แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Topics - ซ่องเจ๊หวี

หน้า: [1] 2 3 4
1
รับ panasonic plasma 55VT60 65VT60

ใครไม่ได้แล้วต้องการขายติดต่อผมได้นะครับ

line id : sonspine

tel 0882681778

3


จากกระทู้ก่อนหน้านี้ผมได้ panasonic 65FX600T มาแล้ว
ผ่านไปอีกแค่ไม่กี่วันผมก็ไปคว้า SONY 55X9000F มาไว้อีกตัว
เพราะจะได้คลายข้อสงสัย เมื่อปีที่แล้วกับคำถามที่มักพบบ่อยว่า
Sony 55X9000E กับ Panasonic 58EX750T ตัวไหนดีกว่ากัน แม้sonyจะไม่ใช่รุ่นเดิมเป๊ะๆ
แต่ก็ได้รุ่นใหม่ที่ได้พัฒนาจากseriesเดิมมาเป็นตัวแทนในการฟาดกับpanasonic



ข้อมูล
Sony X9000F เป็นLED ปี 2018 ระดับรองของรองทอป พัฒนาต่อยอดมาจากรุ่น X9000E
คือพื้นฐานทุกอย่างใกล้เคียงกันหมด แต่สิ่งที่พัฒนาเพิ่มคือ X9000F ใช้ชิป X1 extreme ที่ดีกว่าชิป X1 ในรุ่น X9000E
ตามข้อมูลระบุว่าเป็นจอ 10 bit
เป็นจอประเภท VA ชนิดกึ่งด้านกึ่งมัน  จอผลิตโดย บริษัท AUO ใต้หวัน

Panasonic EX750T เป็น LED ปี 2017 ระดับรองของรองทอปเช่นกัน
พัฒนามาจากรุ่น DX750 ของปี 2016 โดยการเอารุ่นทอปของปี 2016 นั่นก็คือรุ่น DX900มาเป็นต้นแบบ
แล้วย่อส่วนลงลดต้นทุนในหลายๆส่วน ให้ได้คุณภาพใกล้เคียงกับ DX900 มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของชิปที่ใช้ชิปตัวทอป HCX2 ชิปเดียวกันกับ DX900 และชิปตัวเดียวกับ oled ตัวเทพอย่าง EZ1000
แม้จะเป็นชิปเดียวกันแต่ EX750 จะถูกตัดโหมดภาพ THX ,professional ออกไป เพื่อลดต้นทุนค่าลิขสิทธิ์ภาพTHX
ทำให้ขายได้ราคาถูกลง
(จริงโหมดTHXมันยังมีอยู่ในเครื่องนะ แต่ถูกซ่อนเอาไว้เคยมีสมาชิกท่านหนึ่งเครื่องรวนชั่วขณะปรากฏว่าโหมดภาพมาครบเหมือนรุ่นทอปเลย)
ตัวจอเป็นจอ MVA ฉาบด้วยfilterเคลือบเงา หรือที่เรียกกันว่าจอ glossy  ผลิตโดยบริษัท INNOLUX ใต้หวัน
ตามข้อมูลระบุว่าเป็นจอ 10bitแท้ อันนี้ผมเชื่อครับ เพราะตั้งแต่อดีต Panasonic เป็นเพียงยี่ห้อเดียวที่ระบุตามจริงมาตลอด
อย่างปี 2016 ก็ระบุว่ารุ่นเดียวที่เป็น 10 bit คือ ตัวทอป DX900 เท่านั้น
ส่วนรุ่นรองลงมาอย่าง DX800 DX750 เป็นจอ 8bit+FRC ในขณะที่ยี่ห้ออื่นรุ่นรองๆก็จะระบุว่าเป็นจอ 10bit กันหมด
ซึ่งDAKO เคยทดสอบ bit จอ หลายๆยี่ห้อหลายๆรุ่น พบว่ารุ่นรองทอปมักจะเป็น 8bit+FRC ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นยี่ห้อ Samsung LG sony



X9000Fวัสดุตัวเครื่องกรอบจอทำออกมาได้เรียบร้อยงานเนี๊ยบสมราคา
เพียงแต่ดีไซน์ในส่วนของขาตั้งจะดูแปลกตาไปจาก sony เดิมๆ
คือ ขาตั้งมันดันไปคล้ายกับพวกทีวีจีนแดงซะงั้น ความสวยงามและหรูหราอาจดูไม่ค่อยเท่าไหร่
แถมขาตั้งหากติดตั้งแบบปกติก็เปลืองพื้นที่ในการวางมาก
แนะนำว่าให้ต่อขาตั้งจอแบบหันขาตั้งเข้าหากันเพื่อความสะดวกในการจัดวาง
และยังจะเปลี่ยนแนวดีไซน์ขาตั้งให้ดูลักษณะคล้ายSONYในปี 2012-2013ด้วย


^
ประกอบขาตั้งให้เป็นแบบชิดจะดูเท่กว่าแบบปกติ

EX750T วัสดุต่างๆทำได้ดีเกินราคา กรอบจอขาตั้งอลูมิเนียมสีเงินดูแวววับหรูหราสวยงาม
และมีความแข็งแรงมากๆ น้ำหนักขาตั้งนี่หนักกว่าทีวีเสียอีก
แถมขาตั้งชนิดนี้ยังสามารถหมุนจอซ้ายขวาและขยับความสูงของจอได้ด้วย งานผลิตการออกแบบเทียบเท่าทีวีระดับรุ่นทอปเลยทีเดียว

X9000F รีโมทยังคงเป็นสไตล์sonyเดิมๆ คือ สี่เหลี่ยมทื่อๆ มันทื่อจนจับไม่ถนัดมือเลย
ปุ่มกดที่โผล่ออกมานิดเดียวทำให้หดยากยังไงก็ยากอย่างนั้น เพียงแต่รีโมทรุ่นใหม่ๆจะเพิ่มปุ่มการทำงานด้วยคำสั่งเสียง
และมีปุ่มลัด Netflix ให้ใช้งานได้สะดวกขึ้นเล็กน้อย
EX750T ก็เช่นกัน รีโมทยังคงเป็นสไตล์ Panasonic เดิมๆ แต่อย่างน้อยก็มีความโค้งมน
และปุ่มกดที่โผล่ออกมามากกว่า sony ทำให้กดง่ายกว่ามาก ฝาครอบที่ใส่ถ่านก็ทำออกมาสวยงามเปลี่ยนถ่านได้ง่ายกว่า
ถ้าพูดถึงความสะดวกในการกดและจับรีโมท Panasonic ดีกว่า แต่ถ้าเรื่องฟังชั่นรีโมท sony ดีกว่า

ระบบ smart TV X9000F ใช้ระบบ android TV 7.0 อย่างที่รู้ๆกันว่าลูกเล่นเยอะ แอปเยอะ ใช้งานได้หลากหลายกว่า
ระบบปฏิบัติการอื่นๆ แต่เรื่องของความเร็วก็ช้ากว่าระบบอื่นๆมากเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเครื่องที่ต้องบู๊ทเครื่องก่อนเป็นนาที
เสร็จแล้วก็ต้องรอต่สัญญาณอินเตอร์เน็ตอีกสักสองนาที  ใครที่ต้องการความรวดเร็วในการใช้งานอาจหงุดหงิดได้
ส่วน EX750T ใช้ระบบ my home screen ระบบไม่มีอะไรซับซ้อน ใช้งานง่าย คล่องแคล่วในระดับนึง
แต่แอปไม่มีอะไรโดดเด่น ก็มีพวก youtube Netflix และแอปพื้นฐานทั่วไป

ต่อไปจะพูดถึงหัวใจหลักของทีวีกันนั่นคือเรื่องของ “ภาพ”
มาดูที่บุคลิกแนวภาพกันก่อน X9000F ด้วยความที่เป็นจอกึ่งมันกึ่งด้าน ภาพจะออกแนวนุ่มๆนวลๆ
น้ำหนักสีกลางๆจะไม่เข้มข้นนัก อารมณ์ภาพจะไม่รุกเร้าสักเท่าไหร่
ด้วยความที่อารมณ์ภาพแนวนี้นี่แหละทำให้เราสามารถดูได้เรื่อยๆ ไม่รู้สึกเหนื่อย
แต่มันก็ “เรื่อยๆ” จนภาพบางอย่างมันก็ไม่สามารถดึงอารมณ์ของเราให้เข้าถึงภาพนั้นๆได้
เช่น ดูภาพวิว ภาพธรรมชาติ DEMO ต่างๆ มันก็ยังดูไม่สดชื่นอย่างที่ภาพต้องการจะสื่ออารมณ์ออกมาได้
หรือดูหนังโป๊ ก็ดูแล้วไม่หื่นเพราะมัน “เรื่อยๆ”จริงๆ จนบางทีก็แอบคิดว่า อารมณ์ภาพมันเรียบๆเดินสายกลาง
แบบนี้สงสัยคงเหมาะกับเปิดภาพแนวธรรมะแน่ๆเลย ๕๕๕๕๕๕๕๕
แต่ด้วยความเรียบๆของภาพนี่แหละทำให้เราดูภาพแล้วสามารถทำงานอย่างอื่นควบคู่ไปด้วยกันได้โดยไม่ต้องจดจ่ออยู่ที่ภาพอย่างเดียว

ส่วนแนวภาพของ EX750T ด้วยความที่เป็นจอ glossy ภาพจะออกแนว สด ใส ฉ่ำ กระจ่าง โอ่อ่า เปิดเผยกว่า
สีสันจะอิ่มเอิบ ดูมีมวลสาร มีน้ำหนักภาพที่ดีกว่า ภาพคม หนักแน่น และจะแจ้งกว่า อารมณ์ภาพจะสื่อออกมาในทาง
ดูแล้วให้อารมณ์”สดชื่น”  ดู”ว้าววววว” มากกว่าX9000F
ถ้าเปิดไฟล์ demo ดูภาพธรรมชาติสวยๆงาม จะเข้ากับแนวภาพได้ดีมากเพราะ
สื่ออารมณ์ไปในทางเดียวกัน ดูหนังโป๊ก็ให้อารมณ์หื่นที่ดีมาก ๕๕๕๕๕ แต่ถ้าดูหนังผีหรือดูหนังที่ต้องการความดุดัน
ผมมองว่ามันจะสื่ออารมณ์ผิดไป แทนที่เราจะกดดัน จดจ่อกับเหตุการณ์ในตัวหนัง กลายเป็นว่าเราไปจดจ่ออยู่ที่ “โห ภาพสวยจัง”
ด้วยแนวภาพที่นำอารมณ์เราไปค่อนข้างมาก เราจะทำอะไรพร้อมๆกับดูภาพไปด้วยก็เป็นการยาก
เพราะดูภาพทีเราก็จะโดนอารมณ์ภาพดึงดูดให้เราไปจดจ่อกับแนวภาพสดใส สดชื่น จนหยุดชะงักในสื่งที่เรากำลังทำอยู่ไป


X9000F ให้ภาพที่ contrast ดี แสดงมิติภาพได้ดี มิติภาพมีความสมดุลทั้งแนวลึกและลอย
*แต่....X9000F จะให้มิติและ contrast ที่ดีได้ ต้องทำการเปิด local dimming เป็น ระดับปานกลาง หรือ สูงเท่านั้นนะ
ถ้าปืด local diming ละก็ มิติภาพจะไม่โดดเด่น *


EX750T ให้contrast ที่ดีกว่าเล็กน้อย การแสดงมิติภาพจะโดดเด่นมาก สามารถแยกชั้นของวัตถุกับฉากหลังได้อย่างเด็ดขาด
แม้แต่ตัวหนังสือต่างๆที่ปรากฏบนหน้าจอ ก็จะแยกชั้นมิติจากฉากในภาพได้ชัดเจนมาก
ตัวหนังสือหรือsubtitleต่างๆที่ปรากฎบนจอจะลอยเด่นชัดจนสามารถอ่านได้ง่ายแม้จะเป็นความละเอียดต่ำก็ตาม
มิติแนวลึกของทั้งสองรุ่นทำได้พอๆกัน แต่มิติที่ลอย EX750T จะทำได้ดีกว่า

