22 Jun 2014
Review

ปฏิวัติการดูหนัง !! รีวิว Toshiba NPW15A 3D Projector ภาพสวยคม สีสันสบายตา


  • lcdtvthailand

Toshiba NPW15A นั้นเป็นโปรเจคเตอร์ที่มีความละเอียดของภาพแบบ WXGA หรือ 1280 x 800 ซึ่งถือเป็นมาตรฐานเดียวกันภายใต้ราคา 2 หมื่นนิดๆ รวมถึงสามารถรองรับการใช้งานแบบ 3D (Active) อีกด้วย ในด้านความสว่างก็ให้มาที่ 3,000 Ansi Lumens ถือว่ามีความสว่างพอตัว Contrast Ratio ที่ 10,000:1 ระยะการใช้งานของหลอดภาพตามสเป็คระบุไว้ที่ 6,000 ชั่วโมงในโหมด Eco และ 5,000 ชั่วโมงในโหมด Normal และที่ขาดไม่ได้คือ Throw Ratio หรืออัตราส่วนระหว่างขนาดภาพที่ฉายได้วัดตามแนวนอนกับระยะตั้งฉาย ตามตารางด้านล่างนี้เลยครับ แต่โดยสรุปแล้วผมใช้ระยะรับชม 90 นิ้วที่ประมาณ 3 เมตรครับ 

Throw Ratio ของ Toshiba NPW15A

Toshiba NPW15A ตัวนี้เป็นหนึ่งในซีรีย์ที่เน้นการใช้งานแบบโฮมเอ็นเตอร์เทนเมนท์ การชมภาพยนตร์ที่บ้านหรือจะใช้งานในเชิงธุรกิจเน้นการนำเสนอในห้องประชุมก็ย่อมได้ ในวันนี้ผมจะพูดถึงคุณภาพในเชิง “โฮมเอ็นเตอร์เทนเมนท์” ที่ทำได้ค่อนข้างดีในระดับราคา ซึ่งจากที่ผมทดสอบมาหลายๆรุ่น เจ้า Toshiba NPW15A ก็เป็นรุ่นที่ผมชอบเป็นอันดับแรกๆเลยล่ะ 

เริ่มจากโหมดภาพสำเร็จรูปที่มีตั้งแต่ Bright , PC , Movie , Game และ User ( ปรับตั้งค่าต่างๆเอง ) ซึ่งแต่ละโหมดจะให้แนวภาพที่แตกต่างกัน Bright จะมี Color temp วัดได้ที่ 6314K ซึ่งถือว่าค่อนข้างใกล้เคียงกับ 6500K (ค่าอ้างอิงมาตรฐาน) ถัดมาคือโหมด PC หากต่อคอมพิวเตอร์แล้วจะเด้งเข้ามาโหมดนี้ทันที ได้แนวภาพที่ค่อนข้างสว่างเหมาะกับการใช้งานนำเสนอในที่ประชุมและ Game กับ Movie มีค่า Color Temp ใกล้เคียงกันคือประมาณ 7,300 K บวกลบเล็กน้อย หากท่านใดที่ชอบภาพสว่างๆ โดยไม่ต้องปรับตั้งอะไรมากนัก ก็ขอแนะนำเป็นโหมด Movie โดยค่า Gamma ที่ใช้เครื่องวัดออกมาได้คือ 2.27 โดยใช้ Lamp Mode เป็น Normal  ดูหนังสบายไม่ปวดตา

ตัวอย่างโหมดภาพต่างๆของ Toshiba NPW15A
Pre-Calibration โดยใช้โหมด USER และปรับ Color Temp เป็น Middle จากกราฟ RGB Balande ค่อนข้างกระจายตัว
Post-Calibration หลังจากทำการปรับค่าต่างๆแล้ว โดยใช้ Color Temp เป็น Low และ Gamma 4 RGB Balance เริ่มกลับมาเกาะกลุ่มกัน สีสันของภาพที่แสดงออกมามีความเป็นธรรมชาติมากขึ้น โดยรวมแล้วน่าพอใจทีเดียว
เมนูการปรับค่าในส่วนของภาพ สามารถปรับพื้นฐานได้หมดทั้ง Brightness ,Contrast , Sharpness , Saturation , Hue , Gamma รวมไปถึง Color Temperature และ Color Space
Aspect Ratio ทั้งหมด 3 แบบคือ Auto , 16:9 และ 4:3

