17 Jun 2014
Review

มาเหนือเมฆ !!! รีวิว Sony 55HX955 ยอด LED TV จอมขมังเวทย์ในอุดมคติ


  • lcdtvthailand

ภาพ

สเป็คด้านภาพ 2 มิติและ 3 มิติของ Sony HX955 (รวมถึง HX925) จัดเป็นตัวไฮเอนด์อย่างแท้จริง เริ่มจากการใช้ชิพตัวท็อปอย่าง X-Reality Pro Engine พร้อม Panel ระดับเทพ OptiContrast Panel ปิดข้างหน้าด้วยกระจก Gorilla Glass ช่วยยกระดับภาพความใสและลุ่มลึกของภาพ ใช้ Backlight แบบ Intelligent Peak LED (Full LED) พร้อมความสามารถในการทำ Local Dimming เปิด/หรี่/ปิด หลอดไฟเป็นกลุ่มๆ มี Motion Flow XR800 ช่วยเรื่องภาพเคลื่อนไหวให้ลื่นไหลยิ่งขึ้น พร้อมระบบ 3D Active แถมแว่น 3 มิติมาอีก 2 อัน หากเบิ่งสเป็คคร่าวๆแล้วก็จัดได้ว่า HX955 นั้นให้ทุกอย่างมาแบบ “แก่ (เก๋า) ใจดี สปอร์ต กทม.” สุดๆ โดยเฉพาะ Intelligent Peak LED อันเป็นเอกสิทธิ์ งานนี้ป๋าโซนี่เค้าอัดฉีดให้ไม่อั้นนะจ๊ะอีหนู … เอิ๊ก เอิ๊ก !!!  

หมายเหตุ : ส่วนสเป็คที่โดนถอดออกไปจากเดิม HX925 มี แต่ HX955 ไม่มีนั่นก็คือ Intelligent Presence Sensor หรือเซนเซอร์ที่คอยตรวจจับว่ามีคนกำลังดูอยู่หรือไม่ ? หากไม่มีคนดูอยู่บริเวณนั้น ทีวีจะปิดตัวลงเพื่อประหยัดพลังงาน เหตุผลที่ถูกถอดออกไปก็น่าจะประมาณว่าพอเอาเข้าจริงก็ไม่ค่อยมีคนได้ใช้งานฟีเจอร์นี้เสียเท่าไหร่นัก 

โหมดภาพสำเร็จรูป
Sony เองมีโหมดภาพสำเร็จรูปให้มาทั้งหมด 3 แบบได้แก่ Vivid / Standard / Custom โดย Vivid จะเน้นสดสว่าง อิ่มฉ่ำ ติดโทนเย็น ส่วนโหมด Standard ก็ออกแนวเดียวกันแต่ละระดับความสดและความจัดลดลงมาให้พอเหมาะ ส่วนโหมดสุดท้ายคือ Custom ซึ่งเป็นโหมดที่ให้ค่าอุณหภูมิสีใกล้เคียงกับค่าอ้างอิงมากที่สุด แนวภาพจะสะอาดใส นุ่มนวลเป็นธรรมชาติ แลอบอุ่น ส่วนรายละเอียดยิบย่อยก็เปิดเผยออกมาอย่างหมดจด ไม่มีหมกเม็ดเหมือนโครงการรับจำนำข้าวในประเทศสารขัณฑ์ ผมจึงใช้โหมดนี้ในการทดสอบ และปรับ Color Temp ให้เป็น Warm 2 พร้อมปิดลูกเล่นตัวช่วยภาพอย่างพวก Noise Reduction ทิ้งทั้งหมด กระนั้นอย่าลืมไปปิด Light Sensor ทิ้งด้วยใน System Setting เนื่องจากมันตั้งให้เปิดเป็นค่าเริ่มต้น

โหมดภาพสำเร็จรูป แนะนำโหมด Custom ให้ค่าแสงสี อุณหภูมิสีได้แม่นยำมาก
แนวภาพใสปิ๊ง นุ่มนวลเป็นธรรมชาติ แนวภาพแบบนี้แหละ “พอเหมาะพอดี” กับทุกเพศทุกวัย 