ต่อไปเป็นเรื่องของสี ผมจะอ้างอิงจากค่าโรงงานโดยไม่ปรับแต่งสีเพิ่มเนื่องจากผมไม่มีเครื่องมือวัดสี
ผมทำได้แค่การปรับภาพพื้นฐานพวกค่า gamma ความสว่าง sharpness ให้ตรงตามมาตรฐานเท่านั้น
X9000F จะให้สีค่าโรงงานที่ดีมากๆ ในโหมด cinema pro,custom ก่อนหน้านี้ผมเคยใช้ รุ่น X9000C มาก่อน
ซึ่งรุ่น X9000C มันให้สีที่ถูกต้องพอสมควรแล้ว แต่ปีนี้ X9000F ทำได้ดีกว่าเดิม  มันดีเป็นธรรมชาติมากๆ  
คือ แค่ปรับแสงเงา ความสว่างให้ได้มาตรฐานแล้วปิดตัวช่วยทุกอย่างที่ทำให้เกิดรายละเอียดภาพไม่พึงประสงค์ทิ้งไป
แค่นี้ก็จะได้สีภาพที่โคตรจะธรรมชาติเลย

EX750T ก็ทำได้ดีเช่นกัน แต่สีค่าโรงงานความถูกต้องยังเป็นรอง X9000F อยู่ก้าวนึง ตรงที่ EX750T จะติดอมเหลืองหน่อยๆ
(ดูด้วยตาไม่ได้ติดอมเหลืองมากแบบในภาพที่แปะนะ)
*หากทำการ calibrate อย่างละเอียด ผลออกมา EX750T จะให้ค่าสีที่แม่นยำกว่า(อ้างอิงจาก avforums)
เพราะ EX750T สามารถปรับสีได้ละเอียดถึงในส่วนของ color management ได้
แต่X9000F รวมถึงsony รุ่นอื่นๆ จะสามารถปรับได้แค่ white balance เท่านั้น
แต่ในการทดสอบของผมจะเป็นการวัดที่ค่าโรงงานในการใช้งานแบบชาวบ้านทั่วไป
ฉะนั้นในการทดสอบของผมนี้ X9000F จึงแสดงสีได้ถูกต้องแม่นยำกว่า




^
^
ค่าโรงงานที่ยังไม่ผ่านการจูนสี  X9000F สีจะถูกต้องกว่า EX750Tที่ติดอมเหลืองนิดๆ
แต่ถ้าดูด้วยตามันใกล้เคียงกันมาก EX750Tไม่ได้ดูเหลืองเยอะแบบในภาพ

ขอบเขตความกว้างของสี ตามที่เวปนอกวัดได้ X9000F = 88% DCI P3 ,EX750T = 94% DCI P3
ในการใช้งานปกติทั่วไปผมแทบไม่เห็นความแตกต่าง จะเห็นความต่างก็ตอนเปิดพวกไฟล์ DEMO ที่เปิดโชว์ตามร้านนี่แหละ
พวกสีแปร๊ดๆ ลึกๆ EX750T จะไปได้สุดกว่านิดนึง(นิดจริงๆ)ซึ่งมันแทบไม่มีผลต่อการใช้จริงเลย

ต่อไปมาดูเรื่องที่สำคัญมากๆอีกเรื่องของทีวีนั่นคือ ระดับสีดำ
อย่างที่ผมบอกไปก่อนหน้านี้ว่า X9000F ยังไงก็ต้องเปิด local diming ในระดับกลางขึ้นไปมันจะทำให้สีดำดูดีกว่าเดิมมาก
แต่ด้วยความที่เป็นจอกึ่งมันต่อให้เปิดlocal diming ในห้องสว่างก็ยังจะมีอาการแสงฟุ้งให้เห็นอยู่
สีดำของ X9000F จะมีลักษณะดำแบบมันๆ
ต่างกับ EX750T ที่เป็นจอ glossy การใช้งานในห้องสว่างปกติ ไม่จำเป็นต้องเปิด local dimming เลย
เพราะจอชนิดนี้มันคุมอาการแสงฟุ้งได้ดีมากๆอยู่แล้ว การใช้งานในห้องสว่างปกติ จะให้สีดำที่ดำลึก
และลักษณะสีดำจะออกแนวดำใส
หากดูหนังที่มีแถบดำบนล่าง EX750T จะให้แถบดำบนล่างที่ดำสงัดกว่าX9000F ที่ยังมีแสงฟุ้งๆบ้าง
ระดับสีดำในห้องสว่างปกติ EX750T จึงทำได้ดีกว่าชัดเจน

ส่วนการใช้งานในห้องมืด แน่นอนว่าทั้งสองเป็นจอ LED    จะให้ดำสนิท 100% แบบ oled ก็คงเป็นไปไม่ได้
มันก็ต้องมีสีเทาเรืองๆบ้าง
ถ้าปิด local dimming ทั้งคู่ ระดับสีดำของ X9000F ดำลึกสู้ EX750T ไม่ได้เลยครับ
X9000F จะดูดีเมื่อเปิด local dimming ระดับปานกลางหรือเต็มที่
ส่วน EX750T จะดูดีสุดเมื่อเปิด local dimming ปานกลาง เพราะถ้าเปิดระดับสูงสุดจะมีอาการวูบวาบมาก และภาพจะดูทึมสลัวๆเกินไป
การทำ local dimming ของทั้งสองรุ่นจะแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
X9000F วางหลอดไฟแบบเหลังจอ ที่เรียกกันว่า full LED
คนส่วนมากมักเข้าใจว่ามันให้ความดำที่ดีกว่าEX750T ที่วางหลอดไฟแบบตามขอบจอที่เรียกกันว่า edge LED
แต่ผลที่ได้คือ มันจะดีคนละแบบครับ
X9000F จะทำได้ดีในฉากมืดทั่วๆไปที่มีจุดสว่างบ้างมืดบ้าง แม้จะทำได้ไม่หมดจด แต่มันก็ดูดีกว่าการปิด local diming
แต่หากเจอฉากที่พื้นหลังเป็นสีดำ แล้วมีวัตถุลอยเด่นอยู่กลางจอเลยแบบนี้ X9000F จะมีอาการที่เรียกว่า blooming
คือจะมีแสงฟุ้งเรืองๆรอบวัตถุที่ปรากฏ เหมือนเราเอาไฟฉายส่องของในที่มืดสนิทนั่นแหละ ดูแล้วจะแสบตาด้วย
แต่ก็จะสามารถแสดงรายละเอียดภาพในส่วนที่มืดๆได้ดีกว่า EX750T
EX750T ฉากทั่วไปบางฉากก็ทำได้ดีแย่กว่าบางฉากก็ทำได้ดีกว่า การทำ local dimming ของรุ่นนี้
ทำสีดำได้เนียนมากแทบไม่มีอาการฟุ้ง แต่ก็มีข้อเสียคือ ภาพจะดูdimลง จนบางฉากก็ดูสลัวๆมากเกินไป
ในฉากที่พื้นหลังเป็นสีดำแล้วมีวัตถุอยู่ ฉากแนวนี้ EX750T จะได้เปรียบกว่าชัดเจน
เพราะไม่มีอาการ bloommimg จึงทำให้ภาพวัตถุดูลอยกว่า แต่ภาพก็จะดุสลัวลงกว่าเดิมมาก
ยิ่งพวก ตัวหนังสือ subtitle หรือ end credit นี่ยิ่งเข้าทางเลย แต่อย่างไรก็ตาม EX750T จะเห็นแสงรั่วตามขอบจอได้ง่ายกว่าเช่นกัน


^
เมื่อ "ปิด" local dimming ในห้องมืด ทั้งสองตัวจะให้สีดำที่ไม่สนิท แต่ EX750T ก็ยังคงให้สีดำที่สงัดกว่า


^
เมื่อ "เปิด" local dimming ฉากประมาณนี้ EX750T ก็ยังทำได้ดีกว่าเช่นกัน เพราะสีดำดำสงัดกว่า และแสงในภาพไม่มีอาการฟุ้ง
X9000F ตรงส่วนที่ไม่มีวัตถุในภาพสีดำจะสงัด แต่ตรงที่มีวัตถุจะมีอาการ blooming คือมีแสงสว่างตามขอบวัตถุ และมีอาการแสงฟุ้ง


^
เปิดไฟล์ที่นิยมใช้เทส local dimming ผลก็ออกมาเหมือนเดิม


^
ฉาก end credit ของหนังก็เช่นกัน ที่จะเข้าทาง local dimming ของEX750T มากกว่า


^
แต่ฉากมืดๆทั่วๆไปส่วนมากX9000F ทำได้ดีกว่า EX750T นะ รายละเอียดภาพที่ที่มืดแสดงออกมาได้ดีกว่าด้วย


^
 ในห้องสว่างปกติการคุมสีดำของ EX750T ก็ทำได้ดีกว่า


การอัพสเกล ทำได้ดีเยี่ยมทั้งคู่ การดูไฟล์ความละเอียดfull HD ภาพดูเนียนและคม บางไฟล์ดูก็แทบจะไม่รู้เลยว่าไม่ใช่4K
ผมทดสอบอยู่นานดูแล้วไม่สามารถตัดสินได้ว่าตัวไหนอัพสเกลได้ดีกว่ากันเพราะมันใกล้เคียงกันมากๆ
 ภาพเคลื่อนไหวถ้าดูผิวเผินจะไม่ค่อยเห็นความแตกต่าง แต่ถ้าดูภาพเคลื่อนไหวในหลายๆ รูปแบบโดยเฉพาะกีฬา
จะเห็นว่า4kภาพเคลื่อนไหวของX9000F จะมีอาการเงาลากตามวัตถุ(ghost)น้อยมาก และมีอาการสั่นของภาพที่น้อย
ส่วนทาง EX750T จะเห็นghost มากกว่า และมีอาการสั่นของวัตถุมากกว่าด้วย นานๆ
โดยรวมแล้วภาพเคลื่อนไหวของ X9000F จะดีกว่าก้าวนึง

ต่อไปในส่วนของระบบHDR
X9000F จะรองรับทั้ง HDR10 และ dolby vision ส่วน EX750T จะรองรับแค่ HDR10 อย่างเดียว
จากการทดสอบพบว่าความสว่างโชติช่วงของ HDR X9000F ทำได้ดีกว่าชัดเจน
พวกแสงไฟ ดวงอาทิตย์ ดวงไฟต่างๆ  ยิ่งดวงเล็กๆ จะยิ่งทำความสว่างได้ดีกว่า EX750T อยู่หลายระดับ
(peak brightness X9000F = 900NITS, EX750T = 500 NITS)
ส่วน X9000F เมื่อใช้งาน dolby vision ภาพทั่วๆไปก็ไม่ได้ดีกว่า EX750T ที่เปิด HDR10
แต่จะดีกว่าก็ในส่วนของ peak brightness เช่นกัน
*ที่dolby vision แสดงความแตกต่างจาก HDR10 ได้น้อย อาจเป็นเพราะทีวียังคงเป็นแค่ LED
ถ้าเป็น oled คงจะแสดงประสิทธิภาพความแตกต่างได้มากกว่านี้
** X9000F รวมถึง sony android TV 2018 ที่ใช้ชิป X1 extreme การดู youtube
ผ่าน wireless บ้าน จะติดบัค ไม่สามารถแสดงภาพ HDR ได้ ต้องรอ firmware มาแก้ต่อไป


^
EX750T รองรับแค่ HDR10 ในขณะที่ X9000F รองรับทั้ง HDR10 และ dolby vision
ถ้าเปิดฉากสลัวๆแบบนี้ dolby vision ของ X9000F จะได้เปรียบทั้งรายละเอียดและมิติภาพไปก้าวนึง




^
ความสว่างของHDR จากพวกดวงอาทิตย์ แสงไฟ ต่างๆในฉาก แบบนี้ X9000F จะทำได้โชติช่วง เจิดจ้ากว่าชัดเจน

มุมมองการรับชมด้านข้างจอ
ทั้งคู่เป็นจอในประเภท VA จึงมุมมองด้านข้างที่แคบมาก
X9000F มุมมองแคบในระดับปกติ ยังพอขยับได้สัก 30 องศา สีจึงจะเริ่มเพี้ยน
EX750T มุมมองจะแคบกว่านิดหน่อย คือ ต้องนั่งกลางจอเท่านั้นจึงจะได้สีและมิติที่ดีที่สุด
การขยับจากกลางจอเพียงแค่คืบเดียวก็ทำให้ภาพdropลงได้


