14 Feb 2019
Review

รีวิว Sharp 8T-C80AX1X 8K HDR LED TV เครื่องแรกในไทย !? กับความละเอียดเต็ม 33 ล้านพิกเซล


  • ชานม

Picture – ภาพ

เมื่อทีวีพัฒนามาถึงยุค 8K แน่นอนว่าต้องมีจุดที่ปรับปรุงให้เหนือกว่าเดิม สิ่งแรกที่สังเกตเห็นได้ชัดเลย คือ ความละเอียดบนหน้าจอ (Resolution) ระดับ 33.18 ล้านพิกเซล มากกว่า 4K 4 เท่า หรือถ้าเทียบ Full HD ก็มากกว่าถึง 16 เท่า!

อ้างอิงภาพจาก Custom-made 8K Media Player จาก Sharp พบว่า รายละเอียดต่างๆ จะถูกขับเน้นออกมาอย่างเต็มไม่เว้นแม้เป็นดีเทลที่เล็กที่สุดในภาพ ต้องยกอานิสงส์ให้กับพาเนลความละเอียด 8K แม้จอภาพจะใหญ่ถึง 80 นิ้ว แต่ยากมากที่จะเห็นโครงสร้างเม็ดพิกเซลรบกวน แม้มองเพ่งในระยะใกล้ยังทำได้ยากเลย จอภาพ 8K มันจึงไม่เหมือนจอทีวียุคก่อนหน้า เพราะรายละเอียดมันใกล้เคียงกับภาพที่ตาเรามองเห็นสิ่งต่างๆ ตามธรรมชาติมากกว่า

ทั้งนี้เคล็ดลับที่ซ่อนอยู่ในจอภาพของ Sharp AQUOS 8K TV รุ่นนี้ คือ เทคนิคการออกแบบ “โครงสร้างซับพิกเซลความละเอียดสูง” แบบใหม่เรียกว่า IGZO แม้มีขนาดเล็กลงแต่พัฒนาให้มีพื้นที่เปล่งแสงมากขึ้น แสงจาก LED Backlight จะลอดผ่านออกมาได้มากขึ้น ช่วยลดการใช้พลังงานขณะเดียวกันก็เพิ่มขีดความสามารถในการทำความสว่างแบบ High Dynamic Range ได้สูงยิ่งขึ้นกว่าเดิม โดยรุ่นนี้ทำ HDR Peak Brightness ได้สูงถึง 5500 nits เลยทีเดียว (อ้างอิงโหมดภาพ Dynamic) ทำลายสถิติทีวีที่เคยสว่างที่สุดในปี 2018 ไปเรียบร้อย !!

มิใช่มีดีแค่เรื่องของรายละเอียดภาพเพียงอย่างเดียว จุดเด่นสำคัญของทีวียุค 8K คือ การถ่ายทอดขอบเขตสีที่กว้างขึ้น ผลการทดสอบ Sharp 8T-C80AX1X หากอ้างอิง DCI-P3 ที่ทำได้ 93.7% อาจดูไม่หวือหวา ทว่าเมื่ออ้างอิงภาพรวมทั้งหมด ขอบเขตสีของ Sharp 8K จะครอบคลุม AdobeRGB ไปด้วยถึง 93.8% (ทีวีระดับสูงทั่วไปทำได้ราว 80%) และเมื่อเทียบกับ Rec.2020 มาตรฐานขอบเขตสีสำหรับคอนเทนต์วิดีโอยุคถัดไป ก็ทำได้กว้างถึง 74.3% จากจุดนี้นับว่าเหนือกว่าทีวียุค 4K ที่ผ่านมาจริงครับ

มาดูในส่วนของโหมดภาพกันบ้าง ซึ่ง Sharp AQUOS 8K ให้จำนวนโหมดภาพมาครอบคลุมการใช้งาน นอกเหนือจากคาแรคเตอร์ของภาพ ดุลสีที่แตกต่างกันแล้ว แต่ละโหมดจะมีรายละเอียดปลีกย่อยที่แตกต่างกัน สรุปได้ดังนี้

1. Sharp AX1 Series มีเซ็นเซอร์วัดแสงเพื่อปรับระดับความสว่างหน้าจออัตโนมัติอิงตามความสว่างภายในห้อง หลายสถานการณ์พบว่าให้ผลลัพธ์ที่ดูสบายตามากขึ้นเพราะความสว่างจอภาพจะปรับตามสภาพแสงแต่ละช่วงเวลา

ฟีเจอร์นี้มีชื่อเรียกว่า “OPC” โดยจะถูกเปิดใช้งานกับโหมดภาพ Standard และ Dynamic (Fixed) แต่ผู้ใช้สามารถตั้งค่าเปิดใช้งานกับโหมดภาพอื่นได้เช่นเดียวกัน

2. เกือบทุกโหมดภาพจะเปิดใช้งานระบบควบคุมแสงไฟส่องหลังที่ชาร์ปใช้ชื่อเรียกว่า “Narrow Direct LED” โดยจะแบ่งโซนพื้นที่บนหน้าจอเพื่อคุมระดับคอนทราสต์ในแต่ละจุดได้อย่างอิสระ (แบบเดียวกับ Full LED Local-Dimming) กระนั้นความสามารถนี้จะถูกปิดการทำงานลงเมื่อเปลี่ยนโหมดภาพเป็น Game และ PC ข้อดีคือ การไล่ระดับความสว่าง (Gamma) ของทั้ง 2 โหมดภาพนี้ จะคงที่ตลอดเวลาไม่วูบวาบ แต่ต้องแลกกับระดับ Black Level ที่ไม่ดำลึกเท่าโหมดอื่นๆ

