เสียง และ ทดสอบการใช้งาน
ตัวหูฟังใช้ไดร์เวอร์แบบ Dynamic Driver ขนาด 11 มิลิเมตร ที่ถูกปรับแต่งจูนเสียงโดย Xiaomi Sound Lap ตอบสนองความถี่ได้ตั้งแต่ 20 Hz ถึง 20,000 Hz ใช้การเชื่อมต่อเป็น Bluetooth 5.2 เวอร์ชั่นใหม่ล่าสุดในท้องตลาด รองรับการถอดรหัสสัญญาณเสียงในรูปแบบ SBC, AAC, aptX และ เสียงระดับ Hi-Res อย่าง aptX Adaptive Dynamic ได้ด้วย แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับอุปกรณ์นำมาใช้งานด้วยนะครับ
***ในการทดสอบทางผู้รีวิวไม่มีมือถือที่รองรับการส่งสัญญาณ Bluetooth แบบ aptX Adaptive Dynamic เลยไม่ได้ทำการทดสอบตรงจุดนี้***
ทดสอบการฟังเพลงและแนวเสียง
ในเรื่องของเสียงหูฟังตัวนี้จะออก แนวเสียง แบบเป็นกลาง ไม่ได้โดดเด่นย่านไหนเป็นพิเศษ เสียงเบสต้นจะมีปริมาณค่อนข้างมาก มีมวลที่ใหญ่ มาเป็นลูกๆ ในระดับหนึ่งแต่ไม่ถึงกับคมชัด เบสย่านลึกลงได้ในระดับหนึ่ง เสียงกลางออกนุ่มนวลฟังสบาย เสียงแหลมจะมาในระดับพอดีๆ ไปทางแนวซอฟต์นิดหน่อย
โดยรวมจะออกไปใน 2 ทางหลักๆ คือหากนำไปฟังเพลงสตริงทั่วไป เพลง Pop ถือว่าดีเลยทีเดียว เสียงจะออกนวลๆ ฟังสบาย ฟังนานๆ ไม่ล้าหู แต่ถ้าหากเป็นเพลงที่จังหวะสนุกๆ อย่างเพลง Dance Hip-Hop หรือ Rock ก็ให้เสียงเบสที่ดีในระดับที่ฟังสนุก แต่ด้วยความที่เสียงกลาง เสียงแหลม รวมถึงเสียงร้องจะไม่ได้จัดจ้านตามถ้าฟังเพลงแนวดังกล่าวนี้นานๆ อาจจะเกิดอาการล้าหูบ้างเล็กน้อย แต่ก็มีวิธีแก้ไขเป็นทริคเล็กๆ น้อยๆ ที่จะแนะนำให้ในส่วนถัดไป
ในการ ทดสอบ ระบบตัดเสียงรบกวนภายนอกหรือ Active Noise-cancelling ถือว่าทำได้ดีในระดับนึงเลย จากที่ได้ลองนำหูฟังไปใส่เดินอยู่ริมถนนที่มีรถขับผ่านไปมาตลอดเวลา พร้อมกับเปิดเพลงไปด้วย เรียกว่าแถบจะไม่ได้ยินเสียงรถมากวนเสียงเพลงของเราเลย ประจวบเหมาะกับมีช่วงหนึ่งมีคนงานมาตัดหญ้าที่ออฟฟิศพอดีเลยได้ลองนำหูฟังไปทดสอบกันหน่อยพบว่าถือว่ากันเสียงได้ในระดับหนึ่งแต่จังหวะที่เสียงดังมากๆ อาจมีเล็ดลอดเข้ามาบ้างแต่ถ้าเราไม่ได้ตั้งใจไปจับผิดก็ถือว่าทำได้ดีเลยทีเดียว
ส่วนอีกฟีเจอร์ขั่วตรงข้ามอย่าง Transparency Mode ส่วนผมค่อนข้างชอบเลย เพราะส่วนใหญ่ผมชอบฟังเพลงในเวลาทำงานและมักจะมีคนเรียกเราหรือต้องการคุยกับเราอยู่บ่อยๆ จะถอดหูฟังเข้าออก หรือจะกดเปิดปิดโหมดนี้ก็อาจไม่ทันใจในบางครั้ง ผมจึงชอบเปิดโหมดนี้ไว้ทำให้เราสามารถฟังเพลงได้พร้อมกับยังคงได้ยินเสียงคนรอบข้างเหมือนเดิม
ข้อสังเกตและทริคในการใช้งาน