การกันแสงสะท้อนของหน้าจอ ทั้งสองตัวถือว่ากันสะท้อนได้ดีมากๆ
การกันสะท้อนทำได้ดีคนละแบบ X9000F เท่าที่เจอมาผมว่ามันเป็นจอกึ่งมันที่กันสะท้อนได้ดีที่สุดตัวหนึ่ง
มันจะกันสะท้อนจากวัตถุทั่วไปพวกคน สัตว์สิ่งของได้ดีมากๆ
แต่การกันแสงสะท้อนจากหลอดไฟยังเป็นรอง
คือ ถ้าแสงจากหลอดไฟสะท้อนที่หน้าจอจะมีรัศมีแสงออกเป็นวงที่กว้างกว่าปกติเล็กน้อยและแสงจะดูฟุ้งกว่า
EX750T จะสะท้อนวัตถุทั่วไปแบบกระจก คือเห็นวัตถุเห็นหน้าตัวเองชัดกว่าพวกจอกึ่งมัน
แต่การกันแสงสะท้อนจากหลอดไฟจะทำได้ดีกว่า รัศมีแสงสจากหลอดไฟจะไม่เป็นวงกว้างและมีอาการฟุ้งน้อย

เสียงลำโพง
ปกติผมจะเกลียดเสียงจากลำโพงทีวี sonyมาก เพราะส่วนใหญ่sonyมักทำลำโพงทีวีได้สากๆแห้งๆ ไม่ลื่นหู
แม้แต่รุ่น X9000C ที่ผมว่าเสียงดีรายละเอียดดีแต่พอฟังนานๆกลับน่ารำคานซะงั้น
พอผมได้ฟังเสียงลำโพงของ X9000F ผมกลับชอบมันมาก
 มันเป็นทีวีที่ให้เสียงดีรุ่นนึง สมดุลเสียงทุ้มกลางแหลม total balance ดี
เนื้อเสียงเนียน และมีความเข้มข้นที่พอเหมาะใช้งานทั่วไป ฟังเพลงyoutube เพลินๆเลยครับ
EX750T เสียงจะไม่โดดเด่นนัก  แต่ก็มีความโปร่งพลิ้วในเนื้อเสียงที่เป็นเอกลักษณ์
เสียงอาจจะติดบางนิดหน่อย แต่ก็ถือว่าให้คุณภาพเสียงที่น่าพอใจ

....................


สรุป
ทีวีทั้งสองรุ่นถือว่าเป็น LED ที่ให้ภาพได้ดีมากๆ
การเปรียบเทียบภาพในแต่ละหัวข้อทั้งสองตัวทำได้ดีด้อยต่างกันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ไม่ได้ต่างกันมาก จึงเป็นการทดสอบที่ทำเอาผมเหนื่อยมากเพราะบางหัวข้อ
ก็ต้องพินิจพิเคราะห์เทียบกันอย่างละเอียดกว่าจะเห็นว่าตัวไหนดีด้อยต่างกันยังไง
.
.
.
.
จะบอกว่า X9000F
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
ให้ภาพที่..........
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
ดีกว่า EX750T
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
ในบางจุด
.
.
.
ไม่ว่าจะเป็น  สีค่าเดิมที่ตั้งมาจากโรงงานที่ทำได้ถูกต้องเป็นธรรมชาติกว่า รายละเอียดภาพในฉากมืดๆดีกว่า
ภาพเคลื่อนไหวดีกว่า ความสว่างสูงสุดสูงกว่า HDRสว่างกว่า
.
.
.
.
.
.
.
.
แต่......
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
ในส่วนที่ X9000F ทำได้ดีกว่านั้นมันก็ไม่ได้ดีกว่าอย่างชัดเจนนักและมันเป็นเพียงส่วนหนึ่งขององค์ประกอบภาพเท่านั้น
ซึ่งหัวใจหลักๆของภาพ ไม่ว่าจะเป็น มิติภาพ มวลภาพ แสงและเงา ฯ EX750T ทำได้ดีกว่าก้าวนึง
มันส่งผลต่อการรับชมภาพในทุกๆรูปแบบ
ที่ทำให้เราสัมผัสได้ไม่ยากว่า “ EX750T ให้คุณภาพของภาพรวมที่ดีกว่า”อยู่หนึ่งก้าว
นอกจากผมแล้วก็ยังมีผู้ร่วมตัดสินอีกสามคน ก็เห็นไปในทางเดียวกันว่า “EX750T ให้ภาพที่ดีกว่า”
โดยผู้ร่วมตัดสินอีกสามคนนั้น ไม่ท้วงติงในหลายๆหัวข้อที่ X9000F ทำได้ดีกว่าเลย
ไม่ว่าจะเป็น ภาพเคลื่อนไหวที่ผู้ร่วมตัดสินแยกไม่ออกว่าต่างกันตรงไหน ๕๕๕๕๕
รวมถึงในเรื่องความถูกต้องของสีที่ X9000F ทำได้ถูกต้องกว่า
แต่ ไม่มีใครท้วงเลยว่า EX750T สีด้อยกว่าเพราะมันติด อมเหลือง
มีแต่จะชมว่าคุณภาพเม็ดสีของ EX750T ดีกว่า เพราะสีดูเต็มมวล เข้มข้น มีน้ำหนัก มีมิติกว่า
รวมถึงการสื่ออารมณ์ภาพที่ทำได้ดีกว่าด้วย

หากจะเปรียบเปรย เมื่อเปิดภาพไฟล์เดียวกัน
EX750T ภาพจะดูเหมือนไฟล์ full rip ที่เต็ม bitrate เนื้อสีเข้มข้น หนักแน่น ดูสมจริงกว่า
X9000F ภาพจะเหมือนดูไฟล์ MKV ที่บีบอัดลดทอนbitrate จากต้นฉบับเล็กน้อย


สิ่งที่ส่งผลให้ภาพของ EX750T ดีกว่า X9000F นั่นก็คือ ตัวจอpanel  นี่แหละครับ
X9000F ยังเป็นแค่จอกึ่งมัน ถือเป็นจอที่ระดับต่ำกว่า จอ glossy ที่เคลือบฟิล์มดำเงาของ EX750T
ถ้าจะให้ระดับเท่าเทียมกับจอ MVA glossy ตัวนี้
ก็ต้องเป็นจอVA ที่มีfilter กระจก opticontrast ของsony ในรุ่น X9300D X9300E
ที่จะให้ภาพคม อิ่ม เนียน ใส สะอาด ขึ้นอีกระดับ
แต่ก็อย่างที่รู้ๆกันครับ ว่า SONY ในราคาเท่าๆกันมักได้อะไรที่น้อยกว่าชาวบ้าน

ถ้าเทียบเฉพาะภาพ แน่นอนว่า EX750T ดีกว่า
แต่ถ้าเทียบรวมทุกอย่างล่ะ
คำตอบ ก็ยังคงเหมือนเดิมครับ EX750T โดยรวมคุ้มกว่า ๕๕๕๕๕๕๕๕๕
เพราะหน้าจอใหญ่กว่า ๓ นิ้วแถมยังเป็นทีวีรุ่นสุดท้ายในโลกที่รองรับ 3D ด้วย ซึ่งเป็นของแถมที่มีคุณค่ายิ่งนัก
ถ้าใช้งานฟังชั่นทั่วไปแค่ดู youtube Netflix EX750T จะทำได้คล่องกว่าเหมาะสมกว่า
แต่ถ้าต้องการลูกเล่นหลายหลาย และใช้งานแอปมากมาย X9000F ก็ตอบโจทย์ได้ดีกว่า
ในส่วนนี้ EX750T ก็เหมาะสมกับการใช้งานของสมาชิกในบ้านมากกว่าด้วย
เพียงแต่ EX750T มันไม่มีขายแล้วไง ตัวโชว์ก็ขายกันหมดสต๊อคแล้ว จะมีก็คงต้องรอสอยมือสองต่อกันเท่านั้น

ประมวลผล
.....................................55X9000F........58EX750T
แสงและเงา..............................B...................A
มวลภาพ.................................C+..................A
มิติภาพ...................................B...................B+
ความแม่นยำของสี(ค่าโรงงาน).....A..................B
ความสว่าง...............................B+..................B
ระดับสีดำ................................A....................B
รายละเอียดในที่มืด....................A...................C+
Local dimming.........................A..................B
การอัพสเกล.............................A...................A
ภาพเคลื่อนไหว.........................B+..................B
คุณภาพภาพในห้องสว่าง..............A...................A+
คุณภาพภาพในห้องมืด.................A..................B
HDR peak brightness.................A.................B
มุมมองด้านข้าง.........................D+..................D
เสียงลำโพง...............................B...................C
หน้าจอกันสะท้อน.......................B.................B+
วัสดุโครงสร้างดีไซน์...................B....................A
Smart TV................................B....................C
3D.......................................ไม่มี...................A

การทดสอบครั้งนี้ก็ได้จบลงแล้ว
ซึ่งมันก็ได้คลายข้อสงสัยกับคำถามปีที่แล้วด้วยที่ว่า "X9000E กับ EX750T ตัวไหนภาพดีกว่ากัน"
ก็ขนาดรุ่นพัฒนาอย่าง X9000F ยังพ่ายให้ EX750T อยู่ก้าวนึงในเรื่องภาพ
ยิ่งถ้าเป็น X9000E รุ่นที่เป็นชิป X1ปกติ ก็คงจะพ่ายมากกว่านี้ในบางหัวข้ออย่างไม่ต้องสงสัย

X9000F ตัวนี้จะถูกเอาไปไว้ในอักห้องที่มีผมใช้งานคนเดียว
ส่วนชั้นวางทีวีกลางบ้านยังคงใช้ EX750T ต่อไป จนกว่าจะมีทีวีตัวใหม่ที่ถูกใจสมาชิกในบ้านมากกว่า มาแทนที่...

....to be continue....

4
Panasonic 65FX600T
รุ่นนี้ผมเล็งที่จะซื้อมานานแล้ว เนื่องจากเป็นทีวี4K HDR ระดับเริ่มต้นเพียงรุ่นเดียวและไซส์เดียว
ที่ใช้จอ MVA เคลือบ glossy (FX600 ไซส์อื่นๆจะเป็นจอ IPS นะจ๊ะ)
ซึงจอชนิดนี้มักจะอยู่ในรุ่นสูงๆของLED ในอดีต ที่เห็นบ่อยๆก็ Samsung รุ่นบนๆ
ที่เรียกว่าจอ ultra clear panel นั่นแหละ
ตัวจอเป็นจอชนิด MVA 8bit+FRC 2bit ผลิตโดยบริษัท innolux ใต้หวัน


ห้องนอน รกๆ


ดีไซน์แม่งไม่ต่างอะไรจาก 65EX600T ปีที่แล้วเลย ดูเผินๆเหมือนแค่เปลี่ยนสีกรอบจอจากสีดำเป็นสีเทาแค่นั้น
ซึ่งผมมองว่าดูแย่กว่า EX600T เสียอีก เพราะสีดำเดิมๆยังดูมีความหรูหราอยู่บ้าง แต่พอเป็นสีเทาแล้วมันดูเชยๆ
ออกแนวคุณลุงคุณลุงยังไงไม่รู้ แต่ก็ยังดีที่สามารถเปลี่ยนระยะการใส่ขาตั้งได้ว่าจะใส่แบบกว้างหรือแบบชิด
สำหรับคนที่ชั้นวางเล็กก็จะสะดวกขึ้นไม่ต้องหาชั้นวางใหญ่มาเปลี่ยน รีโมทก็รูปแบบตามpanasonicเดิมๆไม่เปลี่ยน
วัสดุตัวเครื่องก็สมราคาไม่ได้แย่แต่ก็ไม่มีอะไรโดดเด่น

smart TV

ใช้ระบบปฏิบัติการณ์ my home screen เวอชั่นใหม่ที่พัฒนาจากปีที่แล้ว
ซึงเท่าที่ใช้มาก็แทบไม่มีอะไรแตกต่างจากเดิมเลย อาจจะมีการทำงานของแอปบางตัวที่ทำได้ดีขึ้น
ที่เห็นชัดเจนก็แอป youtube ที่เข้าแอปได้ไวขึ้นกว่าปีที่แล้ว
แถม youtube สามารถแสดงหน้าปกคลิปเป็นภาพเคลื่อนไหวได้ด้วยในขณะที่ปีก่อนๆจะเป็นแค่ภาพนิ่งปกติ
และอีกจุดหนึ่งที่ผมขอแสดงความยินดีกับคนใช้แอป youtube ผ่านทีวี Panasonic ทุกคน นั่นก็คือ
Youtube ของทีวีปี 2018 แก้บัคคลิปแนวตั้งเป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ (ปีก่อนๆถ้าเปิดคลิปแนวตั้งสัดส่วนจะเพี้ยนมาก)
บัคนี้เป็นปัญหามาตั้งแต่ปี 2013-2017 บัดนี้ได้รับการแก้ไขแล้วซึ่งก็ใช้เวลานานกว่าครึ่งทศวรรษ ๕๕๕๕๕
Smart TV ก็ถือว่าไม่มีอะไรโดดเด่น ใช้งานได้ทั่วไป แต่หากเอาไปเทียบกับของ LG Samsung ล่ะก็ Panasonic
จะเป็นอะไรที่ห่วยไปในทันที นอกจากลูกเล่นน้อยแล้ว การตอบสนองก็ทำได้หน่วงช้ากว่าด้วย
LG samsung เวลากดพิมพ์อักษรปุ๊บก็มาปั๊บในทันทีแต่ Panasonic กดแล้วมันจะหน่วงๆประมาณครึ่งวินาที
เวลาพิมพ์หรือเลือกอะไรเร็วๆมักไม่ได้ดั่งใจ ปวดตับ



