ภาพ

จากหน้าที่แล้วเรามาลุยต่อเรื่องของภาพแบบ 4K กันดีกว่าครับ แม้ว่าปัจจุบันเราจะยังไม่มีสื่อที่เหมาะสมในการแสดงภาพยนตร์ความละเอียดสูงความยาวเป็นชั่วโมงได้ แต่ในเมื่อทีวีเค้าให้ฟีเจอร์มาแล้วก็ขอลองดูหน่อยแล้วกันว่าจะสามารถแสดงผลได้จริงหรือไม่ โดยทดสอบกับไฟล์ภาพยนตร์ตัวอย่างที่ทีมงานได้ทำการขออนุญาตมาใช้ประกอบการทดสอบ โดยเราก็โยนเข้า External Harddisk แล้วเสียบเล่นที่ช่อง USB หลังเครื่องเนี่ยแหละ

จากการทดสอบเราพบว่าตัวเครื่องสามารถเล่นไฟล์ 4K บางชนิดได้ด้วยตัวเองเลย(ว้าว!) อย่างตัวที่ใช้ทดสอบนี่เป็นไฟล์โหลดจาก YouTube มาเป็น mkv ก็สามารถเปิดเล่นฉิวๆ แสดงผล 4K 24/30Hz ได้แน่นอน ด้วยเหตุนี้คุณชานมของเราเลยอยากจะลองของ เสียบเครื่อง Generator ปล่อยสัญญาณแบบ 60Hz เข้าไป ปรากฏว่ามีภาพขึ้นเช่นกัน แต่ว่ามีอาการสีเพี้ยนให้เห็น จึงไม่แน่ใจว่าสามารถรองรับการแสดงผลที่สัญญาณภาพนี้ได้ 100% หรือไม่ แต่คาดว่าหากในอนาคตภาพยนตร์ในฟอร์แมตนี้เกิดบูมขึ้นมา ทาง TCL ควรจะมีการปล่อยอัพเดตซอฟต์แวร์เพื่อแก้ไขในจุดนี้ให้กับลูกค้า

สำหรับการแสดงผลภาพแบบ 3 มิตินั้น ผมได้ทดสอบกับภาพยนตร์เรื่อง Gravity ครับ โดยรวมแล้วอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานสำหรับทีวีที่ใช้ 3D Active คือมีมิติในเชิงลึกเข้าไปในจอ และมีจังหวะที่หวือหวาบ้าง อย่างเช่นช่วงที่ Dr. Ryan นางเอกของเราลอยไปปะทะกับเศษซากของกระสวยอวกาศที่ลอยอยู่ บรรดาของที่ลอยปะปนด้านในก็ทำให้ภาพเหมือนลอยทะลุจอออกมา ทว่ายังคงมีสิ่งที่เรียกว่า Crosstalk ให้เห็นตามขอบเล็กน้อย ถ้าไม่ได้สังเกตุก็จะไม่ชัดเจนจนน่าเกลียดแต่อย่างใด รวมๆ แล้วก็ไม่หนีจาก 3D Active ด้วยกันเองในตลาดปัจจุบันมากครับ

เสร็จสิ้นจากการทดสอบภาพจากแผ่น ก็มาลงในเรื่องของภาพจากดิจิตอลทีวีในบ้านเรากันบ้างครับ เพราะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยในการเลือกซื้อทีวีของทุกคน ณ ตอนนี้ สำหรับการจูนหาช่องสัญญาณนั้นด้วยความที่ออฟฟิศเราติดเสาก้างปลา และอยู่ในเขตชานเมือง กทม. ทำให้สัญญาณที่ได้รับ ณ ตอนนี้เกือบจะแน่นๆ 100% จูนได้ครบไม่ตกหล่น

ประสิทธิภาพนั้นต้องบอกว่าค่อนข้างได้เปรียบทีวีที่เป็นแบบ Full HD ครับ ความรู้สึกส่วนตัวผมว่าพาแนลแบบ 4K มีส่วนช่วยให้ภาพดูคมีมิติขึ้นกว่าดูบนจอ Full HD ในระดับหนึ่ง ถือว่าทำได้ดีสำหรับการดูรายการทีวีทั่วไป จะมีตินิดหน่อยก็ในเรื่องของการโหลด EPG หรือตารางออกอากาศที่จะทำการ Sync ระบบกับสัญญาณของช่องนั้นๆ ให้เอง ตอนกดเข้าไปดูจะพบอาการหน่วงให้เห็นประปราย แต่ถ้าท่านไหนไม่สนเรื่องนี้ ก็เปลี่ยนช่องดูได้ลื่นไหล อย่างที่ทีวีรุ่นท็อปควรจะเป็น.