อัตราส่วนภาพหรือ Aspect Ratio ที่ให้มาจะมีทั้งหมด 3 แบบ แม้ว่าความละเอียดของภาพจะเป็น WXGA 1280 x 800 ที่เป็น 16:10 แต่ก็สามารถปรับให้เป็น 16:9 และ 4:3 ได้เช่นกัน แม้ว่าแต่ละพิกเซลจะไม่ลงล็อกพอดีกันเป๊ะๆแบบ Pixel Mapping  แต่ก็ถือว่ายังมีความคมชัดให้เราใช้งานกันได้สบายๆ

เริ่มทดสอบวันนี้ด้วยการ์ตูนอนิเมชั่น Despicable Me ภาคแรก จากสีสันที่ถูก Calibrate ด้วยโหมด User นำมารับชมการ์ตูนก็มีความอิ่มเข้มอยู่ไม่น้อย แต่ไม่ได้เป็นความเข้มที่บาดตา ซึ่งความคมชัดที่แสดงออกมานั้นถือว่าคมพอตัว แม้จะไม่ใช่ Full HD ดังเช่นรุ่นสูงๆ แต่ก็เรียกได้ว่าตัวเล็ก “ต่อยหนัก” น่าพอใจกับคุณภาพในระดับราคานี้  

ดูสีสันของภาพจาการ์ตูนอนิเมชั่นเรื่อง Despicable Me
ภาพเคลื่อนไหวก็สบายตากับ Blu-ray 1080p 24Hz
เจ้าตัวสีเหลืองในฉากที่แสดงรายละเอียดตามขอบภาพออกมาได้ชัดเจน

ถัดจากการ์ตูนเรามาชมภาพยนตร์เรื่องฮอตฮิตกันบ้าง หนีไม่พ้น Fast & Furious 6 ที่ต้องขอไว้อาลัยให้กับพ่อหนุ่ม Paul Walker ที่เสียชีวิตไปเมื่อปลายปี 2556 ด้วยครับ ต้องบอกว่าในหนังมีในบางฉากที่ค่อนข้างมืด ทำให้เราเห็นการแสดงรายละเอียดของภาพที่จัดอยู่ในระดับปานกลาง แม้มีบางฉากที่จมๆไปบ้าง แต่ก็ยังถือว่าไม่น่าเกลียด ส่วนในด้านอื่นๆเช่นสีผิวของคน ใบหน้าแสดงสีสันออกมาได้อย่างเป็นธรรมชาติสุดๆ ความคมของภาพจัดอยู่ในเกณฑ์ที่ดีเลย หากเป็นในฉากภาพเคลื่อนไหวก็แสดงได้สูสีกับแบรนด์คู่แข่ง ไม่ต่างกันมากครับ

ฉากบรรยากาศในงานแข่งรถของ “ดอมินิก ทอเร็ตโต” แสงสีรอบๆไม่มีอาการฟุ้งแตกกระจาย
อย่างที่ผมเกริ่นไว้แล้วว่า การแสดงรายละเอียดในที่มืดนั้นมีดำจมไปบ้าง แต่ในฉากนี้ก็ “สอบผ่าน” สบายๆเลย
สีของใบหน้า Paul Walker ดูมีชีวิตชีวา ไม่ได้ติดอมแดง รวมถึงรายละเอียดหนวดเคราก็แสดงชัดเจน

อีกหนึ่งเรื่องที่ถ่ายทำออกมาในอัตราส่วน 16:9 และภาพสวยงามก็คือ Life Of Pie ใครยังไม่ได้ดูก็อยากให้หาซื้อมานะครับ เนื้อเรื่องลึกซึ้งมากๆ เป็นอีกหนึ่งแผ่นที่ผมชอบหยิบมาทดสอบ ทั้งในด้านสีสันและแนวภาพที่สื่ออารมณ์ได้อย่างชัดเจน มีหลายฉากที่ผมดูๆแล้วตัวเครื่อง Toshiba NPW15A สามารถแสดงมิติของภาพออกมาได้อย่าง “ชัดลึก” ตามแบบฉบับที่ภาพยนตร์บันทึกมาจากสตูดิโอ

ฉากนี้ถือว่าภาพใสกิ๊งเลยครับ ดูๆไปให้อารมณ์ไม่ต่างกับโรงภาพยนตร์เลย
โทนสีที่แสดงออกมาในหนัง สามารถสื่อออกมานอกจอได้อย่าง “คุ้มค่า คุ้มราคา”