ภาพ
ด้วยความที่เป็นจอglossy ทำให้ภาพมีลักษณะ ดำเงา สีสันต่างๆจึงมีความอิ่ม ฉ่ำ แวววาวกว่าทีวีในระดับเดียวตัวอื่นๆที่เป็นจอจอกึ่งด้าน
หากเปิดภาพที่พื้นหลังเป็นสีดำแล้วมีวัตถุหรือสีอยู่บนจอ สีที่ตัดกับสีดำนั้นจะลอยเด่นขึ้นชัดเจนกว่าจอกึ่งด้านทั่วไปอย่างเห็นได้ชัด
มันจึงสามารถแสดงมิติภาพได้ดี แยกมิติหน้าชัดหลังเบลอได้ดีกว่าจอกึ่งด้านทั่วไป มวลภาพถือว่าทำได้ดีมากๆ
ภาพดูมีเนื้อหนังมีมวลหนา มีน้ำหนัก มีความอวบหนาของเม็ดสีทีมากกว่าทีวีระดับเดียวกัน
โหมดภาพสำเร็จรูปที่ให้มาโหมด true cinema จะให้ภาพที่สีสันถูกต้องที่สุด โดยค่าsharpness ที่ถูกต้องคือ 0
ส่วน gamma ค่าโรงงานจะอยู่ที่ 2.4 เช่นเดียวกับทีวี Panasonic ตัวอื่นๆ
แต่สำหรับรุ่นนี้ผมปรับ gamma ให้เป็น 2.2 เพื่อให้ภาพดูเปิดเผยขึ้น รายละเอียดในที่มืดดีขึ้นกว่าเดิม โดยที่ภาพไม่มีอาการฟุ้ง
แม้ว่าเม็ดสีจะดูดีมีคุณภาพ มีความฉ่ำวาว แต่หากพิจรณาในเรื่องความถูกต้องของสีแล้วก็พบว่าถูกต้องในระดับกลางๆเท่านั้น
ผมเทียบกับทีวีอีกตัวที่ผมใช้ นั่นคือ  Samsung 55mu6100 เจ้า mu6100 สีสันยังดูถูกต้องเที่ยงตรงกว่าเล็กน้อย
คือ 65FX600T สีจะเพี้ยนๆในบางเฉดสี เช่นสีแดงบางเฉดบางคลิปมันจะดูออกส้มๆ โทนสีของภาพที่มืดๆ จะออกโทนน้ำเงิน
สีเขียวก็จะเขียวสดซะส่วนใหญ่ไม่ค่อยแสดงสีเขียวแก่ให้เห็นเท่าใดนัก เป็นต้น
ซึ่งถ้าต้องการให้ได้ภาพที่สีเที่ยงตรงขึ้นก็สามารถปรับได้ใน “การตั้งค่าขั้นสูง”
ซึ่งรุ่นนี้สามารถปรับภาพได้อย่างละเอียดเทียบเท่ารุ่นสูงๆเลย แต่จำเป็นต้องมีอุปกรณ์ในการปรับภาพ
หรือจ้างช่างที่มีปุกรณ์และโปรแกรมเฉพาะมาปรับเท่านั้นนะ
ความสว่างถือว่าอยูในระดับปกติเทียบเท่า Samsung MU6100 (ประมาณ 270 nits)
ภาพจาก HDR จึงไม่ได้เจิดจรัส จัดจ้านแบบรุ่นที่ nitsสูงๆ
แต่หากเทียบกับรุ่นในระดับเดียวกันแล้ว HDR ของ 65FX600T แม้จะไม่ได้สว่าวกว่า
แต่ก็ทำHDRได้ดีกว่าเพราะจอ glossy ที่สามารถคุมแสงและเงาภาพได้ดีกว่า ภาพจึงสงัดกว่า
แสงไม่ฟุ้งแบบ HDR ของทีวีรุ่นเริ่มต้นตัวอื่นๆ
แม้ว่าFX600รุ่นนี้จะอัพเกรดเพิ่มเติมจาก EX600 ตรงที่สามารถรองรับ HDR10+ ได้
แต่มันไม่มีไฟล์ให้ดู ฉะนั้น HDR10+ ที่เพิ่มขึ้นมานี้จึงไม่ได้ถือว่าเป็นข้อดีอะไร

*มีบางคนเข้าใจผิดว่าระบบ HDR10+ ที่มากับทีวี samsung panasonic ปี 2018 ทำให้เมื่อเปิดภาพจาก HDR10ปกติ ภาพจะดีกว่าเดิม
อันนี้เป็นข้อมูลที่ไม่ถูกต้องนะครับ HDR10 ก็ส่วนHDR10 HDR10+ ก็ส่วน HDR10+ มันคนละอย่างกันครับ*



ภาพ 4K HDR จาก playstation 4 pro เกม god of war


ภาพ 4K youtube sony demo สีฉ่ำ เขียวขจีสวยงาม

ในระดับสีดำถือว่าทำได้ดีตามสไตล์จอ glossy (ตามข้อมูลพบว่า 65FX600T วางหลอดแบบ direct LED)
สีดำดีทั้งภาพตอนเปิดไฟและตอนปิดไฟในห้อง เปิดไฟในห้องก็จะดำเงาๆเนียนๆ สีดำมีน้ำหนัก
การรับชมภาพในห้องที่มืดสนิท ภาพจะด้อยลงกว่าการใช้งานในห้องที่มีแสดงไฟทั่วไป ซึ่งเป็นเรื่องปกติของLED
ที่จะให้ภาพดีที่สุดก็ต่อเมื่อเปิดในห้องที่มีแสงไฟ ระดับสีดำในห้องมืดสนิททำได้ดีกว่า Samsung 55MU6100
อย่างชัดเจน แม้ในฉากโหดๆที่ภาพสลัวๆ ที่มีรายละเอียดภาพบางเบา 65FX600 ก็สามารถแสดงรายละเอียดภาพในส่วนที่มืดๆได้ดี
โดยที่ภาพยังคงดูมีมิติ มีมวลสารอยู่
แต่ถ้าเป็น Samsung MU6100 ภาพจะดูโหรงเหรงมิติแบน เห็นแสงรั่ว รายละเอียดในที่มืดก็ทำได้ไม่ค่อยดี(ดำจม)
ครั้นเพิ่มbacklightเพื่อผลักรายละเอียดภาพในส่วนที่มืดให้ออกมาดีขึ้นก็ทำได้ แต่ก็จะเสียระดับความดำแถมภาพแสงฟุ้งและสูญเสียมิติยิ่งกว่าเดิม
 ในขณะที่ 65FX600T แม้เร่ง backlight ให้สูงขึ้นภาพก็ดูไม่ฟุ้ง และยังคงให้ระดับสีดำได้ดีอยู่
65FX600T สามารถเพิ่มระดับความดำให้ดำสงัดกว่าเดิมได้เพราะมี local dimming ซึ่งอยูในคำสั่งชื่อ
“ควบคุมไฟพื้นหลังแบบแปรผัน” สามารถปรับได้๓ระดับ หากอยากให้สีดำดำขึ้นแนะนำให้เปิดเล็กน้อยถึงปานกลาง
(แต่ส่วนตัวผมไม่ใช้ local dimmig ครับ ไม่ว่าทีวีรุ่นไหนก็ตามเพราะในบางฉากมันจะทำให้แสงและเงาของภาพเพี้ยนไป)





ประสิทธิภาพการอัพสเกลเมื่อเปิดภาพความละเอียดต่ำกว่า 4K หากเป็นไฟล์ 1080p ภาพจะออกมาดูดีใช้ได้เลยทีเดียว
ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับคุณภาพไฟล์ด้วยถ้าไฟล์ดีๆ 1080p ภาพก็สวยมาก ฟรีทีวีHD ภาพสวยเนียนมาก
(ดู workpoint HD ย้อนหลังใน youtube ภาพโคตรสวยเลย)
เมื่อเปิดไฟล์ความละเอียดเล็กลงอย่าง 720p ภาพจะเริ่มเป็นหยักๆสูญเสียความคมและรายละเอียด
แต่ก็ยังถือว่าดูได้ถ้าไม่คิดอะไรมาก แต่ถ้าเป็น 480p ภาพจะเน่าๆครับ๕๕๕  
การดูภาพความละเอียด 4K ภาพดีแต่ไม่สุดครับก็เพราะมันเป็นทีวีระดับกลางไง ๕๕๕๕๕
4K HDR ยังไงมันก็ทำได้ไม่ดีเท่าตัวรุ่นเทพที่ nits สูงๆ ขอบเขตสี(color gamut)
มันก็อยู่ในระดับปกติไม่ได้กว้างเหมือนทีวีรุ่นสูงๆที่มีเทคโนโลยี quantum dot

ภาพเคลื่อนไหวแม้จะเป็นจอไซส์ใหญ่ 65” แต่ภาพเคลื่อนไหวกลับดูปกติราบรื่น ไม่รู้สึกว่าภาพสั่นสักเท่าไหร่
คือสามารถดูได้โดยไม่ต้องเปิดระบบแทรกเฟรมภาพช่วยเลย ดูได้เรื่อยๆหลายชั่วโมงก็ไม่เวียนหัว
*(ผมว่าภาพเคลื่อนไหว65FX600T ดีกว่า OLED LG EG920Tรุ่นปี 2015 อีกนะ
OLED ตัวนั้นผมดูได้ครึ่งชั่วโมงก็เวียนหัวอยากอ๊วกแล้ว เพราะภาพเคลื่อนไหวมันสั่นมากๆ)*
การอัพสเกลกับภาพเคลื่อนไหวเทียบกับ MU6100 ผมว่าทำได้ดีเท่าเทียมกันไม่เห็นความแตกต่าง

ด้วยความที่ใช้จอ MVA แม้จะมีข้อดีหลายๆอย่างที่ดีกว่าจอ VA และ IPS
แต่ก็มีข้อด้อยจุดหนึ่งที่ด้อยมากๆนั่นคือเรื่องของมุมมองนี่แหละ
คือ มองเยื้ององศาเพียงแค่คืบเดียวคุณก็จะเห็นว่าอีกฟากของจอสีเริ่มซีดลงแล้ว(มุมมองแคบกว่าจอ VA ของ MU6100 อีกนะ)
ฉะนั้นถ้าจะให้ได้ภาพที่ดีที่สุดคุณต้องนั่งให้สายตาอยู่กลางจอพอดี และต้องไม่สูงหรือต่ำเกินไปด้วย

เสียงลำโพง เป็นเรื่องที่ผิดคาดที่ผมคิดว่าเสียงลำโพงตัวนี้จะกาก แต่พอใช้งานจริงมันให้เสียงที่ดีใช้ได้เลย
เสียงมีรายละเอียด มีเนื้อหนัง ทุ้ม กลาง แหลม สมดุล ( total balance ดี) ฟังเพลงช้าๆไพเราะดีแฮะ
จุดที่ผมชอบมากๆคือ อารมณ์เสียง  แม้มันจะไม่ใช่เสียงลำโพงทีวีที่ดีที่สุดแต่มันเป็นลำโพงทีวีที่ให้อารมณ์เสียงเป็นกลางมากๆๆๆๆๆ
ทีวีบางรุ่นบางตัวเสียงคมกว่าก็จริงแต่ฟังสักพักจะรำคานหูเพราะมันชัดไป ทีวีบางตัวเบสดี แต่มันกระแทกกระทั้นไปฟังสักพักก็เหนื่อย
แต่ทีวีตัวนี้ฟังได้เรื่อยๆไม่เครียดเลย