เสียง

เป็นถึงทีวีรุ่นสูงทั้งที จะให้ทำเสียงอู้อี้ออกมาก็กระไรอยู่ หลังจากที่ได้เปิดแผ่นคอนเสิร์ตของป๋า Elton John ดูแล้วไล่โหมดเสียงต่างๆ ไปเรื่อย สิ่งเดียวที่ผมแนะนำและเห็นว่าดีที่สุดสำหรับคนที่ไม่ชอบอะไรหวือหวาคือโหมด Standard ครับ เพราะมันจะให้เสียงที่เป็นธรรมชาติและมีความดังอยู่ในระดับที่ดีอยู่แล้วสำหรับแอลอีดีทีวี ไม่จำเป็นจะต้องปรุงด้วยค่า Preset อื่นๆ แต่หากชอบก็สามารถทำได้ตามเมนูที่ได้เปิดให้ชมด้านบนครับ อ้อ อย่าลืมเลือก Scene ให้ตรงกับการวางทีวีของคุณด้วยนะครับ เพื่อที่ตัวทีวีจะได้ทำการปรับรูปแบบการยิงเสียงออกมาให้เหมาะสม

เพิ่มเติม
แต่ก่อนเดิมที TCL นั้นได้ชื่อว่าเป็นเจ้าพ่อแห่งสารพัดลูกเล่นอยู่แล้ว ไม่ว่าจะรุ่นเล็กรุ่นใหญ่มักจะมีของมาให้เราได้ทดลองอยู่ตลอดๆ สำหรับ H9600 ตัวนี้ที่ต้องบอกว่าเป็นถึงทีวีรุ่นท็อปของไลน์อัพปี 2015 ทาง TCL เลยจับยัด Android 4.2 มาให้แบบไม่มีกั๊ก รวมไปถึงได้จับมือกับนักพัฒนาเกมเพื่อออกแอปพลิเคชั่นสำหรับรันบนทีวีมากมาย มาตามดูกันเลยครับ







สุดท้ายกับฟีเจอร์การอ่านไฟล์จาก External Harddisk สำหรับไฟล์เพลงนั้นทีมงานได้ทดลองกับ .mp3, .wav สามารถอ่านได้ปกติดี ส่วน .flac ที่บิตเรทสูงๆ ระดับ 24-bit / 192 kHz จะไม่สามารถอ่านได้ ส่วนไฟล์รูปภาพต่างๆ ถ้าเป็นนามสกุลมาตรฐานที่นิยมใช้กันตามเว็บไซต์อย่าง GIF, JPG หรือ PNG สามารถอ่านและแสดงผลได้ นอกจากนี้ยังเลือกให้เป็นพื้นหลังของหน้า Homepage ได้เช่นเดียวกัน
ส่วนไฟล์ Video ที่เป็นไฮไลท์สำคัญของฟีเจอร์นี้ บอกเลยว่าถ้าเป็น mkv ที่ไม่พิศดารจนเกินไป สามารถอ่านได้ลื่นไหลดี แม้ว่าจะเสียบกับฮาร์ดดิสก์ขนาด 1 TB ขณะทดสอบก็ตาม แต่ว่าการถอดรหัสซับไตเติ้ลแบบที่ฝังเข้าไปเองที่สามารถเปลี่ยนสีตำกับตำแหน่ง อาจจะต้องดูว่าทางคนฝังซับฯ ทำมาหวือหวาเว่อวังอลังก์เกินไปหรือไม่ เพราะทีวีเองก็มีขีดจำกัดของมันในการแบ่งพื้นที่บางส่วนมาให้ตัวถอดรหัส ฉะนั้นการจะให้อ่านซับไทยได้ทุกฟอนต์คงจะเป็นเรื่องยากของทีวีทุกตัวอยู่แล้ว
สรุป
สำหรับ TCL H9600 ตัวนี้นับว่าเป็นทีวี 4K ที่ให้ภาพอยู่ในเกณฑ์ที่ใช้ได้ สังเกตุจากอุณหภูมิสีที่เครื่องวัดออกมาค่อนข้างจะแตกต่างจากค่ามาตรฐานอยู่ระดับหนึ่ง ทว่าหากลองพิจารณาด้วยตาเปล่าแล้วจะพบว่าตัวภาพไม่ได้ดูเลวร้ายอย่างที่ตัวเลขจากเครื่องวัดได้ฟ้องออกมา โดยรวมยังคงเป็นทีวีที่อัดแน่นไปด้วยสารพัดฟีเจอร์ตามสไตล์ TCL เช่นเคย ที่สำคัญคือราคาไม่แรงจนเกินไปแต่ได้จอโค้งและภาพความละเอียดแบบ Ultra HD ซึ่งจะได้เปรียบเรื่องความคมชัดในการรับชมภาพยนตร์แบบ Full HD อันเนื่องมาจากจำนวนเม็ดพิกเซลที่มากกว่านั่นเอง

