Picture – ภาพ
ในส่วนของสเปคตัวเครื่องนั้นใช้ Panel ขนาด 50 นิ้ว แน่นอนว่ามีความละเอียดแบบ Full HD 1920 x 1080 ที่อัตราส่วน 16:9 Wide Screen การวางหลอดแบคไลท์นั้นเป็นการวางแบบทั่วทั้งหน้าจอที่เรียกว่า Direct LED และชิพประมวลผลของ Toshiba มีชื่อว่า “Regza Engine” เช่นเดียวกับรุ่นอื่นๆ
BRAND Toshiba | |
Type of TV | LED TV |
Model | 50L2300VT |
Size | 50″ |
Year | 2013 |
Price (ราคาเปิดตัว) | 31,990 |
PICTURE | |
Resolution | 1920 x 1080 |
Backlight Type | Direct LED |
Video Processor | REGZA ENGINE |
Contrast Ratio | 12000:1 |
Response Time | 9 ms |
Brightness | 300 CD/M2 |
1080p Capable | Yes |
Motion | Active Motion Rate 100 |
Picture Sensor | Intelligent Backlight Control |
Viewing Angle | 176 Degree |
ผมขอเริ่มจากทดสอบโหมดภาพสำเร็จรูปของ Toshiba ที่ให้มาค่อนข้างเยอะ ( 9 โหมด ) เมื่อเทียบกับยี่ห้ออื่นๆ นั่นหมายความว่าเราสามารถเลือกใช้งานได้หลากหลายยิ่งขึ้น ทั้งตามคอนเทนต์ที่ใช้งานหรือความชอบส่วนบุคคล โดยมีให้เลือกดังนี้ Auto View , Dynamic , Football , Standard , Mild , Movie* , Eco Mode , Game ,PC ทั้งนี้อัตราการบริโภคพลังงานก็จะแตกต่างกันไปในแต่ละโหมด ในจำนวนนี้มีโหมดที่เพิ่มเข้ามาใหม่ล่าสุดคือ “Football” ซึ่งตามสเปคแล้วทาง Toshiba เคลมไว้ว่าจะสามารถรับชมภาพเคลื่อนไหวในขณะชมฟุตบอลได้ดียิ่งขึ้น และเม็ดสีเขียวของหญ้าที่แสดงบนหน้าจอทีวีจะมีความเป็นธรรมชาติ ดังนั้นผมจะลองทดสอบในส่วนนี้ด้วย เพราะน่าจะเหมาะสมกับผู้บริโภคชาวไทยที่ชอบดู ชอบเชียร์ฟุตบอลอยู่แล้ว
ก่อนอื่นผมได้ทำการเช็คอุณหภูมิสีและระดับสีของตัวเครื่องด้วยเครื่องมือปรับภาพและซอฟแวร์จาก CalMAN 5 ซึ่งเป็นค่า Standard จากโรงงาน ที่เห็นในกราฟ Pre-Calibration เป็นโหมด Movie และใช้ Color Temp เป็น Warm RGB Balance เส้นสีน้ำเงินจะค่อนข้างสูง ส่วนสีแดงจะน้อยกว่า ดังนั้นผลลัพธ์คือภาพจะไม่ได้ติดอมแดงเหมือนรุ่นอื่นๆที่พบเจอเป็นส่วนมาก แต่จะออกแนวฟ้าๆมาแทน ส่วนค่า White Balance ในโหมด Movie จะใกล้เคียงค่าอ้างอิง 6500K มากที่สุด นั่นคือประมาณเจ็ดพันกว่าๆ
Picture Mode | CTT | Gamma | Luminance |
avg | avg | FL | |
Dynamic | 15535 | 1.07 | 85.8 |
Football | 15558 | 0.99 | 86.8 |
Standard | 10754 | 1.17 | 59.4 |
Mild | 10210 | 1.22 | 34.4 |
Movie | 7254 | 1.45 | 19.9 |
Eco Mode | 13279 | 0.69 | 35 |
Game | 10367 | 1.16 | 46.4 |
PC | 10379 | 1.65 | 41.8 |
AutoView | 10196 | 1.18 | 32.5 |
Calibrated | 6426 | 1.56 | 38.7 |
จากตารางข้างบนจะบอกถึงค่า Color Temp หรืออุณหภูมิสีขาว ถัดมาคือ Gamma หรือการไล่ระดับความสว่างและสุดท้ายคือความสว่างในโหมดภาพต่างๆ