หากเทียบกับ Samsung MU6100 ก็บอกได้เลยว่าpanasonic 65fx600t
จะด้อยกว่าก็แค่สองจุดคือ สีโหมดสำเร็จรูปค่าโรงงานที่ mu6100 ทำได้ถูกต้องกว่า และระบบsmart TV ที่ดีกว่า
แต่ในด้านภาพ 65FX600T ให้ภาพที่ดีกว่าเป็นเท่าตัว ดีกว่าเกือบทุกด้านโดยเฉพาะมิติภาพและcontrastที่เหนือชั้นกว่ามากมาย




ในห้องที่มีแสงสว่างปกติภาพจาก 65FX600T สีจะมีความมันวาวกว่า MU6100 ระดับนึง




ในห้องมืดและเล่นหนังฉากมืดๆ 65FX600T ภาพดีกว่าเยอะ(มาก)

ถ้าเทียบกับ Panasonic 58EX750T รุ่นเทพยอดฮิตประจำปี 2017 ซึงเป็นรุ่นสูงกว่า FX600
แน่นอนว่า EX750T ภาพเหนือกว่าเกือบทุกด้านรวมๆแล้วภาพดีกว่าประมาณ 30%
แม้จะเป็นจอ MVA เคลือบเงาเหมือนกัน
แต่EX750T นั้นเป็นจอ 10bit แท้ แถมมี wide color gamut ด้วย ขอบเขตสีจึงกว้าง
ความสะอาดสะอ้านของภาพ ภาพดูมีรายละเอียดมากกว่า
ไล่เฉดสีได้ดีกว่า ค่าโรงงานสีสันมีความถูกต้องแม่นยำกว่า สีดำลึกกว่า ทำ local dimming ได้ดีกว่า
ความฉ่ำ แวววาว ความอิ่มมตัวของสี EX750T ดีกว่าชัดเจน
แต่ก็มีอยู่บางจุดที่ 65FX600T ทำได้ดีกว่านั่นคือ รายละเอียดในส่วนที่มืดๆของภาพทำได้ดีกว่า
เพราะ EX750T เป็นจอเงาวาวที่เคลือบฟิล์มทำให้สีดำลึกกว่า แต่ก็ทำให้เสียรายละเอียดเล็กๆน้อยๆของภาพในส่วนที่มืดๆไปด้วย
ทำให้มีอาการจำจมเล็กน้อย แต่กับ 65FX600T ไม่มีอาการดำจม
และ EX750T เมื่อดูใกล้ๆจอประมาณครึ่งเมตรจะเห็นว่าจอมีลักษณะคล้ายฝ้า (75FX750T ก็เป็นเช่นกัน)
แต่กับ 65FX600T ไม่มีอาการไม่พึงประสงค์ดังกล่าว
ถ้าจะให้อธิบายตามความรู้สึกส่วนตัวผมนะ แม้ว่า EX750T ภาพจะดีกว่า แต่ผมกลับชอบแนวภาพของ 65FX600T มากกว่า
คือ EX750T ภาพมันดูแวววาววิบวับ ภาพฉ่ำ จนดูแล้วมันให้อารมณ์ภาพไปทางสดชื่นซะส่วนใหญ่ถ้าดูไฟล์ภาพธรรมชาติสวยๆ
ภาพสาวๆสวยๆมันก็เข้าทางเพราะดูแล้วสดชื่นมากๆ แต่พอดูหนังผีหรือหนังที่ต้องการความเครียด
มันไม่สามารถให้อารมณ์ที่จริงจังได้ แทนที่จะดูหนังผีแล้วได้อารมณ์ลุ้นแบบ “น่ากลัวจังเลย ผีจะออกเมื่อไหร่วะ”
กลับกลายเป็นว่า “โอ้โหหนังผีบรรยายกาศสวยจัง ตัวผีออกมาจะสวยขนาดไหนว้า” เป็นอย่างนี้ไปซะงั้น ๕๕๕๕
แต่กับ 65FX600T มันให้ภาพที่อารมณ์เป็นกลางมาก ภาพธรรมชาติก็ดึงอารมณ์ให้สดชื่นชุ่มฉ่ำได้
ภาพยนตร์ต่างๆก็ดึงอารมณ์ให้ตึงเครียดได้เช่นกัน คือมันสามารถสื่ออารมณ์ได้หลากหลายกว่า EX750T
ซึ่งพอผมดู 65FX600T สักพักแล้วกลับมาดู EX750T มันจะรู้สึกว่า ภาพEX750T มันเวอร์เกินไปนะ ๕๕๕๕๕


บน 58EX750T ภาพจะมีความอิ่มฉ่ำ สีสันถูกต้อง และเจิดจรัสกว่า แสงและเงาสวยกว่า
ล่าง 65FX600Tแม้รายละเอียดของภาพในส่วนของภาพที่มืดๆจะแสดงได้ดีกว่า แต่สีจะอมน้ำเงิน


ภาพ HDR จาก EX750T จะดีกว่ามาก แต่เชื่อเถอะ 65FX600T แสดง HDRได้ดีกว่าทีวีในระดับราคาเดียวกัน


โดยรววมแล้วกับเม็ดเงินที่จ่ายไป ๓หมื่นกว่าบาท ได้จอเคลือบเงา 65” แถมประกันสามปี   
ผมว่าคุ้มค่ามากนะ ถ้าเน้นลูกเล่น smart TV อาจจะไม่เข้าทางสักเท่าไหร่ ไป Samsung LG จะตอบโจทย์ได้ดีกว่า
แต่ถ้าคุณต้องการทีวีที่เน้นภาพอย่างเดียวในระดับนี้งบประมาณนี้
ผมจะไม่กล่าววว่า “ทีวีรุ่นนี้เป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ” แต่ผมจะบอกว่า “ทีวีรุ่นนี้เป็นตัวเลือกอันดับหนึ่ง” ครับ
*ย้ำว่ารุ่น FX600T ต้องไซส์ 65" เท่านั้นนะถึงจะเป็นจอ MVA glossy ไซส์อื่นเป็นจอ IPS*


.........................


ประมวลผล


.....................................65FX600T...........55MU6100..........58EX750T
มิติภาพ.................................B.......................D+......................B+   
วัสดุโครงสร้างดีไซน์................D+.....................C........................A
Smart TV.............................C.......................B+......................C
ความแม่นยำของสี...................C.......................C+......................B
ความสว่าง.............................C.......................C.........................B
ระดับสีดำ..............................C+......................D........................B
รายละเอียดในที่มืด.................B+.......................D+.....................C+
Local dimming......................C.......................ไม่มี.......................B
การอัพสเกล..........................C+.......................C+......................A
ภาพเคลื่อนไหว......................C+.......................C+.......................B
ห้องสว่าง..............................A..........................B   ........................A+
ห้องมืด.................................C+.......................D........................B
SDR.....................................B+.......................B.........................A
HDR.....................................C.........................D........................B
720p....................................C.........................C........................B
1080p..................................B..........................C+.....................A
4K.......................................B+........................B........................S
มุมมอง.................................D..........................C.......................D
เสียง....................................B..........................C.......................C

F = โคตรกาก
E = กาก
D = พอไปวัดไปวาได้
C = งั้นๆ
B = ก็ดีนะ
A = แจ่มแมว
S = สุดยอด

5


Panasonic  EX750T ทีวีรุ่นยอดนิยม ที่มีสเปคที่สูง  ภาพดี ราคาไม่แพงจนเกินไป
ทำให้รุ่นนี้ขายดีเป็นอย่างมากจนของขาดตลาด หลายๆร้านถึงกับต้องรับจองกันทีรอเป็นเดือนๆเลยทีเดียว
ซึ่งเพื่อนผมได้เป็นหนึ่งในผู้ที่มีโอกาสได้มีทีวีรุ่นนี้ไว้ในครอบครองแล้ว
โดยของเพื่อนผมนั้นเป็นไซส์ 58” ได้มาในราคาดีไม่ถึง4หมื่น แถมยังได้แว่น 3D ACTIVE ฟรีๆมาอีกสองตัวด้วย
ผมจึงไม่รอช้าที่จะได้ทดสอบรุ่นนี้รีบพุ่งตรงไปยังบ้านเพื่อนเพื่อทำการรีวิวทันที!!!

วัสดุโครงสร้างรุ่นนี้ดูดี สมราคาไม่ก๊องแก๊ง ตัวเครื่องมีสีเงิน ใช้จอglossyแม้จะตั้งไว้เฉยๆไม่เปิดเครื่องก็ดูดีเพราะหน้าจอมีความเงาวาวแลดูมีราคายิ่ง
หน้าจอคำสั่งต่างๆเมื่อกดเมนูขึ้นมา หน้าตาไม่ค่อยต่างจากpanasonicปี 2013 ที่ผมใช้อยู่นัก
แต่การใช้งานจะมีความแตกต่างจากรุ่นเก่าๆเล็กน้อยตรงที่ทุกหัวข้อหลักในเมนูจะสามารถเลื่อนเคอเซฮร์ต่อเนื่องไปหากันได้
โดยรวมตัวเมนูก็ดูเรียบแต่หรูดูสวยงามใช้งานง่ายตามสไตล์panasnicเดิมๆไว้อย่างครบถ้วน
ตัวรีโมทเองก็เช่นกันยังคงรูปแบบเดิมๆมาอย่างยาวนาน(เกินสิบปี) ไม่เปลี่ยนแนวสักที

ระบบOSของpanasonicเองไม่มีอะไรพิเศษแบบเจ้าอื่นๆ แต่ก็ยังคงมีแอปพื้นฐานให้ใช้งานอย่างครบถ้วน
ไม่ว่าจะเป็น netflix หรือ youtube ในส่วนนี้ผมเองไม่ได้ใส่ใจนักเพราะดูๆไปแล้วทางpanasonicเองก็คงไม่ได้ใส่ใจเรื่องOSเช่นกัน ๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕

EX750 ใช้ชิปประมวลผลภาพตัวเดียวกับรุ่นทอปอย่าง LED DX900 และ OLED EZ1000
แม้ว่าจะเป็นชิปประมวลผลตัวเดียวกัน แต่ทางpanasonic ก็ได้กั๊กการใช้งานเอาไว้โดยตัดโหมดภาพ
THX CINEMA,THX brightroom, professional 1, professional 2 ไม่ให้ใช้ในรุ่นนี้
(จริงๆ EX750 มีโหมดดังกล่าวด้วยนะ แต่ถูกซ่อนเอาไว้ เพราะเคยมีเพื่อนในเวปท่านนึงที่ใช้รุ่นนี้เกิดอาการบัคชั่วคราว
มีโหมดภาพดังกล่าวออกมาให้ใช้ด้วย หากใครสามารถ hack firmware รุ่นนี้ให้ใช้โหมดภาพที่ถูกตัดไปได้ ก็บอกด้วยจะเป็นพระคุณอย่างยิ่ง ๕๕๕๕)

โหมดภาพสำเร็จรูปจึงเหลือแค่  ๕ โหมด ได้แก่ DYNAMIC,NORMAL,CINEMA,TRUE CINEMA,CUSTOM
โดยโหมดที่ผมจะใช้อ้างอิงในการทดสอบนี้ผมจะอ้างอิงจากโหมด TRUE CINEMA เป็นหลัก เนื่องจากค่าโรงงานของโหมดนี้ให้สีที่ถูกต้องใกล้เคียงต้นฉบับกว่าโหมดอื่นๆ