สัดส่วนภาพ : Picture Format
มีทั้ง Wide Zoom /  Normal / Full / Zoom / Caption โดยโหมดที่แนะนำคือโหมด “Full”  จะแสดงภาพเต็มๆ ไม่มีครอปด้านบนหรือด้านข้างให้หายไป หรือหากบางท่านดูหนังสัดส่วนแบบ 21:9 บนจอ 16:9 และไม่อยากเห็นพวก Black Bars ก็แนะนำ Caption เพราะมันจะซูมภาพด้านบนให้เกือบเต็มจอและเว้นแถบ Back Bar ด้านล่างเอาไว้ให้แสดง Subtitle

ทดสอบภาพ 2 มิติ
เป็นขั้นนตอนการทดสอบที่ผมตื่นเต้นมากที่สุดเพราะภาพ 2 มิติของรุ่นที่แล้วอย่าง HX925 ก็ยึดพื้นที่สี่ห้องหัวใจของทีมงานมาแต่แรกเริ่ม ครั้งนี้ผมนำแผ่น Blu-ray แผ่นโปรดทั้งหลายแหล่อันได้แก่ Journey 2 : The Mysterious Island, The Avengers, Fast Five และอื่นๆ โดยผมใช้โหมดภาพ Custom ที่ Calibrate White Balance แล้วในการทดสอบ แนวภาพที่ได้ขอเอ่ยปากชมว่าเยี่ยมยอดมาก เป็นธรรมชาติ มีความใสปิ๊งแลดูลุ่มลึก สีผิวของคนก็เป็นสีผิวของคนจริงๆ ยกตัวอย่างเช่นปกติหน้าของคุณพ่อแฮงค์ (นำแสดงโดย The Rock) สีผิวของแกจะออกสีแทนธรรมชาติ แต่หากเป็นทีวี LED ที่ชอบเร่งค่าแสงสีให้สูงๆเพื่อดึงดูดสายผู้คน สีผิวของคุณพ่อแฮงค์ก็จะกลายเป็นแทนแบบเข้มข้นจัดๆไปซะงั้น ในฉากป่าและแมกไม้นานาพรรณ สีของต้นไม้ใบหญ้าก็แลดู “สมจริง” มิได้สดเด้งรุกเร้าจนโอเวอร์ ความรู้สึกว่าถูกยัดเยียดจึงไม่บังเกิด ดังนี้หากดูเป็นเวลานานอย่างผมดูเรื่อง Journey 2 จนจบเรื่อง สิ่งที่สัมผัสได้คือ “ความเป็นต้นฉบับ” จากสตูดิโอที่ผู้กำกับต้องการนำเสนอให้เราได้ชมนั้นถูกนำเสนอผ่านสื่อกลางซึ่งก็คือ Sony HX955 มาอย่างครบถ้วน+ถูกต้อง แถมดูนานๆก็ค่อนข้างสบายตาไม่ว่าจะรับชมเวลากลางวันหรือเวลากลางคืน เพิ่มเติมนิดนึงว่าโหมด Custom ภาพจะออกแนวนวลตา หากคิดว่ามันนวลตาไปซักนิด แนะนำให้เปิดลูกเล่นเสริมอย่าง Reality Creation แบบ Manual และเลือกค่าของ Resolution ซึ่งจะเป็นค่า 0 อยู่ตั้งแต่ต้น ให้ปรับเพิ่มเป็นซัก 10-20 จะได้ความคมชัดและรายละเอียดเพิ่มขึ้นโดยไม่นำพาความหยาบกร้านมาให้ ให้ผลลัพธ์การรับชมในระยะใกล้เป็นที่น่าพอใจ 

หลังจากนั้นก็ทดสอบเรื่อง The Avengers ซึ่งแผ่น Blu-ray ก็ให้สัดส่วนภาพมาแบบ 16:9 เต็มจอเต็มตาพอดี สีของชุดเกราะ Iron Man เป็นสีแดงที่สมจริง ปราศจากสีปรุงแต่งอันฉูดฉาด ผมดูในโรงหนังสมัย The Avengers เข้าใหม่ๆภาพก็แนวนี้แหละ หากเปรียบกับเครื่องเสียงผมใช้คำว่าภาพมีความ “Flat” สูงในเรื่องของแสงสี หรืออีกนัยหนึ่งก็ถือว่าการแสดงภาพของ Sony 55HX955 ใกล้เคียงกับคำว่า “Studio Reference Monitor” อย่างยิ่ง  

