สำหรับ Sony 40W600B นั้นเป็น LED TV รุ่นล่าสุดจาก Sony ที่ใช้ชิปประมวลผลแบบ X-Reality Pro มีความละเอียดหน้าจอแบบ Full HD 1920 x 1080 พ่วงด้วยความสามารถการใช้งาน Internet TV ในส่วนของ Sony Entertainment Network รวมไปถึงการรองรับดิจิตอลทีวีแบบ DVB-T2 ที่ประเทศไทยใช้ออกอากาศ ดังนั้นหากท่านใดต้องการทีวีรุ่นใหม่แบบไม่ต้องพึ่งพากล่อง Set Top Box ก็นับว่าเหมาะสมเป็นอย่างยิ่ง
ภาพ
เริ่มทดสอบคุณภาพของภาพจากการรับชมภาพยนตร์แบบ 1080p สิ่งแรกที่พบคือทางโซนี่ยังคงรูปแบบของ “โหมดภาพ” เอาไว้ให้เลือกสรรใช้งานอย่างเต็มที่ แบ่งได้จาก Scene และ Picture Mode โดยหากเป็นมือใหม่ที่เริ่มต้นใช้งานก็สามารถเลือก Scene ต่างๆได้ตามต้องการ ยกตัวอย่างเช่น Cinema , Sport , Animation… ตัวเครื่องจะปรับเปลี่ยน “ภาพและเสียง” ให้เหมาะสมกับ Scene นั้นๆ นับว่าสะดวกทีเดียว แน่นอนว่าสำหรับการทดสอบของผมได้เลือก Scene เป็น General และโหมดภาพเป็น Custom ก่อนทำการ Calibrate ก็นับว่าให้สีสันของภาพเที่ยงตรงโดยที่ไม่ต้องปรับอะไรมากนัก แนวภาพของโซนี่ยังคงเอกลักษณ์เดิมไว้ไม่มีผิด ทั้งความนวลตาและความเป็นธรรมชาติของใบหน้าตัวละครที่แสดงออกมาผ่านทางพาแนลขนาด 40 นิ้วตัวนี้
*** ข้อสังเกตคืออัตราการบริโภคพลังงานที่ต่ำมากๆ ในหน้าจอ 40 นิ้วใช้ไม่ถึง 100W ***
ก่อนทำการ Calibrate ภาพ ได้จัดการวัดอุณหภูมิสีในโหมด Standard = 9192k โหมด Vivid = 15573 และโหมด Custom = 6755k ซึ่งถือว่าเป็นโหมดที่ให้ค่าอุณหภูมิสีใกล้เคียงระดับอ้างอิงที่ 6500k มากที่สุด ผลลัพธ์เบื้องต้นเป็นที่น่าพอใจ หากเทียบกับทีวีอีกหลายๆรุ่นจะยังทำได้ไม่ดีเท่านี้ หลังจากทำการ Calibrate ในโหมด Custom แล้วจะเห็นได้ว่าเส้น RGB Balance เกาะกลุ่มคงที่มากขึ้น รวมไปถึงค่าอุณหภูมิสีที่ทำได้ 6482k นับว่าใกล้เคียงค่าอ้างอิงมาตรฐานจาก isf มากที่สุด เมื่อมาดูภาพจริงก็สะท้อนถึงค่าที่วัดออกมาได้อย่างเที่ยงตรง สีสันมีความนุ่มนวลไม่ดูโอเวอร์เกินไป
สำหรับ Aspect Ratio ของโซนี่ 40W600B ใช้แทนว่า Wide Mode ซึ่งมีให้เลือกใช้งานคือ Wide Zoom , Normal , Full , Zoom และ Captios จากการทดสอบด้วยแผ่น Digial Video Essential สำหรับโหมดที่แนะนำให้ใช้ก็คือ “Full” หากเลือกรับชมกับเครื่องบลูเรย์แบบ 1080p ก็จะสามารถแสดงผลได้ครบถ้วน 100% ตรงตามคอนเซปต์ 1:1 Pixel Mapping หรือเม็ดพิกเซลแสดงผลตรงตามตำแหน่งอย่างครบถ้วนนั่นเอง