3. โหมดภาพ Game และ PC จะปิดใช้งาน “ระบบแทรกเฟรมภาพเคลื่อนไหว” โดยอัตโนมัติ เพื่อลดระดับ Input Lag ลงให้ต่ำที่สุด โดยโหมด PC ให้ระดับ Input Lag ต่ำกว่า Game อยู่เล็กน้อย (รายละเอียดจะกล่าวถึงต่อไป)

การวัดค่าอ้างอิงทดสอบจะอ้างอิง 4K และ Full HD Content เป็นหลัก ซึ่งโหมดภาพจากโรงงานที่ให้ดุลสีเที่ยงตรงที่สุดสำหรับการรับชม SDR Content คือ Movie อุณหภูมิสีเฉลี่ยอยู่ที่ 6951K โดยมีค่าความผิดเพี้ยนสี (dE) ที่ 10.46 ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีครับ ในส่วนขอบเขตสีระบบจะใช้ Native Color Space ของจอภาพเลย ซึ่งจะเกินออกไปจากมาตรฐาน Rec.709 ภาพจะมีสีสันสดกว่าปกติซึ่งน่าจะถูกใจหลายๆ คน แต่ถ้าจะนำไปอ้างอิงกับงานที่ซีเรียส สามารถปรับภาพละเอียดเพื่อจูนขอบเขตสีอิงตามมาตรฐานได้ครับ

Sharp 8T-C80AX1X รองรับไฟน์จูนภาพละเอียด โดยในส่วนของ RGB Balance รองรับ 2-point แม้ดูไม่ละเอียดเท่า 10-point ของทีวีระดับท็อปอื่นๆ แต่ผลลัพธ์ที่ได้ไม่ด้อยกว่าในแง่ความเที่ยงตรง เช่นเดียวกับ Color Management System ที่ปรับแล้วเที่ยงตรงตามมาตรฐาน Rec.709 ได้ไม่แพ้กัน

ดังที่เกริ่นไปว่า Sharp AQUOS 8K รุ่นนี้ได้พัฒนาศักยภาพหลายจุดให้สอดรับกับมาตรฐาน HDR มากยิ่งขึ้น ซึ่งในส่วนของ 10% Window Peak Brightness นั้น ทำได้สูงสุดถึง 5500 nits ในโหมด Dynamic เรียกว่าเจิดจรัสมากๆ เมื่อผนวกกับขอบเขตสี Wide Color Gamut ครอบคลุม 74.3% Rec.2020 ส่งอานิสงส์ให้ Color Volume สูงมาก สูงกว่า 4K TV ก่อนหน้านี้ทั้งหมด

หากต้องการดึงศักยภาพการรับชม HDR ออกมาอย่างเต็มที่ อาจลองรับชมด้วยโหมด Dynamic ได้ โดยปรับลด Sharpness และกำหนดระดับการแทรกเฟรมภาพให้ต่ำลงหรือ Off ตัวเลือก Film Mode พร้อมๆ กับปรับตัวเลือก Color Temp ให้เป็น Low น่าจะให้ความตื่นตาตื่นใจพร้อมๆ กับความเที่ยงตรงดีมากแล้ว อย่างไรก็ดีหากบางท่านรู้สึกว่าระดับความเปรียบต่างของแสงดูเจิดจ้ากระแทกตามากเกินไป อาจเปลี่ยนมาใช้โหมดภาพ Movie แทนได้

Movie ถือเป็นโหมดภาพจากโรงงานที่ให้ดุลสีดีที่สุดเมื่อรับชม HDR Content อุณหภูมิสีเฉลี่ยอยู่ที่ 6926K ถือว่าดีเลยทีเดียว อย่างไรก็ดี ระดับความสว่าง Peak Brightness ของโหมดภาพนี้จะถูกจำกัดเอาไว้ที่ราว 780 nits ดูแล้วไม่เจิดจ้ากระแทกตามากนัก แต่อาจจะดูสบายตากว่าสำหรับบางท่าน

หากการรับชม HDR กับโหมด Movie ดูแล้วภาพทึมไป สามารถกำหนดตัวเลือก Dynamic Range Enhancement เพื่อเพิ่มระดับความเปรียบต่างของแสงขึ้นได้ ระดับ Peak Brightness จะเพิ่มสูงขึ้น นอกจากนี้ Sharp AQUOS 8K รุ่นนี้ ยังรองรับการไฟน์จูนปรับภาพในโหมด HDR ได้ละเอียด จึงได้ความเที่ยงตรงสูงขึ้นด้วย

อีกจุดหนึ่งที่ถือว่าทำได้ดีมาก คือ ภาพเคลื่อนไหว ทั้งนี้ Sharp AQUOS 8K มีอัตรารีเฟรชเรตสูงถึง 120Hz อานิสงส์ทำให้ภาพเคลื่อนไหวดูนิ่งสบายตา การตอบสนองให้ความต่อเนื่องดีมากไม่จำเป็นต้องพึ่งระบบแทรกเฟรมเลย แต่หากท่านใดที่ชอบภาพลื่นๆ แบบแทรกเฟรมจำลองเพิ่ม สามารถกำหนดระดับการแทรกเฟรมเพิ่มได้ที่ตัวเลือก Film Mode แต่แน่นอนว่าอาจสังเกตเห็นจุดบกพร่องจากเฟรมเสมือนที่จำลองแทรกเข้ามาได้

อ่านต่อหน้า 4