สีสันทั้งผิวของตัวละคร และต้นไม้ใบหญ้า มีความเป็นธรรมชาติสูง
สามารถเปิด Reality Creation และเลือก Resolution + ไปซัก 10 ถึง 20 เพื่อเพิ่มความคมชัดและรายละเอียด ส่วน Noise Filtering ก็ไม่ต้องปรับเพิ่มเนื่องจาก HX955 แสดงภาพออกมาได้ใสสะอาดอยู่แล้ว
คาแรกเตอร์ภาพเป็นเอกลักษณ์มากสำหรับ Sony HX955 สีของชุดเกราะสมจริง
จากเรื่อง The Avengers ตัว Captain America ถูกแสดงภาพได้อย่าง “สมดุล” ทั้งความถูกต้องของสี สีสัน แสงเงา ผมให้ภาพของเจ้า HX955 ดีอันดับเป็นอันดับต้นๆในสามโลกเลยเอ้า !

ทดสอบความดำของภาพ
อย่างที่เกริ่นไปตั้งแต้ต้นไปว่า Sony HX955 ใช้แบ็คไลท์แบบ Intelligent Peak LED (Full LED) สามารถทำ Local Dimming ได้ โดยเราสามารถเลือกปรับระดับ LED Dynamic Control ระดับ Off /  Low / Standard ได้ว่าอยากให้การหรี่หลอดไฟแปรผันตามความมืด-สว่างของคอนเทนต์มากแค่ไหน  ส่วนตัวจอเป็นจอกระจกใส ส่งเสริมมิติให้ลุ่มลึกยิ่งขึ้น ทดสอบจากหนังเรื่อง Journey 2 แต่เป็นฉากมืดๆที่กลุ่มนักสำรวจต้องพักค้างแรมกันในป่าแล้วคุณพ่อแฮงค์เล่นอูคูเลเล่ให้ผู้ร่วมเดินทางทุกคนฟัง การเปิด LED Dynamic Control แค่ระดับ “Low” ก็เพียงพอให้ทีวีแสดงสีดำในพื้นที่ที่ควรมืดสนิทได้ดำสนิท เป็นเรื่องน่าตื่นเต้นมากที่เทคโนโลยี LED สามารถคุมแสงแบ็คไลท์และแสดงสีดำได้ดีกว่า Plasma TV รุ่นท็อปๆเสียอีก หรือยิ่งหากเลือก LED Local Dimming ระดับ “Standard” ก็จะยิ่งโชว์ความ “สงัด” ของพื้นหลังได้อย่าง “สะเด่า” ! ยกตัวอย่างจากหนังเรื่อง The Avengers ในฉากของ Loki ดั่งรูปประกอบ ปกติพื้นหลังจะออกฟุ้งๆโพลนๆทั้งฉากหากเป็น Edge LED ซึ่งก็เป็นข้อจำกัดของการส่องสว่างจากขอบจอ แต่สำหรับ HX955 มันสามารถเก็บรายละเอียดในฉากที่มี “จุดมืดสลับจุดสว่าง” ทั่วฉากได้อย่างน่าประทับใจ

LED Dynamic Control : มี 3 ระดับ Off / Low / Standard ผมแนะนำระดับ Low ถึงแม้จะไม่สงัดเท่าระดับ Standard ทว่าแสดงรายละเอียดในที่มืดได้ดีกว่า
ฉากของเจ้า Loki ใช้ทดสอบการดิมหลอดไฟ “จุดมืดสลับจุดสว่าง” ได้อย่างดี ผลคือ Intelligent Peak LED กินขาด Edge LED ไปหลายช่วงตัว

