เสียง
พลังเสียงของ TCL 49S6500 กล่าวได้ว่าดังเพียงพอที่จะครอบคลุมห้องนั่งเล่น แม้เนื้อเสียงของตัวเครื่องจะขุ่นมัวไปบ้าง แต่ก็ถือว่ายังอยู่ในขั้นที่ยอมรับได้ โหมดเสียงอัตโนมัติที่แนะนำคือโหมด Standard และ Music ที่ให้เสียงกลางได้ชัดกว่าโหมดอื่นๆ ไม่โดนเสียงแวดล้อมกลบ เหมาะกับการฟังเพลง และชมภาพยนตร์ อีกทั้งในหมวด Sound Setting ผู้ใช้ยังสามารถปรับแต่งค่าการจูนเสียงให้เหมาะกับการติดตั้งทีวีได้ ไม่ว่าจะเป็นแบบตั้งโต๊ะ หรือแขวนผนัง
เพิ่มเติม
จากเท่าที่ผมได้ลองด้อมๆ มองๆ Full HD Smart TV ในตลาดหลายรุ่น มีน้อยแบรนด์ที่ใจกล้านำ Android TV แท้ๆ มาติดตั้งให้เลยในเครื่อง เพราะขนาดพวกตัว TCL 4K P6US ที่เคยรีวิวไปก่อนหน้านี้ ยังใช้ตัวระบบปฏิบัติการที่ทาง TCL พัฒนาเอง แต่ TCL 49S6500 รุ่นนี้กลับใส่มาให้ ข้อดีของ Android TV 8.0 แท้ๆ แบบที่ไม่ใช่การพอร์ตมาจากโทรศัพท์ก็คือ GUI (Graphic User Interface) เป็นของทีวีโดยเฉพาะ แอปพลิเคชั่นต่างๆ ก็สามารถโหลด และติดตั้งใช้งานบนทีวีได้จริงทุกแอป! มีพื้นที่ในการติดตั้งที่ตัวเครื่องให้มา 4.5GB เหลือไว้ลงแอปพลิเคชันบน Play Store ได้อย่างสบายๆ
ส่วนความลื่นไหลในการใช้งาน อัตตราการตอบสนองต่อการคลิก การกดปุ่มต่างๆ อยู่ในเกณฑ์ดี คลิ๊กปุ๊บ ติดปั๊บ บ่งบอกว่าตัวระบบปฏิบัติการสามารถทำงานสัมพันธ์กับฮาร์ดแวร์ได้อย่างลงตัว เกือบลืมบอกไปว่าในเมื่อรุ่นนี้เป็น Andoird TV 8.0 ดังนั้นความสามารถด้านคำสั่งเสียงจึงพัฒนาไปมาก รองรับคำสั่งภาษาไทย (แต่ต้องเปลี่ยนภาษาเครื่องให้เป็นภาษาไทยด้วย) เวลาจะเรียกใช้ก็สามารถกดปุ่ม Google Assistant บน Smart Remote ได้เลย
และเมื่อเป็น Android TV แอปพลิเคชันประเภทสตรีมมิ่งชั้นนำอย่าง Netflix, YouTube, Google Play Movie ก็มีมาให้ ใครสะดวกรับชมช่องทางไหนก็ตามเข้าไปดูกันได้เลย ซึ่งจากการทดสอบความเร็วในการดาวน์โหลดจากความละเอียดแบบ SD ขึ้นไปจนถึง Full HD พบว่าอยู่ในช่วง 1-2 นาที กับการเชื่อมต่อแบบไร้สาย (Wireless LAN) ส่วนการเชื่อมต่อแบบใช้สาย (Ethernet) จะอยู่ในช่วงน้อยกว่า 1 นาที ดังนั้นขอแนะนำครับว่าใช้สายดีกว่า!
*ความเร็วการดาวน์โหลดขึ้นอยู่ความหนาแน่นการใช้งานอินเทอร์เน็ตขณะนั้น และความเร็วของแพ็คเกจที่ติดตั้ง
รีโมทคอนโทรลทั้งสองที่ให้มา สังเกตได้ว่าจะมีปุ่ม Netflix ฝังไว้มาให้เลยตั้งแต่ต้น ใครที่ชอบใช้งาน Netflix เป็นหลักก็จะสะดวกสบายเป็นพิเศษ และถ้าจะให้ใช้งานได้ง่ายขึ้นขอแนะนำให้ใช้ Smart Remote (รีโมทตัวสั้น) จะใช้งานได้ง่ายกว่ารีโมทแบบปกติ เพราะปุ่มน้อยแต่สามารถควบคุมได้ทุกอย่าง แถมยังมีปุ่ม Virtual Keyboard ให้ด้วย