จากที่ผมได้ลองฟังเพลงพร้อมกับใช้งานทั้ง 2 โหมด ระหว่าง Active Noise-cancelling และ Transparency Mode สลับกันไปมา พบว่ามีผลต่อเนื้อเสียงอยู่ในระดับหนึ่ง ซึ่งหากเราเปิด Active Noise-cancelling เสียงโดยรวมจะมีความคมชัดขึ้นเพราะไม่มีเสียงอื่นๆ มาคอยรบกวน แต่ในบางครั้งอาจรู้สึกว่าเสียงอาจจะชัดจนขาดความเป็นธรรมชาติไปบ้าง ให้ลองสลับมาเป็น Transparency Mode เสียงที่ได้จะมีความใสโปร่งสบายเป็นธรรมชาติมากขึ้นแต่ก็ต้องแลกกับเสียงภายนอกที่จะเข้ามาในหูฟังของเราแทน เรียกว่าสามารถเลือกใช้งานระหว่าง Active Noise-cancelling และ Transparency Mode ตาม Life Style ของแต่ละคนได้เลย
ทดสอบดูหนัง เล่นเกม
ในส่วนของการทดสอบการดูหนัง และ เล่นเกมนั้นถือว่าทำได้ดีเลยทีเดียว ทำให้เราสามารถรับรู้ทิศทางของตัวละครจากในหนังหรือศัตรูจากในเกมว่ามาจากทิศทางไหนอย่างชัดเจน แถมยังได้เนื้อเสียงโดยรวมเสียงเอฟเฟกต์ต่างๆ ที่มีความกระหึ่มเต็มอรรถรสมากขึ้นกว่าลำโพงของตัวมือถือหลายเท่าตัว นอกจากนี้ยังมีการส่งสัญญาณที่ฉับไว ไม่มีอาการดีเลย์ของเสียงให้เห็นแต่อย่างใด สามารถดูหนังเล่นเกมได้อย่างราบลื่นจริงๆ ครับ
ทดสอบคุยโทรศัพท์
นอกจากใช้ฟังเพลง ดูหนัง เล่นเกมได้แล้ว Xiaomi FlipBuds Pro ตัวนี้ยังมาพร้อมไมโครโฟนที่ใช้คุยโทรศัพท์ได้ด้วย จากที่ทดสอบเสียงของเราที่ถูกส่งไปยังปลายทาง ถ้าอยู่ในที่ที่มีเสียงรบกวนไม่มากนั้นทำได้ดีเลย แต่ถ้าอยู่ในที่ที่มีเสียงรบกวนค่อนข้างมากในบางจังหวะ เสียงพูดของเราอาจมีความเบาบางไปบ้าง แต่โดยรวมถือว่าไม่มีปัญหาต่อการใช้งานแต่อย่างใด ส่วนเรื่องเสียงปลายทางมาสู่หูฟังของเรานั้นให้เสียงที่ดังฟังชัดเจนเป็นปกติ
สรุป
Xiaomi FlipBuds Pro เป็นหูฟัง True Wireless ไร้สาย ที่ให้เสียงที่ออกแนวนุ่มนวลฟังสบาย มีเบสให้ในระดับที่ฟังสนุกก็ได้ ฟังเพราะก็ดี ใช้การส่งสัญญาณเป็น Bluetooth 5.2 เวอร์ชั่นใหม่ล่าสุดในท้องตลาด มาพร้อมฟีเจอร์ตัดเสียงรบกวนอย่าง Active Noise-cancelling และ Transparency Mode ให้เราเลือกใช้งานได้ตามใจชอบ ตัวหูฟังและเคสมีน้ำหนักเบา ขนาดเล็กกะทัดรัด มีดีไซน์ที่สวยงามให้ความรู้สึกเรียบหรู ดูแพง ถือว่าเป็นหูฟังอีกหนึ่งรุ่นที่น่าสนใจไม่น้อย ณ เวลานี้เลยครับ
ข้อดี
- ตัวหูฟังมีดีไซน์ที่ให้ความรู้สึกเรียบหรู ดูแพง สมราคา
- เคสชาร์จมีขนาดที่ค่อนข้างเล็กและเบาพกพาง่าย ใส่กระเป๋ากางเกงได้
- รองรับการถอดรหัสสัญญาณเสียงระดับ Hi-Res ผ่านเข้ารหัสแบบ aptX Adaptive Dynamic
- มีฟีเจอร์ตัดเสียงรบกวนภายนอกอย่าง Active Noise-cancelling และ Transparency Mode ให้เราเลือกใช้งานได้
ข้อเสีย
- เคสและตัวหูฟังมีลักษณะมันเงา อาจเกิดร่องรอยในการใช้งานได้ง่าย
- ณ เวลาที่ทดสอบตัวหูฟังจะรองรับเฉพาะการตั้งค่าแบบละเอียดเฉพาะกับมือถือ Xiaomi เท่านั้น ยังไมมีแอปสำหรับมือถือทั่วไป
- การสั่งงานแบบบีบอาจใช้งานยากไปสักเล็กน้อย ต้องอาศัยความคุ้นชินในการใช้งาน
คะแนน
Xiaomi FlipBuds Pro
8.3
รายละเอียดข้อมูลการจัดจำหน่าย
● ราคา 5,699 บาท
● โปรโมชั่นพิเศษสำหรับผู้ที่ซื้อระหว่างวันที่ 8-10 สิงหาคม 2564 จำหน่ายราคาพิเศษเพียง 5,199 บาท