สุดท้ายจากการทดสอบคอนเทนต์ไฟต์บังคับอย่างฉาก “พระจันทร์ในคืนมืด” Sony HX955 ก็เหมือนยิ่งได้ใจ เดินหมัดน็อค LED TV ทุกตัวที่ผมเคยทดสอบมาได้อย่างราบคาบ เรียกได้ว่าในจังหวะทดสอบนั้นเริ่มจาก 1) ปิดไฟห้อง => 2) เปิดฉากพระจันทร์ในคืนมืด => 3) เปิด LED Local Dimming ระดับ Standard => 4) คู่ต้อสู้โดนเหวี่ยงหมัดน็อคเอาท์ทันที เพราะการคุมแสงและแสดงสีดำนั้นมัน “ดำมะเมื่อม” จริงๆ หากเป็น Plasma TV ยังอาจจะมี Dithering Noise ยิ่บๆตามเม็ดพิกเซลอยู่บ้าง แต่นี่ไม่มีให้ผมได้สังเกตเห็นเลย (ว้าว) การดิมของหลอด Intelligent Peak LED ก็นับว่าดีที่สุดแล้วในบรรดา LED TV ด้วยกัน แต่ก็ยังติดข้อจำกัดเล็กน้อยคือการดิมนั้นยังเป็นช่องสี่เหลี่ยม หากเป็นวัตถุทรงกลมหรือโค้งเว้า หากดิมหลอดไฟอาจจะไม่ได้เข้าล็อคพอดีเป๊ะ 100% แต่โดยรวมก็ถือว่าเก็บรายละเอียดตามขอบโค้งเว้าได้เฟี้ยวเงาะแล้ว ถือว่าเนียนเพียงพอกับการรับชมในระยะห่างแบบปกติ หากไม่เพ่งกันโต้งๆก็แทบจะไม่สังเกตเห็น 

ฉากพระจันทร์นี้แหละ ! ดำ “สงัด” จริงๆลวววกกก…เพ่

ยังไม่หนำใจทดสอบต่อด้วยหนัง Die Hard 4.0 ฉากคุณลุงบรูซ วิลลิส เพื่อดูรายละเอียดหนวดเคราในที่มืด ผลปรากฏคือรายละเอียดเด้งดึ๋งเปิดกระจ่างมาตั้งแรกแรกเริ่ม ไม่มีหลุดจมหาย ที่สำคัญ “ไม่ต้อง” พึ่งพาตัวช่วยอย่าง Advanced Contrast Enhancer  ซึ่งอาจเปรียบดั่ง “ยาไวอากร้า” สำหรับท่านชาย มันจะช่วยขุดรายละเอียดที่จมหายให้ “เจิดจรัส” ขึ้นมาอีกครั้ง ก็อย่างที่บอกนอกจากพี่ HX955 จะ “แก่ ใจดี สปอร์ต กทม.” แล้ว เนื้อจอ Panel ของแกก็ยัง “ฟิตปึ๋งปั๋ง…เตะปี๊บดังป๊าบป๊าบ” โดยมิต้องพึ่งยาโด๊ปซักเลยแอะ !

รายละเอียดหนวดเครามาครบโดยไม่ต้องพึ่งพาตัวช่วยอย่าง Adv. Contrast Enhancer สีของหน้าตาลุงบรูซ วิลลิส เป็นธรรมชาติ มีความอิ่มเอิบ เป็นสีเนื้อเข้มแบบธรรมชาติ หากใช้ตัวช่วยพวก Adv. Contrast Enhancer หน้าจะออกขาวว่อกเหมือนโดนแสงไฟสาดเข้าหน้า

หากให้วิจารณ์ถึงข้อจำกัดเรื่องภาพของ Sony HX955 ก็คงจะเป็นเจ้า “จอกระจก” นี่แหละ ถึงแม้มันจะช่วยเรื่องความดำ + ความใสของภาพได้อย่างดี แต่ก็มีปัญหากับแสงสะท้อนหน้าจออยู่บ้าง แต่ข้อดีของจอ LED คือความสว่างจาก Backlight มันค่อนข้างสู้แสงได้ดีกว่า Plasma TV อยู่ระดับหนึ่ง ดังนี้ข้อแนะนำจากทางผมและทีมงานคือหากคุมแสงได้ซักนิดโดยไม่จำเป็นต้องถึงกับมืดสนิท ศักยภาพที่แท้จริงก็จะถูกเค้นออกมาให้ท่านได้เห็นประจักษ์ได้ไม่ยาก 