ทดสอบภาพ HD, FULL HD
ความละเอียดภาพ 1080p นั้นถือว่าเป็นหัวใจหลักของทีวีพราะcontentในปัจจุบันส่วนใหญ่ยังคงเป็นความละเอียดในระดับนี้
หากทีวีอัพสเกลไม่ดีก็จะดีแค่ภาพ4K พอเปิดความละเอียดHD ภาพก็จะไม่ได้เรื่อง
ซึ่ง EX750 ทำได้ดีตามความคาดหมาย สามารถอัพสเกลภาพได้ดีมากๆ เนื้อภาพมีความเนียน เกลี้ยงเกลา และสะอาด
ด้วยความที่ EX750 นั้นใช้ panel ดำเงา(glossy) แบบ MVA จากบริษัท INNOLUX
ภาพจึงมีความฉ่ำ ใส ดูแล้วให้อารมณ์ที่ชุ่มชื้น ดูได้เรื่อยๆไม่เกิดความเครียด และไม่น่าเบื่อ
ไม่ว่าจะป้อนไฟล์แนวภาพใดเข้าไป จะเป็นไฟล์animation ไฟล์ภาพยนตร์แนวภาพdigital แนวภาพfilmlook
ภาพก็อัพสเกลออกมาดูดีอย่างไร้ปัญหา มิติภาพมีความสมดุลของแถวลึกและลอยที่ดี แสงและเงาสวยงาม


DYNAMIC เอาไว้เปิดไล่แขก


์NORMAL ภาพเนียนสะอาด สีสด เหมาะกับพวกไฟล์ animation ฟรีทีวี และไฟล์ที่ถ่ายทำมาไม่ดีนัก


CINEMA เหมาะชมภาพยนตร์ทั่วไป


TRUE CINEMA เหมาะกับชมภาพยนตร์ในห้องมืด สีสันมีความเที่ยงตรงสูง แต่อาจไม่เหมาะกับ animation ท่ต้องการสีสดๆ


CUSTOM สำหรับการปรับแต่งและcalibrationแบบละเอียด



หากเทียบกับ TCL Q7700 ก็ถือว่า EX750 อัพสเกลได้ดีกว่าชัดเจน
โดยเฉพาะการอัพสเกลไฟล์ที่แนวภาพfilmlook เช่นหนังเรื่อง batman vs superman หรือ wonder women
ที่ภาพจะมีเกรน noise ยิบๆ Q7700 ทำได้ไม่ดีนัก แต่กับ EX750 นั้นผ่านฉลุยไร้ปัญหา
ในoption setting จะมีคำสั่ง1080p pixel by 4 pixels
ถ้าตั้งเป็น ON คือการเบิ้ลpixel (ไม่อัพสเกล) ซึ่งสายตาผมและเพื่อนเห็นตรงกันว่าตั้งไว้เป็น OFF(ให้ทีวีอัพสเกล)
จะให้ภาพที่มีมิติเป็นรูปเป็นร่างกว่าอย่างชัดเจน (ตอนแรกเพื่อนไม่รู้ว่าคืออะไรผมเลยลองสลับ ON OFF ไปมาให้เพื่อนดู
ผลก็ออกมาดังกล่าว)
และทดสอบกับกล่อง ZIDOO X9S ด้วยการเปิดไฟล์ความละเอียด 1080i/p ส่งไปให้ทีวีอัพสเกล
เทียบกับให้ ZIDOO อัพสเกลแล้วส่งเป็น 4K มาตั้งแต่เริ่มต้นเลย ผลที่ได้คือ
ถ้าให้ ZIDOO อัพสเกลภาพจะห่วยแตกมาก ภาพดูเลอะๆเละๆ
ต่างกับการให้ทีวีอัพสเกลซึ่งจะให้มิติภาพและรายละเอียดที่ดี
ฉะนั้นใครใช้ android box หรือ 4K player ผมจึงแนะนำว่าถ้าไม่ได้เปิดไฟล์ความละเอียด 4K
เราควรจะตั้งความละเอียดของ box ไม่เกิน 1080p แล้วให้ทีวีอัพสเกลจะให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าตั้งเป็น 4K แต่แรก

และหากเทียบกับ SONY รุ่น X9000C(จอ IPS + opticontrast) อีกตัวที่ผมใช้อยู่
ก็ถือว่าการอัพสเกลใกล้เคียงกัน แต่X9000Cจะดูมีรายละเอียดและมิติเหนือกว่านิดๆ

ข้อเสียเรื่องจอของ EX750 ที่ชัดที่สุดก็คงจะเป็นในส่วนของมุมมองภาพที่แคบมากๆ
คือมองเยื้องจอแค่นิดเดียวสีเพี้ยนไปเยอะ ผมรู้สึกว่ามันแคบกว่าจอ VA ปกติที่ผมใช้อยู่นะ



อย่าลืมตั้ง 1080p pixel by 4 pixels เป็น OFF นะ
OFF = เปิดให้ทีวีอัพสเกล
ON = ปิดการอัพสเกล ทีวีจะเบิ้ลpixel จาก 1 เป็น 4 มิติและรายะเอียดจะไม่ดีเท่า OFF



SNSD 1080i ถ้าให้ทีวีอัพสเกลภาพออกมาดูดีมาก แต่ถ้าให้ player อัพสเกลภาพเน่าเหลือเกิน


general and I จาก youtube ภาพเนียนสะอาดดีมาก




SKIN TONE ถือว่าทำได้ดี(สำหรับLED)


.............


ในส่วนของภาพเคลื่อนไหว EX750 ทำได้ดีโดยไม่ต้องเปิด motion ช่วย
การเปิด motion  จะทำให้ภาพลื่นขึ้น แต่ก็จะทำให้เกิดภาพเคลื่อนไหวบางจังหวะที่ไม่พึงประสงค์
แม้แต่การเปิดตัวช่วยในระดับ MIN ก็ยังรู้สึกได้ว่าภาพเคลื่อนไหวบางครั้งดูแปลกๆ
ยิ่งถ้าเป็นคนที่ดูภาพเคลื่อนไหวแบบไม่ใช้ตัวช่วยเป็นประจำอยู่แล้ว พอเปิดใช้motion
จะจับผิดได้ง่ายมาก



ระดับสีดำ การทำ local dimming และรายละเอียดในที่มืด

ด้วยความที่รุ่นนี้ใช้จอดำเงา จึงให้ระดับสีดำที่ดีกว่าจอกึ่งด้านทั่วไป
โดยสีดำที่ได้นั้นเป็นสีดำที่มีความเนียน ใส ปะปนอยู่ด้วย ไม่ได้ดำแบบด้านๆนะ
ระดับสีดำนั้นดำพอๆกับ TCL Q7700 แต่ EX750 จะมีฟังชั่น
เปิดการทำงานของ local dimming ช่วยเรื่องระดับสีดำได้ในคำสั่ง
Adaptive backlight control มีให้เลือก สี่ระดับคือ OFF (ไม่เปิด local dimming)
MIN เล็กน้อย MID ปานกลาง MAX มาก
ยิ่งเปิดระดับสูงก็จะทำระดับสีดำได้ดำสนิทขึ้นชัดเจน แต่ก็จะมีอาการดำจมให้เห็นชัดขึ้นมากเช่นกัน
บางทีเปิดแล้วในฉากมืดๆ สลัวๆ ก็จะพบว่าทีวีดิมแสงวูบวาบ แม้จะเป็นระดับ min อยู่
ฉะนั้น ถ้าไม่อยากให้มันดิมแสงมั่วๆก็ควร OFF ครับ
(แล้วแต่ความซับซ้อนของฉากมืดนั้นๆ  ฉากทั่วไป MIN ก็เอาอยู่ แต่ถ้าซํบซ้อนมากๆควรจะOFF ไปเลย)

รุ่นนี้หลายๆคนเจอปัญหาแสงรั่วก็ต้องเคลมกันไป ตัวของเพื่อนผมนี้ยังคงมีให้เห็นบ้างแต่อยู่ในเกณฑ์น้อย
แทบไม่มีผลต่อการรับชมก็ถือว่าผ่าน





content ที่ภาพแนวfilmlook ภาพออกมาดูเป็นกลาง ภาพดูไม่แข็ง ไม่ตึงเครียดเกินไป


ฟรีทีวีHD ก็ชัดใช้ได้เลย แต่SDก็เน่าไปตามระเบียบ

ทดสอบภาพ 4K, HDR
EX750 เปิดภาพจากไฟล์ 4K จะให้ความแตกต่างจาก HD อย่างชัดเจน  ภาพจะดูเนียน สะอาด
สีสันดูอิ่มเอิบ มิติลึกตื้น ดูดีขึ้นมาอีกระดับ ไฟล์ 4K DEMO ของค่ายอื่นที่เปิดโชว์ตามห้าง
พอเปิดกับ EX750 แล้วยังจะดูดีกว่าทีวียี่ห้ออื่นที่เปิดโชว์เองซะอีก ก็เพราะโหมดภาพสำเร็จรูปของ EX750 ทำออกมาได้ดีมากๆ
ทั้งแบบ SDR และ HDR โดยภาพ HDR นั้นจะสามารถใช้ได้กับโหมดภาพสำเร็จรูปในทุกโหมด
ผิดกับบางยี่ห้อที่จะกลายเป็นโหมด HDR แยกเฉพาะ ซึ่งEX750ก็ถือว่ามีทางเลือกที่หลากหลายสำหรับการใช้งาน HD
หากเทียบกับ TCL Q7700 โหมด HDR ขอบเขตสีถือว่าใกล้เคียงกัน แต่ภาพของ EX750 จะมีความสะอาดเกลี้ยงเกลา เนียนใสกว่า
และมีสีสันที่ถูกต้องกว่าด้วย พวกฉากในท้องฟ้ายามราตรีดวงดาวจะมีความสุกสกาวดีมาก ตัดกับพื้นฉากหลังที่ดำสงัดอย่างชัดเจน
แม้ความสว่างสูงสุดของ EX750 จะไม่ได้สว่างถึง 1000nits(จึงไม่ผ่านมาตรฐาน UHD premium)
แต่ก็เพียงพอสำหรับการใช้งานรับชม HDR ทั่วๆไป ถ้าไม่นับที่เรื่องความสว่างส่วนตัวผมมองว่า  EX750
ให้ภาพรวมที่ดีกว่าทีวีรุ่นนิยมบางรุ่นที่ผ่านมาตรฐาน UHD premium เสียอีก


ถ้าขึ้นHDRตรงโหมดภาพนั่นแสดงว่ากำลังแสดงภาพแบบ HDR อยู่


DUNKIRK 4K HDR เรื่องนี้4K ภาพดีกว่า full HD มากมาย ภาพสะอาดสะอ้าน รายละเอียดสูง มิติดีกว่า เกรนในภาพแทบไม่มีให้เห็นเลย



samsung DEMO 4K HDR ภาพสะอาดเหลือหลาย



GOD OF EGYPT เป็นอีกเรื่องที่แสดงผล HDR ได้ดี และมีความแตกต่างกันชัดเจนระหว่าง 4K vs full HD

ทดสอบ 3D
EX750 คงจะเป็นทีวีรุ่นสุดท้ายแล้วที่รองรับ 3D ซึ่งในปี 2017 ไม่มีทีวีรุ่นไหนรองรับ 3D อีกแล้ว
นับว่าเป็นของแถมที่หายากยิ่งแล้วโดย 3D ของรุ่นนี้จะเป็น 3D ในระบบ active
(เพื่อนไปบีบคอเซลล์จนได้แว่น มาสองตัว๕๕๕)
การใช้งาน 3D active ของ panasonic ก็เหมือนยุคก่อนๆคือ หากใช้งานในห้องที่มีแสงจากหลอดไฟจะทำให้แว่นมีอาการกระพริบ
(แต่ 3D active ของ sony ถ้าเปิด motion แล้วจะไม่มีอาการกระพริบเลย แม้จะโดนแสงจากหลอดไฟก็ตาม)
ขอบอกว่า 3D ของ EX750 นั้นทำออกมาได้ดีมาก มิติภาพมีความลึกและลอยกว่ายุคก่อนอย่างเห็นได้ชัด
และอาการ crosstalk มีน้อยมากๆ ภาพมีความละเอียดสูง ภาพมีความไหลลื่นต่อเนื่องที่ดี
ถ้าจะแพ้ 3D passive ของ sony X9000C ก็คงจะแพ้แค่เรื่องมิติที่passiveลอยกว่านิดหน่อยเท่านั้นแหละ
แต่เรื่องอื่น EX750 ทำได้ดีกว่า ไม่เสียทีที่เป็น 3D รุ่นสุดท้าย มันเป็นของแถมที่ทรงคุณค่าจริงๆ