หลังจากทำการ Calibrate แล้ว ดูจากกราฟ Toshiba 50L2300VT ถือว่าทำได้ไม่น่าเกลียดเลย สำหรับทีวีรุ่นระดับกลาง ทั้งค่าอุณหภูมิสีที่ใกล้เคียง 6500K มากๆ และ RGB Balance ที่สมดุลกัน ความสว่างของตัวทีวีก็ใช้ได้ หลังจากนั้นเลยหยิบเรื่องที่ทดสอบกันบ่อยๆมาดู “Journey 2” ฉากเดิมที่เราคุ้นเคยกัน ดูสีผิวของคนก็ไม่ได้ติดอมแดงแต่อย่างใด ออกแนวนุ่มนวลเป็นธรรมชาติ มิติภาพก็พอใช้ได้ครับ ไม่ได้หยาบกร้าน โดยผมแนะนำให้ลดค่า Sharpness ลงมาซักเล็กน้อยจะได้แนวภาพที่ดูสบายตามากๆ ส่วนค่าปรับภาพใช้ตามด้านล่างนี้เลยครับ
ในโหมดที่ผมหยิบมา “อ้างอิง” การทดสอบครั้งนี้คือ Movie ฉะนั้นระดับความสว่างอาจจะสู้แสงจัดๆในห้องนั่งเล่นก็แนะนำให้เพิ่มระดับ Backlight ขึ้นมาเป็น 70 ก็ยังได้ครับ
การแสดงรายละเอียดในที่มืดของ Toshiba 50L2300VT ผมถือว่าพอใช้ได้ในระดับหนึ่ง ถึงแม้ว่าความดำจะไม่ได้ดำมะเมื่อมขนาดนั้น แต่กลับได้อานิสงค์ทำให้การแสดงรายละเอียดในที่มืดไม่ได้ย่ำแย่เหมือนทีวีรุ่นราคาถูกๆตัวอื่น อาจจะมีดำจมบ้างแต่ก็เป็นเพียงบางฉากและเล็กน้อย (เล็กน้อยจริงๆครับ จี๊ดเดียวไม่น่ากังวล) ถึงกระนั้นตัวทีวีก็มีฟังก์ชั่นหนึ่งที่ให้มาก็คือ “Contrast Booster” อธิบายง่ายๆก็คือถ้าเราเปิดไว้จะช่วยยกระดับ Contrast ขึ้นมาอีก ส่งผลให้ภาพมีความสว่างและรายละเอียดในที่มืดเพิ่มขึ้น แต่หากเราเปิดในระดับ High อาจทำให้ภาพติดขาวโพลนไปบ้าง และมี Noise เกิดตามมาด้วย อย่างไรก็ตามแนะนำการใช้งานในโหมด Low หรือ Off ไปเลยจะดีกว่า
ปกติแล้วถ้าเป็น LED TV รุ่นสูงๆจะมีฟังก์ชั่นแทรกเฟรมภาพหรือที่เรียกว่า Motion Flow , TruMotion , Frame Creation ( ชื่อเหล่านี้จะต่างกันไปตามแบรนด์ ) แต่สำหรับรุ่น 50L2300VT ไม่ได้ให้มาด้วย อาจจะขัดใจบางท่านที่ชอบดูภาพเคลื่อนไหวแบบลื่นๆสมูท แต่หากเป็นตัวผมหรือทางคุณโรมันกลับชอบภาพแบบเป็นธรรมชาติที่ไม่ต้องปรุงแต่งแทรกเฟรมใดๆทั้งสิ้น ดังนั้นนี่อาจเป็นอีกจุดสำคัญที่บางท่านต้องการ ก็ต้องพิจารณารุ่นอื่นๆควบคู่กันไปด้วยครับ
แต่ !!! ( อีกแล้ว ) ใน Toshiba 50L2300VT รุ่นนี้ก็มีการพัฒนาภาพเคลื่อนไหวมาในชื่อเก๋ไก๋ว่า AMR 100 หรือเรียกเต็มๆว่า Active Motion Rate ซึ่งแม้ว่าจะไม่ได้แทรกเฟรมเข้าไป แต่ก็ช่วยให้การเคลื่อนไหวปกตินั้นดูสมูทขึ้นด้วย เอาล่ะครับเมื่อผมพูดถึงภาพเคลื่อนไหวแล้วก็ขอย้อนไปทดสอบในเรื่อง Football Mode บ้าง ซึ่งเท่าที่ดูเป็นการเร่งสีสันขึ้นมาคล้ายๆโหมด Dynamic นั่นเอง เพียงแต่มีความเข้มมากกว่า ตัวพื้นหญ้ามีสีสันจัดเจนขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แต่แลกมาด้วยใบหน้าคนที่ติดแดงไปเยอะพอสมควรทีเดียว คงต้องเลือกดูครับว่าชอบแบบไหนมากกว่ากัน ^^