มาต่อกับการทดสอบภาพเคลื่อนไหวจากเกมส์อย่าง Winning Eleven แนะนำให้ปรับ Scene เป็น Game โดยกดปุ่ม Option => Scene => Game เพื่อปรับให้การแสดงผลของจอทีวีให้เหมาะสมกับเกมส์มากที่สุด โดยส่วนมากเป็นการ “ปิด” ตัวช่วยเรื่องภาพอย่างพวก Noise Reduction, Motion, Live Color เป็นต้น ที่มักคอยรังควานให้สัญญาณ Delay เล็กๆ แต่สำหรับการเล่นเกมส์นั้นสิ่งที่สำคัญที่สุด “ไม่ใช่เรื่องการประมวลผลภาพออกมาให้ดีที่สุด” แต่มันคือ “การตอบสนองอันฉับไว” ต่อคำสั่งที่เรากดปุ่มลงบนจอยบังคับต่างหาก ซึ่ง Response Time ของ HX955 นั้นก็จัดอยู่ในเกณฑ์ดีตามแบบฉบับของ LED TV รุ่นท็อปๆ โดยทีวีแทบทุกยี่ห้อที่เป็นรุ่นท็อปก็จะใช้ Panel เกรดดีที่สุดจึงส่งผลให้การภาพเคลื่อนไหวดีแต่ต้นอยู่แล้ว จากการทดสอบก็ลื่นไหลอยู่ในเกณฑ์ดี จะบอกว่าเพอร์เฟกต์แบบไมมีโกสท์หรือเบลอเลยซักแอะก็คงไม่ใช่เพราะมันยังคือ LED Liquid Crystal Display TV อยู่วันยังค่ำ ผมมีเทคนิคดีๆที่ช่วยให้ภาพเรียบเนียนลื่นปรื๊ดนั่นก็คือการเปิด Motion Flow ระดับ Impulse  แนะให้ลดระดับแบ็คไลท์ให้ต่ำๆหน่อยเพื่อให้เห็นเฟรมกระพริบน้อยที่สุดหรืออย่างดีที่สุดคือแทบไม่เห็นเลย (เป็นเอฟเฟกต์ของ Impulse)  ผลคือแสงสีและภาพเคลื่อนไหวที่ได้ก็จะเรียบเนียนสบายตาไปอีกแบบ เปรียบดั่งเล่นเกมส์บนจอ Plasma TV ก็ว่าได้

เกมส์วินนิ่ง เอาไว้ทดสอบ Response Time ในเชิงปฏิบัติดีนักแล

เพิ่มเติมเรื่อง Motion Flow ให้ซักนิด โดยเราสามารถปรับตามใจชอบได้เลยมีระดับ Off / Low / Smooth / Impulse การเปิดว่าระดับไหนดีที่สุดก็ขึ้นอยู่กับความชอบส่วนบุคคล โดยส่วนตัวหากผมดูภาพ 2 มิติจะเน้นปิดไปเลยหรือไม่ก็เปิดระดับน้อยๆไว้ก่อน มาในปีนี้ Sony ได้ผนวกระดับ Impulse มาให้ด้วย แนวภาพจะเหมือนมี “ฟิลเตอร์สีดำใส” มากั้นไว้อีกชั้น ได้อารมณ์แนวภาพแบบ Plasma TV เฟรมภาพคล้ายจะมีกระพริบรัวๆนิดหน่อย ซึ่งผมก็เคยทดสอบในตัว 84″ KD-84X9000 เหมือนเป็นการเค้นเบิ้ลเฟรมภาพด้วยแบ็คไลท์ พอมาทดสอบ Response Time ด้วย Pattern ทดสอบ ผลลัพธ์ในการแสดงภาพเคลื่อนไหวจัดว่า “ดีกว่า” Plasma TV ด้วยซ้ำ จึงกลายเป็นโหมดโปรดของ “คุณชานม” นักเขียนอาวุโสผู้ชอบของแปลก ทั้งนี้ Motion Flow ผมแนะนำลองเปิดเล่นดูด้วยตัวเอง เพื่อค้นหา “ระดับ” ที่ตัวเองชอบมากที่สุด

ทดสอบต่อคอมพิวเตอร์ด้วยช่องต่อ HDMI ส่งภาพ 1920 x 1080 ขึ้นจอซะเลย แนะนำให้เลือก Scene เป็น Graphics สีนวลสบายตา ตัวอักษรมีความคมชัดกำลังดี ไม่ขึ้นขอบ