ทดสอบเสียง
เสียงลำโพงของ EX750 อยู่ในระดับมาตรฐานของทีวีpanasonicปกติทั่วไป เสียงอาจจะฟังแล้วขาดน้ำหนัก ขาดมวลเสียงไปบ้าง  
ถ้าเร่งเสียงแหลมก็จะมีอาหารเสียงแตกแห้งให้เห็นบ้าง คุณภาพไม่ถึงกับดี แต่ก็ไม่ได้แย่
ฟังบทสนทนาทั่วไปรวมถึงเสียงเอฟเฟคต่างๆที่ไม่เน้นอะไรได้ปกติ โดยรวม TCL Q7700 จะให้เสียงที่ดีกว่า

สรุป
ในอดีตที่ผ่านมา panasonic เป็นรองยี่ห้ออื่นในเรื่องประสิทธิภาพของ LED มาตลอด แม้แต่รุ่นทอปบางปีภาพก็ไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ
แต่ปีสองปีมานี้ LED ของ panasonic มีการพัฒนาที่ก้าวกระโดด เริ่มตั้งแต่รุ่น DX900 มาจนถึงรุ่น EX750
ซึ่งคุณภาพนั้นดีกว่า LED panasonic ปีก่อนๆเป็นอย่างมาก
ไม่แปลกเลยที่EX750รุ่นนี้จะขายดีจนเกลี้ยงตลาด เพราะฟังชั่นครบครัน ประกันยาวนาน หน้าจอก็ใหญ่ ราคาไม่สูง
แถมประสิทธิภาพก็ดีมากๆซะด้วย ผมได้ลองแล้วก็อยากจะมีไว้ที่บ้านบ้างสักตัวเหมือนกัน
ด้วยแนวภาพที่มีความสะอาดเกลี้ยงเกลา สีสันอิ่มเอิบ จะปรับภาพให้สดเด้งก็ดี ปรับภาพให้ธรรมชาติก็ได้เช่นกัน
 จึงตอบสนองการใช้งานได้หลากหลายลองแล้วไม่น่าเบื่อเลย

ข้อดี
-   จอ MVA แบบ glossy ดูหรูหรา ดูแพง
-   สีดำดี ดำเนียน ดำใส
-   โหมดสำเร็จรูปใช้งานได้จริง ปรับภาพได้ละเอียดสุดๆ
-   อัพสเกลดีมากๆ
-   ภาพเคลื่อนไหวดี
-   เมนูสวยแบบเรียบๆ สุภาพๆ
-   รองรับ 3D active ที่คุณภาพเยี่ยม
-   หน้าจอใหญ่ถึง 58”
-   ประกันจอ ๒ ปี ปะกันตัวเครื่อง ๓ ปี
-   

ข้อเสีย
-   โหมดภาพสำเร็จรูปมีให้เลือกน้อยเมื่อเทียบกับรุ่นทอปอย่าง EZ1000 DX900
-   ขาตั้งโคตรเปลืองที่
-   OS ธรรมดามากๆ
-   เสียงลำโพง
-   หาซื้อยาก
-   ไทยไม่มีไซส์ 65” คือ มี 50” 58” แล้วข้ามไป 75”

6
พี่สาวอยากได้ทีวีใหม่งบประมาณ 20000+ นิดๆ ก็เลยให้ผมแนะนำทีวีให้
ทีแรกผมก็แนะนำเป็น sony 55X7000E เพราะรุ่นนี้ใช้จอ VA ต่างจากไซส์อื่นที่เป็น IPS
และช่วงนี้มีโปรลดเหลือ 26990 แถม soundbar ราคา 6990 ด้วย ซึ่งดูจะคุ้มค่ามาก
แต่ปรากฏว่าราคานี้สูงไปสำหรับพี่สาวครับ คือแกจ่ายได้เต็มที่ไม่เกิน 23000
ก็เลยต้องหารุ่นอื่นแทน ที่เชียงใหม่ตามร้านต่างๆนี่ก็ขายทีวีราคาแพงกันเหลือเกิน
ในงบนี้เชียงใหม่ซื้อได้แค่ LG, samsung series 6 49” เท่านั้น   
ถ้าจะเอา 55” ในราคานี้ก็ต้องสั่งจากร้าน กทม ซึ่งพี่ก็จะไม่ได้เห็นของก่อน
แต่ไปๆมาๆ เดินไปเจอ TCL 55Q7700 จัดโปรเหลือ 20640 บาท
ประกัน3ปี ประกันพิเศษกับทางร้านอีก1ปี รวมเป็น4ปี ตอนแรกพี่ก็ไม่อยากได้เพราะยี่ห้อนี้พี่ไม่รู้จัก ๕๕๕๕
ผมก็เลยอธิบายไปว่ายี่ห้อนี้เป็นยังไง แล้วรุ่นนี้มันดียังไง จากนั้นก็พาแกไปเทียบลองภาพ
ระหว่างTCL Q7700 กับตัวอื่นในราคาเดียวกันและแพงกว่าเท่าตัว
พี่สาวก็เห็นด้วยว่า TCL Q7700 ภาพมันดูดีกว่าจริงๆด้วย(ดีกว่ายังไงจะอธิบายในรีวิว)
จากนั้นพี่สาวก็ไม่รอช้า สอย TCL 55Q7700 มาทันที



พอเปิดเครื่องมาเท่านั้นแหละดูรูปแบบ android ของทีวี แม่งทำไมหน้าจอ interface มันกากจังวะ๕๕๕
คือไม่มีความหรูหราน่าใช้เอาซะเลย แอปแต่ละแอปก็พอไปวัดไปวาได้
ที่ได้มาตรฐานหน่อยก็จะเป็น youtube แต่ต้องเป็นตัวที่ไป download มาเองนะ ไม่ใช่ตัวที่แถมมากับเครื่อง
ตัวที่แถมมากับเครื่องมันดูรกๆหน้าจอ ใช้งานแล้วไม่ค่อยชอบ
ส่วนตัวที่ไปโหลดมาเองรูปแบบการใช้งานนั้นจะเหมือนกับ youtube บน android ของยี่ห้ออื่นใช้งานได้ดี
ส่วนแอปอื่นๆก็มีให้โหลดเพิ่มบ้างแต่ผมไม่ค่อยสันทัดการใช้งานแอปบนทีวีสักเท่าไหร่ ฉะนั้นจึงไม่ขออธิบายอะไรมาก

โหมดภาพสำเร็จรูปของทีวีมีมาให้๕โหมด dynamic สว่างและสีจัดสุด standard กับnatural ภาพจะใกล้เคียงกัน
สองโหมดนี้ภาพพอดูได้แต่สีก็ติดโทนเย็นมาก ส่วนโหมด movie จะสบายตาภาพจะออกแนวเหลืองๆเหมือนฟิล์ม
แต่ปัญหาคือมันติดเหลืองซะจนดูไฟล์ไหนก็เหมือนถ่ายทำด้วยฟิล์มแล้วไปย้อมแต่งสีเหลืองไปซะหมดเลย
ส่วนโหมดสุดท้ายคือ personal โหมดนี้พอปรับแต่งภาพนิดๆหน่อย โดยปิดตัวช่วยเรื่องสีและลดสัญญาณลดกวน
ทุกชนิด รวมถึงลดความคมของภาพให้เหลือ 0 ภาพที่ได้นั้นถือว่าดีทีเดียวครับ คือสีอาจจะไม่แม่นเท่ายี่ห้อ sony panasonic
แต่ก็ดูดีกว่าหลายๆโหมดที่โรงงานตั้งมาให้


ทดสอบภาพจากไฟล์ 1080p
ด้วยความที่รุ่นนี้ใช้ panel VAแบบ glossy จึงทำให้สีสันดู อิ่ม สด ใสและสะอาด กว่าจอกึ่งด้านทั่วไปอยู่หลายระดับ
แถมมีเทคโนโลยี wide colour gamut ให้เฉดสีที่กว้างเทียบเท่า triluminos ของ sony
ด้วยความที่บุคลิกของยี่ห้อนี้ภาพจะดูไม่เครียด ไม่ดุดันเคร่งขรึมแบบsony จึงดูได้เรื่อยๆไม่รู้สึกอึดอัดเลยแม้แต่น้อย
คือดูแล้วได้เสพความอิ่มเอมทางตาและทางใจไปพร้อมๆกันเลยครับ
และจะบอกว่ารุ่นนี้ อัพสเกลได้ดีพอตัวเลย ถ้าเป็นไฟล์ที่ถ่ายทำมาเป็นแนวภาพสะอาดๆอยู่แล้ว
ภาพก็จะสะอาดเนียน ไม่มีอาการแตกของภาพให้เห็นเลย คือดูแล้วไม่ขัดลูดตา
ถ้าเน้นที่คุณภาพของภาพสำหรับไฟล์ที่ดีๆ ผมยกให้Q7700ตัวนี้ภาพดีกว่า sony X9000C ที่ผมใช้อยู่เลยล่ะ
แต่ถ้าเป็นไฟล์ที่ภาพที่มีdetailเยอะมีความซับซ้อนในภาพมาก ทีวีรุ่นนี้ก็จะอัพสเกลได้ดีอยู่พอประมาณ
แต่รายละเอียดของภาพเล็กๆน้อยๆจะสู้ sony รุ่นที่ใช้ชิป X1 ไม่ได้ครับ
ยิ่งถ้าเปิดกับไฟล์ภาพที่ออกแนว filmlook ที่มเกรนหรือ noiseในภาพเยอะๆแล้วก็จะพบว่ารุ่นนี้ภาพจะมีnoiseเยอะ
ภาพจะดูไม่คมมิติไม่ขึ้นรูปสักเท่าไหร่
หากเทียบประสิทธิภาพการอัพสเกลโดยรวมแล้วผมถือว่าน่าพอใจมากกับราคานี้
ถ้า sony X9000C ตัวที่ผมใช้อยู่ ได้คะแนนอัพสเกล9 ,TCL Q7700 ก็จะได้ประมาณ8
ภาพเคลื่อนไหวระบบแทรกเฟรมภาพมีมาให้สามระดับ แต่ผมเป็นคนที่ดูโดยไม่ใช้ระบบแทรกเฟรมภาพช่วย
ไม่ว่าทีวีตัวไหนก็ตาม ภาพเคลื่อนไหวสำหรับไฟล์ 1080p ถือว่าทำได้ดีใกล้เคียงกับ x9000c
คือ ดูไฟล์ไหนแล้วก็ไม่รู้สึกว่าภาพกระตุกหรือสั่นแต่อย่างใด



^
ภาพจากเรื่อปลาไหล อัพสเกลได้สวยงาม มิติยอด contrast เยี่ยม เนียนใส ไร้noise


^
ภาจากเรื่อง EXODUS สวยงามรายละเอียดแพรวพราว เรื่องนี้ฉากมืดๆเยอะแต่ดูกับจอนี้แล้วไม่หงุดหงิด เพราะไร้อาการดำจมให้เห็น



^
ภาพจากเรื่อง กัปตันอเมริกา๓ ก็อัพสเกลพอใช้ได้



^
ภาพจาก batman vs superman เรื่องนี้จะไม่เข้าทางสักเท่าไหร่ noiseเยอะ รายละเอียดจะเป็นปื้นๆ






^
ภาพจาก animation ไม่ว่าเรื่องไหน็อัพสเกลแล้วดูดีไปหมด ใส ชัด คม












^
เรื่องแผลเก่าถือว่าเป็นเรื่องที่ทีวีรุ่นนี้อัพสเกลได้ดีที่สุดเทา่ที่ลองมาเลย ภาพนี่คมกริบ นึกว่าเปิดแผ่น 4K อยู่นะเนี่ย
เห็นรายละเอียดเล็กๆบนหน้าของใหม่ดาวิกาหมดเลย


^
กดคลิกที่รูปซูมให้ดูกันชัดๆถึงไรขนตามใบหน้าเลย

ระดับสีดำ รายละเอียดภาพในส่วนที่มืดๆ
จะบอกว่า ระดับสีดำของรุ่นนี้ด้วยความที่เป็นจอ black crytal panel หากใช้งานในห้องที่มีแสงสว่างปกติทั่วไป
ระดับสีดำจะดำลึกมากๆๆๆครับ และดำแบบใสด้วย ไม่ได้ดำด้านแบบจอกึ่งด้านทั่วไป
ภาพจึงดูหรูหรามีระดับดีมาก การใช้งานในห้องที่มืดสนิทตัวที่ผมได้ทดสอบนี้พบว่าแสงรั่วตามขอบตามมุมจอมีน้อยมากๆ
ไม่มีผลต่อการรับชมเลย แถมระดับสีดำในห้องมืดสนิทก็ดำลึกเอามากๆแทบไม่อยากจะเชื่อว่านี่คือระดับสีดำของทีวียี่ห้อจีนในราคาสองหมื่นบาทเศษๆ
ไม่ต้องเอาไปเทียบสีดำกับจอ IPS เพราะจอ IPS มันกากเรื่องสีดำอยู่แล้ว
แต่หากเทียบสีดำกับจอ VA ล่ะก็ มันดำกว่า sony HX750 ดำกว่า sony W800C ดำกว่า sony W904A เสียอีก
แถมยังจะดูดำกว่า plasma panasonic ST30 ด้วย