คราวนี้มาพูดถึงพัฒนาการของตัวทีวีจากปีที่แล้วซึ่งผมได้เคยให้โจทก์ทาง TCL ไว้ พอได้ทดสอบทีวีตัวนี้ก็พอจะสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงบางอย่างในทิศทางที่ดีขึ้น การใส่ใจในรายละเอียดต่างๆ เริ่มมีให้เห็นในงานดีไซน์อย่างเช่นตัวทีวีและรีโมท ที่ดูเข้าใจง่าย(แต่กดยากไปนิด) ก็ต้องขอชมว่าเริ่มที่จะมาถูกทางแล้ว ตัวฮาร์ดแวร์ภายนอกสอบผ่านแล้ว เหลือก็แค่ซอฟต์แวร์หลักอย่างประสิทธิภาพของภาพ ถ้าได้มีการพัฒนาให้เข้าใกล้มาตรฐานมากขึ้น หรือปรับเมนูในตัวเครื่องให้ใช้ง่ายและเข้าถึงได้ภายในไม่กี่ขั้นตอน จะช่วยเสริมให้ทีวีแบรนด์นี้ตีคู่เข้ามาเป็นหนึ่งในตัวเลือกสำคัญของผู้บริโภคได้ในไม่ช้าครับ
ข้อดี
– งานดีไซน์จอโค้งสวยงาม การประกอบแข็งแรงและดูมั่นคงกว่าแต่ก่อน
– การแสดงผลภาพดีขึ้นและเริ่มจะใกล้ระดับมาตรฐานมาเรื่อยๆ
– ตัวเครื่องสามารถอ่านไฟล์ 4K บางชนิดได้ทันทีจาก External Harddisk เป็นสัญญาณว่าในอนาคตอาจจะไม่ต้องพึ่งเครื่องเล่นเลยก็ได้
– ฟีเจอร์ Android ที่ช่วยให้เราสามารถเพลินไปกับแอปพลิเคชั่นมากมายหลายประเภท
ข้อเสีย
– ค่าเบื้องต้นจากโรงงานแถม Sharpness มาเยอะไปหน่อย ควรปรับลดให้เหลือ 0 ไปเลยเพื่อที่จะลดความหยาบกร้านให้น้อยลง
– รีโมทแม้จะอ่านทำความเข้าใจง่าย แต่ปุ่มกดยากไปนิดนึง
– ตัวฟีเจอร์ Android บางส่วนยังทำงานได้ไม่ 100% อย่างตอนทดสอบเล่นเกมเราจะไม่สามารถใช้รีโมทบังคับอะไรได้ ยกเว้นออกจากเกมอย่างเดียว
– หน้าตาเมนูในเครื่องไม่ค่อยสวย นอกจากนี้ยังหน่วงเล็กน้อย ไม่ควรกดหลายอย่างในเวลาเดียวกัน