เสียง
Sony 48W650D มีจุดวางลำโพงสองจุดคือบริเวณใต้กรอบทีวีด้านล่าง ซ้าย-ขวา สามารถสร้างเสียงสเตอริโอ กำลังขับ 5Wx2 การจัดวางแบบนี้ก็เป็นแบบมาตรฐาน โหมดเสียงอัตโนมัติมีให้เลือกหลายแบบแต่ที่แนะนำให้ใช้ ก็คือโหมด Standard ไม่ก็โหมด Cinema ครับ เพราะสองโหมดนี้จะให้เสียงที่กระจ่าง ไม่อุดอู้เหมือนกับโหมดอื่น เสียงที่ยิงสะท้อนออกมาให้เราได้ยินได้ฟัง จะออกแนวสดใส ไม่แหบแห้ง จดบาดหู ขาดความนุ่มลึก และเบสไปบ้าง แต่เรื่องระดับความดังของลำโพงขอให้วางใจได้เลยแค่ระดับเสียงประมาณ 40 ก็ได้ยินชัดเจนแล้ว
เพิ่มเติม
ในการเชื่อมต่อกับเครือข่ายของรุ่นนี้รองรับทั้งแบบใช้สาย (Ethernet หรือบ้านๆ ก็คือ LAN) และแบบไร้สาย Wireless LAN ซึ่งลูกเล่นที่มีในรุ่นนี้แม้ว่าจะไม่เทียบกับรุ่นใหญ่ที่เป็น Android แต่ก็ถือว่าเพียงพอต่อการใช้งานเบื้องต้น โดยหลักๆ จะเน้นไปในเรื่องของ Video Streaming ผู้ใช้สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันบน Opera TV Store มาติดตั้งลงบนเครื่องได้ แต่ผมขอแนะนำว่าอย่าเลือกแอปฯ ที่ใช้ทรัพยากรเครื่องเยอะ เพราะด้วยขีดจำกัดทางด้านฮาร์ดแวร์จะไม่สามารถประมวลผลได้
แอปฯ วิดีโอสตรีมิ่งหลักบนรุ่นนี้ไม่ใช่ YouTube อย่างเคยหากแต่เป็น Netflix ซึ่งเปิดบริการแล้วในบ้านเรา ผู้ใช้สามารถเข้าถึงแอปฯ ได้ผ่านทางปุ่มบนรีโมทคอนโทรลได้เลยสะดวกสุดๆ และในอนาคตช่วงประมาณเดือนพฤษภาคม ทาง Sony ก็เตรียมจะอัพเดทเฟิร์มแวร์ใหม่ที่จะเพิ่ม Opera Web Browser เข้ามา ทำให้รุ่นนี้สามารถท่องอินเทอร์เน็ตได้ด้วย !!
ส่วนการเล่นไฟล์ผู้ใช้ยังคงต้องเข้าโปรแกรมเล่นให้ถูกประเภทเหมือนเคย ยกตัวอย่างเช่นถ้าต้องการเล่นไฟล์วิดีโอ ก็ต้องเข้าไปที่ Video เพราะถ้าหากเข้าตัวโปรแกรมเล่นผิดประเภทก็จะไม่เจอไฟล์ที่เราอยากจะเล่น ในการทดสอบผมก็จะใช้ไฟล์วิดีโอนามสกุล .mkv เป็นหลัก ซึ่งจากเท่าที่ลองเล่นหลายๆ ไฟล์ ตัวโปรแกรมสามารถเห็นเสียง เห็นซับไตเติลที่มากับไฟล์ได้เกือบทั้งหมด แต่จะมีความยุ่งยากในการเปลี่ยนเล็กน้อยเพราะตัวโปรแกรมที่เล่นไฟล์ไม่ได้แสดงลิสต์รายการซับไตเติ้ล และไฟล์เสียงแบบเครื่องเล่น ผู้ใช้จึงต้องค่อยๆ เลือกเปลี่ยนซับไตเติ้ลแต่ละอัน จนกว่าจะพบซับไตเติ้ลที่ต้องการ
สรุป
ข้อดีของ Sony 48W650D
1.การออกแบบช่องต่อด้านหลังค่อนข้างเอื้อต่อการนำทีวีไปแขวน
2.รีโมทคอนโทรลมีปุ่ม Netflix ในตัว ถือว่าชูโรงมาก
3.แม้ว่าจะไม่สามารถปรับภาพได้แบบละเอียด แต่ก็ยังสามารถรักษาอุณหภูมิสีประมาณ 6700K ซึ่งใกล้เคียงกับ 6500K ได้
4.ภาพเคลื่อนไหวเป็นธรรมชาติ ซึ่งหาได้ยากในระดับราคาเท่านี้
5.คุ้มค่าคุ้มราคากับสิ่งที่ได้มา
ข้อเสียของ Sony 48W650D
1.LED Motion สามารถช่วยเรื่องภาพเคลื่อนไหวก็จริง แต่ก็ทำให้ความสว่างดรอปลงเกิน 50% ฉะนั้นไม่มียังดีกว่า
2.ภาพโดยพื้นฐานจะติดอมแดงหน่อยๆ ต้องปรับค่า HUE ไปทางสีเขียวจะช่วยได้
3.ภาพที่มืดมากในบางฉากจะขาดรายละเอียดไปบ้าง
4.ตอนเล่นไฟล์วิดีโอ Media Player ในตัวเครื่องน่าจะมีตัวเลือกลิสต์รายการซับไตเติ้ล และไฟล์เสียงมาให้
Sony 48W650D ถือเป็นทีวีที่ครบเครื่องในเรื่องของมาตรฐานภาพและลูกเล่น แม้ว่ารุ่นนี้จะเน้นไปที่ความคุ้มค่าเป็นหลัก แต่ Sony ก็ไม่ได้ละเลยเรื่องภาพ ด้วยโหมดภาพอัตโนมัติที่ให้มาบวกกับตัวเลือกการปรับแต่งที่จำกัดก็ยังสามารถทำให้อุณหภูมิสีโดยเฉลี่ยได้ค่ามาตรฐาน คือประมาณ 6700K ข้อด้อยของภาพหลักๆ คือการแสดงรายละเอียดในที่มืดจะดูด้อยไปบ้างแต่ก็สามารถเร่ง Backlight เพื่อช่วยขุดรายละเอียดออกมาได้นิดหน่อย ในเรื่องของลูกเล่นก็ไม่ใช่เป็นแบบของแถม สามารถใช้งานได้จริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกแอปประเภทวิดีโอสตรีมมิ่งทั้งหลาย Netflix, YouTube ส่วนแอปด้านอื่นๆ จะดูโหลดไปบ้าง แต่นั่นก็เป็นเรื่องเข้าใจได้เพราะราคารุ่นนี้อยู่เพียงแค่ 21,490 บาท เท่านั้น