หลังจากปรับภาพเรียบร้อยแล้ว เรื่องแรกที่หยิบมาทดสอบเห็นจะหนีไม่พ้น Fast 6 เรื่องเด่น ภาพดี แนวภาพของ Sony 40W600B ในหลายๆฉากถือว่ามีความนุ่มนวลและสะอาดทีเดียว เห็นได้ชัดเจนตั้งแต่ฉากเปิดของเรื่องที่มีรถแข่ง 2 คันแข่งกันริมหน้าผาตัดกับน้ำทะเล แบคกราวน์ของภาพเก็บรายละเอียดยุบยิบได้ดี รวมไปถึงใบหน้าของตัวละครที่ให้สีผิวเป็นธรรมชาติ ไม่ขัดตา ในจังหวะนี้ถ้าหากทำการรับชมในห้องที่สามารถคุมแสงได้ แนะนำให้เปิดฟังก์ชั่น LED Motion Mode เป็น On จะได้แนวภาพคล้ายพลาสม่าทีวี และการเคลื่อนไหวฉากต่อฉากทำได้ดีขึ้น การแพนกล้องดูลื่นไหลแต่ไม่ขัดตา เสมือนเป็นการแทรกเฟรมดำทั้งเฟรมเข้าไประหว่างภาพ แต่ต้องแนะนำไว้ก่อนว่าห้องที่รับชมต้องมืดสนิทจริงๆ มิฉะนั้นจะเห็นอาการภาพสั่นและกระพริบอยู่บ้าง
การคุมความดำนั้นของจอภาพ หากใช้โหมดภาพ Custom และไม่ได้เร่งแบคไลท์มากเกินไปถือว่าไม่ค่อยพบอาการแสงรั่วมากนัก ในด้านความดำสนิทก็ยังทำได้ดี โดยเฉพาะโหมด LED Motion รายละเอียดในที่มืดมีการเก็บส่วนของฉากหลังได้อย่างครอบคลุม แม้ว่าในบางจังหวะจะมีจมหายไปบ้าง แต่ก็ถือว่าไม่ได้น่าเกลียด ในฉากทดสอบเรื่อง The Dark Knight ซึ่งมีฉากมืดค่อนข้างเยอะ ก็ยังดูได้จนจบเรื่องแบบไม่เสียอรรถรสในการรับชม
Live Football Modeโหมดนี้เพื่อคอบอลโดยเฉพาะ ต้อนรับเทศกาลฟุตบอลโลกที่กำลังจะระเบิดแข้งในอีกไม่กี่อึดใจ โดยวิธีการใช้งานโหมดนี้ ให้กดปุ่ม “Football” ที่ตัวรีโมท จากนั้นก็เลือกปรับให้เป็น “on” เมื่อเข้าสู่โหมดนี้แล้ว สิ่งที่เห็นได้ชัดก็คือสีสันของหญ้าในสนามฟุตบอลจะดูเขียวสดขึ้นทันตา ระบบเสียงโดยรวมของตัวทีวีก็จะถูกปรับให้มีความกระหึ่มมากยิ่งขึ้น ช่วยเพิ่มอรรถรสในการรับชมฟุตบอลได้ดีทีเดียว นอกจากนั้นแล้วยังมีการแนะนำวิดีโอที่เกี่ยวกับฟุตบอลจาก Youtube มาให้เราอีกด้วย
อีกหนึ่งเรื่องสำคัญที่ทดสอบก็คือระบบดิจิตอลทีวี Sony 40W600B และทุกรุ่นที่วางจำหน่ายในปี 2014 มีดิจิตอลจูนเนอร์แบบ DVB-T2 มาให้ใช้งาน ดังนั้นสามารถรับชมได้ทันทีโดยไม่ต้องพึ่งพากล่อง Set Top Box ซึ่งวิธีการใช้งานก็ง่ายมากเพียงแค่หาเสาอากาศมาต่อด้านหลังตัวเครื่อง (แนะนำเป็นเสาก้างปลาบนหลังคา) จากนั้นกดเลือกเมนู Digital Set-Up ใน Setting แล้วเลือกที่ Digital Auto Tuning ตัวเครื่องจะทำการค้นหาสัญญาณที่รับได้ ขึ้นอยู่กับพื้นที่นั้นๆด้วย เท่านี้เราก็สามารถรับชมได้แล้ว
และเมื่อเข้ามาแล้วให้เลือกคำว่า “Digital Auto Tuning” เหมือนภาพด้านขวา
มาลองทดสอบความสดใสของการ์ตูนอนิเมชั่นกันบ้าง ยกตัวอย่างเรื่อง Toy Story 3 มานั่งดู เลือกปรับ Scene Mode เป็นแบบ Animation ทำให้ภาพมีความจัดจ้านขึ้นมาทันที ค่อนข้างถูกใจครับ แต่หากท่านใดไม่ชอบสีสดมาก็แนะนำให้ใช้ Custom เช่นเดิม ช่วยให้ดูนานๆแล้วไม่รู้สึกเมื่อยล้าสายตา
