเลย เริ่มทดสอบกับเพลง I Swear ของวง All For One เสียงร้องมีเนื้อมีหนัง เอิ่มอิ่มด้วยเสียงเบสจากซับวูฟเฟอร์ที่คอยมาโอบอุ้ม ส่วนชิ้นดนตรีต่างๆก็หนักแน่นครื้นเครง ส่วนการรับชมหนังก็ให้เสียงได้ใหญ่โตทรงพลัง จังหวะกระแทกกระทั้นทำได้ดี ช่วยเสริมอรรถรสการรับชม จึงบอกได้ว่าทีวีตัวใหญ่คุณภาพเสียงก็ใหญ่ตามตัว โดยรวมทำได้ดีไม่แพ้ Soundbar รุ่นเริ่มต้นเลยด้วยซ้ำ

หมายเหตุ : ให้ข้อมูลเพิ่มนิดนึงว่า Samsung ก็มี Curved Soundbar ที่ดีไซน์แมตช์ชิ่งกับทีวีจอโค้งด้วยเหมือนกัน

โหมดเสียงสำเร็จรูป
ทดสอบกับเพลง I Swear ของ All For One

เพิ่มเติม

Smart TV with Tizen OS : ในปี 2015 Samsung ได้โละระบบ Smart TV แบบเก่าทิ้ง และเปลี่ยนมาใช้ระบบปฏิบัติการ Tizen OS ทั้งหมด ขับเคลื่อนด้วย Processor แบบ Octa-Core ซึ่งเจ้า Tizen OS ถูกออกแบบให้เป็นมิตรกับการผู้ใช้งานมากขึ้น ยิ่งสะดวกหากควบคุมผ่าน Smart Remote แบบ Pointer ที่แถมมาให้ ส่วนแอพพลิเคชั่นทีเด็ดก็ได้แก่ Samsung Smart TV Showtime ที่ภายในอัดแน่นด้วย “วีดีโอคอนเทนต์ระดับคุณภาพทั้งไทยและเทศ” ทั้งแอพ Hollywood HDTV (ดูหนังออนไลน์), Doonee (ดูซีรีส์ออนไลน์), ดูหนังดอทคอม, TOT IPTV ดูช่องรายการทีวีต่าง, DEX (ดูการ์ตูนออนไลน์) และยังรวมถึงแอพส์แบบ Global ที่มีปริมาณเยอะพอสมควร อาทิ YouTube, Web Browser และเกมส์ต่างๆ ไปดูพรีวิวกัน

หน้าโหลดแอพส์
แอพ Samsung Showtime ซึ่งจะรวมวีดีโอคอนเทนต์ชั้นนำเอาไว้
แอพ Hollywood HDTV มาใหม่ล่าสุด ดูหนังฮอลลีวูดได้ตรึมเลย
เอาปกหนังมาให้ดู อย่างเช่นเรื่อง 300, iRobot, Wanted , HellBoy และอื่นๆอีพเพียบ
YouTube ลองดูมวยปล้ำ WWE ซะหน่อย
ท่องเว็บไซต์ต่างๆ ด้วย Web Browser
ส่งภาพจากมือถือไปแสดงบนจอทีวีด้วย Screen Mirroring