ภาพ
เกริ่นกันไปแล้วตั้งแต่ตอนต้นว่า TCL 55C2US รุ่นนี้นั้นเป็นทั้ง 4K HDR TV ดังนั้นคุณภาพของภาพจึงเป็นที่คาดหวังของผมพอสมควร ว่ามันควรจะดีกว่าปีที่แล้ว และเมื่อต่อสาย HDMI เข้ากับเครื่องเล่น 4K ภาพที่ออกมาดูดีในระดับกลางๆ กล่าวคือโทนสีไม่เด่นไปในด้านใดด้านหนึ่ง สีสันเป็นธรรมชาติ และระดับความดำนั้นทำได้ค่อนข้างดี ตามสไตล์พาเนล VA โหมดภาพอัตโนมัติจากโรงงานแต่ละโหมดมีความแตกต่างในเรื่องของความสว่าง สีสัน อุณหภูมิสีอยู่พอสมควร โดยโหมดภาพอัตโนมัติยังแบ่งแยกไปตามคอนเทนท์ที่รับชม
เช่นถ้าเราเปิดคอนเทนท์ที่เป็น HDR (4K HDR, Netflix HDR) โหมดภาพก็จะเป็นแบบ HDR โดยเฉพาะจะมีตัวเลือกเพียงแค่ Movie, Dynamic, Natural แต่ถ้าเปิดคอนเทนท์ปกติก็จะมีตัวเลือกมากขึ้นคือ Stadium กับ Standard ส่วนโหมดที่แนะนำให้ใช้งานกันเลยก็คือโหมด Movie ครับ แต่ถ้าใครดูแล้วภาพมันมืดไปนิดก็ขอแนะนำว่าให้เปิดฟีเจอร์ Micro Dimming เป็น On แทน ส่วนเรื่องภาพเคลื่อนไหว TCL 55C2US นั้นอยู่ในเกณฑ์ที่ใช้ได้ ฉากแพนกล้อง หรือช่วงเคลื่อนไหวเร็วๆ นั้นไม่ได้มีโกสต์ให้เห็น ทว่าก็ไม่ได้ลื่นถึงขนาดน่าชมเชย จุดที่น่าเสียดายอีกเรื่องคือการเล่นคอนเทนท์แบบ HDR ยังไม่ได้ส่งผลต่อภาพอย่างชัดเจนอะไรนัก ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะรุ่นนี้รองรับ HDR แบบธรรมดา ไม่ใช่ HDR แบบ Ultra HD Premium จึงทำให้เรื่องความเปรียบต่างของแสงระหว่างความสว่างกับความมืดในฉากเดียวกันยังไม่มากถึงขนาดต้องร้องว๊าว!! เช่นอย่างสีเขียวมรกตก็จะดูไม่แจ่มจรัสเท่าใดนัก
อีกจุดเด่นที่สำคัญของรุ่นนี้คือความใส่ใจ และความต้องการที่จะพัฒนาเรื่องภาพของ TCL ทำให้ 55C2US รุ่นนี้ รองรับการปรับไวท์บาลานซ์แบบ 10P ซึ่งหาได้ยากมากในทีวีระดับเพดานราคาสามหมื่นบาทต้นๆ ฉะนั้นใครมีเครื่องปรับภาพ หรือมีเพื่อนที่ปรับเป็นซื้อไปก็สบายใจหายห่วง และผมกล้าพูดได้เลยว่าหลังจากผ่านการปรับภาพแล้ว ทีวีสามารถแสดงภาพได้อย่างดีขึ้นแบบผิดหูผิดตา อุณหภูมิสีมีความเที่ยงตรงจนเข้าขั้นดีเยี่ยมโดยค่าที่ได้อยู่ที่ 6448K อ้างอิงจากโหมดภาพ Movie แถม Input Lag ยังน้อยมาก ราวๆ 27ms เท่านั้น ทำให้ไม่ต้องห่วงว่าอัตราการตอบสนองเวลาเล่นเกมจะมีปัญหา ซึ่ง ตามปกติแล้ว การจะได้ค่า Input lag ที่น้อยแบบนี้จำเป็นจะต้องเปิด Game Mode แต่กับ TCL 55C2US เครื่องนี้นั้นไม่ต้องเลยครับ