สีดำลึก ดำดี มักมากพร้อมกับอาการ “ดำจม” LED TV ทั่วไปมักจะเป็นเช่นนี้ แต่สำหรับรุ่นนี้ผิดคาดครับ
รายละเอียดในที่มืดยังคงชัดเจนมีรายละเอียดครบครัน ไม่ดำจมแบบจอIPS ทั้งหลาย
เห็นรายละเอียดในส่วนมืดๆของภาพได้ดีกว่า sony X9000C, sony W904a มากมาย


^
ระดับสีดำ กับแสงรั่ว ได้ประมาณนี้นะจ๊ะ

7
ช่วงนี้ได้ใช้งานทีวีเยอะเพราะเป็นช่วงวันหยุด

ใช้จอ sony X9000C(จอ IPS) ดูyoutubeไปเรื่อยๆ พอดูช่องที่มีโลโก้ค้างนานๆ แล้วเปลี่ยนไปดูช่องอื่น
ผมรู้สึกว่าทำไมมันยังเห็นเงาโลโก้ช่องเดิมอยู่แว๊บๆวะ ตอนแรกก็สงสัยว่าเราไปจ้องโลโก้มากไป จนภาพติดค้างในตาหรือเปล่า
เพื่อคลายข้อสงสัยผมจึงทดสอบแบบโหดๆด้วยการเปิดไฟล์ภาพ wall paper sony  α clock
ที่มีโลโก้  α clock สีขาวจ้าอยู่บริเวณทางด้านขวาบนของจอ เปิดทิ้งไว้๗วัน วันละ ๘ ชั่วโมง
แล้วจากนั้นก็เปิดจอปกติทั่วไปดู.....ผลปรากฎว่า..... เป็นรอย image retention เงาของอักษร  α clock ชัดเลยครับ ๕๕๕๕๕


^
^
เปิดรูปนี้ทิ้งไว้ วันละ ๘ ชั่วโมง เป็นเวลา ๗ วัน



^
^
ด้านขวาบนของรูป มีอักษร α clock ซึ่งเหมาะแก่การทดสอบ เพราะสีขาวจะทำให้เกิด อาการ image retention ได้ง่ายและชัดเจนกว่าสีอื่น


^
^
สุดท้าย ก็เป็นไปตามคาดครับ เงาของ  α clock ก็ยังค้างอยู่ที่เดิม ในรูปจะเห็นไม่ค่อยชัดต้องปรับให้สว่างๆหน่อยจะเห็น
ดูด้วยตาจะเห็นชัดเจน และเห็นได้ง่ายถ้าพื้นหลังเป็นสีเทา

ผมก็เลยไปค้นข้อมูลเพิ่ม จากทาง rtings.com ซึ่งช่วงนี้เขาได้ทดสอบ image retention กับทีวีปี 2016 ด้วย

จากบทความนี้ http://www.rtings.com/tv/learn/image-retention-burn-in
สรุปได้ว่า จอ IPS สามารถเกิดอาการ image retention ได้
แต่จอ VA จะไม่มีอาการนี้(ก็ว่าทำไมใช้จอ VA มาหลายตัวไม่เคยเป็นเลย)
และ OLED ก็เกิดIRได้เช่นกัน แต่จอ IPS ก็ยังเกิดอาการ IR ได้ยากกว่า OLED หลายเท่า

ก็นับเป็นข้อมูลเพิ่มเติมที่ทำให้ทราบว่า ข้อเสียอีกข้อหนึ่งของจอ IPS ที่ด้อยกว่า VA ก็คือในเรื่องการเกิด IR และ BURN IN ด้วย
(แล้วจอ IPS มันจะเหลืออะไรที่เป็นข้อดีบ้างเนี่ย เรื่องภาพแพ้จอ VA หมดทุกประการเลย ดีกว่าก็แค่มุมมองด้านข้างกว้างกว่าเท่านั้น - -")

แต่ผู้ใช้จอ IPS ไม่ต้องกังวลไป เพราะ อาการ IR หรือ burn in ของจอ IPS นั้น เกิดขึ้นได้ยากมาก ยากกว่า plasma และ OLED หลายเท่า
ถ้าไม่เปิดcontentที่มีโลโก้ค้างไว้หลายสิบชั่วโมง ก็ไม่มีปัญหาแน่นอนครับ

8


แจกฟรี รหัสบัตร DOONEE ดูหนังฟรี ๑๕ วัน มีใบเดียวครับ ใครเห็นก่อนเอารหัสไปใช้ได้เลย

พอดีมีผมมีแล้วไม่ได้ใช้ เลยคิดว่าส่งต่อให้เพื่อนๆในเวปที่ต้องการเอาไปใช้น่าจะได้ประโยชน์กว่า

 [โย่ว] [โย่ว] [โย่ว]

9


http://www.lcdtvthailand.com/webboard/index.php?topic=178095.0
^
^
SONY 55W800C ของน้า ที่ซื้อมาเมื่อเดือนมกราคม ตัวเดียวที่ผมได้รีวิวไปในกระทู้นี้

ผ่านไป ๗ เดือน ตอนนี้ เกิดอาการเส้นขึ้นหน้าจอแล้วครับ

บัดซบจริงๆเล้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย


 [แทง] [แทง] [แทง] [แทง] [แทง] [แทง] [แทง] [แทง] [แทง] [แทง]

10
เรียนทุกท่านทั้งท่านที่ใช้ plasma TV หรือ จะใช้ทีวีประเภทอื่นก็ตาม

plasma panasonic ตอนนี้เพื่อนๆหลายท่านรวมถึงเครื่องของผมเองมีปัญหา SC board ที่เป็นตัวจ่ายไฟเสีย

ไม่สามารถซ่อมได้ เพราะไม่มีอะไหล่ รวมถึงเพื่อนๆร่วมวงการที่ใช้ plasma samsung รุ่นปีสุดท้าย

ที่เป็นรุ่นท๊อปรหัส 64F8500 บอร์ดจ่ายไฟ Y main เสีย ก็ไม่มีอะไหล่แล้วเช่นกัน

ของ samsung ยังดี ตรงที่สามารถยื่นเรื่องทำการคืนเงินโดยหักส่วนต่างตามค่าเสื่อมสภาพไป

64F8500 คนที่ซื้อมาช่วงแรกๆ ตอนที่ราคาเกือบเก้าหมื่นบาท ก็ยังได้เงินคืนเกือบหกหมื่นบาท

คนที่ซื้อมาทีหลังตอนที่ราคาลงมาแล้ว ก็จะได้เงินคืนลดหลั่นกันไป ตามราคาที่ซื้อมา

แต่สำหรับของ panasonic ไม่มีนโยบายคืนเงินในกรณีที่ไม่มีอะไหล่ซ่อมครับ

plasma LG ตอนนี้ก็เห็นบางท่านต้องซ่อมด้วยการหาอะไหล่แทนจากเครื่องอื่นที่เป็นรุ่นเดียวกัน

เพราะอะไหล่สำรองไม่มีเหลือแล้วเช่นกัน

plasma pioneer สุดเทพของใครหลายๆคน ที่ทางบริษัทเองสัญญาว่าจะ มีอะไหล่สต๊อคให้ 10 ปี

ตอนนี้ผ่านไป 8 ปี  แต่อะไหลก็หมดเสียแล้ว KRP 500A ของสมาชิกท่านหนึ่งในนี้ก็เกิดอาการเสีย

แบบเดียวกับที่ KRP 500A ของเมืองนอกเป็นกันมากมาย ก็ซ่อมไม่ได้ครับ เพราะไม่มีอะไหล่

ใครใช้ plasma TV อยู่ก็ดูแลทีวีของท่านให้ดี ให้อยุ่กับท่านไปนานๆ

ส่วนใครกำลังมองหา plasma มือสอง ก็ควรพิจรณาให้ดี ว่ายอมรับในส่วนนี้ได้หรือไม่ถ้าเกิดเครื่องเสียขึ้นมา

11
การเช็คชั่วโมงใช้งานของ SONY android TV จะมีความแตกต่างจากทีวี SONY รุ่นเก่า

ซึ่งมีขั้นตอนดังนี้

1 เปิดเครื่องให้TV run ระบบแอนดรอยด์ก่อน จากนั้นรอจนเครื่องบูทเสร็จและพร้อมใช้งาน

2 ปิดเครื่องด้วยปุ่ม power ที่รีโมท ให้ทีวีเข้าสู้โหมด standby (ห้ามถอดปลั๊ก หรือปิดสวิชที่ปลั๊กราง)




3 ในขณะที่เครื่องอยู่ในโหมด standby ให้กดปุ่มที่รีโมท ตามลำดับต่อไปนี้ (ดูภาพรีโมทประกอบ)
- กดปุ่ม I+
- กดเลข 5
- กดปุ่มลดเสียง
- กดปุ่ม power เพื่อทำการเปิด TV




เมื่อทำตามขั้นตอนที่ 1 2 3 ได้ถูกต้องแล้ว ทีวีจะเปิดขึ้นมาและอยู่ใน service mode ตามรูป

(หากเปิดจอขึ้นมาแล้วไม่เป็น service mode ให้กลับไปทบทวนดูว่าทำตามขั้นตอนที่ 1 2 3 อย่างถูกต้องหรือไม่)

จากนั้น ให้กดเข้าไปที่ self diagnosis history




เมื่อเข้ามาแล้วจะพบกับอักษร และตัวเลขมากมาย ให้สนใจเฉพาะ ตัวเลขในแถวล่างสุด ที่มีตัวเลขอยู่สามชุด

- ตัวเลขชุดแรก(ในวงกลมสีเหลือง) คือ จำนวนชั่วโมงที่ใช้งานมาแล้ว ในรูปคือใช้งานมาแล้ว 2713 ชั่วโมง
- ตัวเลขชุดที่สอง(ในวงกลมสีแดง) คือ จำนวนครั้งที่เปิดเครื่อง ในรูปคือเปิดเครื่องมาแล้ว 370 ครั้ง

เมื่อเช็คชั่วโมงการใช้งานเป็นที่เรียบร้อยแล้วให้กดปุ่ม home เพื่อเข้าสู่หน้าหลักในงานใช้งานตามปกติ


*ไม่แนะนำเข้าไปปรับการตั้งค่าต่างๆในส่วนอื่นของ service mode
เพราะ ค่าเหล่านี้เมื่อปรับแล้ว ไม่สามารถรีเซ็ทคืนค่าเดิมๆได้


เอาไว้ตรวจเช็คทีวีตัวใหม่ที่ท่านซื้อมาว่า เป็นของใหม่จริง หรือโดนร้านย้อมแมว
หรือเอาไว้ตรวจก่อนซื้อตัวโชว์ตามร้านต่างๆ ว่าผ่านชั่วโมงใช้งานมามากน้อยแค่ไหนก็ได้เช่นกัน



 [เท่ห์] [เท่ห์] [เท่ห์] [เท่ห์] [เท่ห์] [เท่ห์] [เท่ห์] [เท่ห์] [เท่ห์] [เท่ห์]

13




งาน HDTVtest 2016 TV shootout

จัดขึ้นเมื่อ 23 กรกฎาคม 2016 ที่ผ่านมา โดยมีที่วีที่ร่วมในงาน ดังนี้

65” LG OLED65E6V
65” Panasonic TX-65DX902
65” Samsung UE65KS9500
75” Sony 75XD9405

ผู้ชมทางบ้านที่เข้าร่วมในงานมีทั้งหมด 22 คน

โดยการโหวตแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ

- TV ที่ แสดงภาพ HDR ได้ดีที่สุด
samsung KS9500 ได้คะแนนโหวต 9 -แสดงความสามารถ HDR ได้เหนือกว่าตัวอื่น ความสว่างได้สูงถึง 4000 nits
panasonic DX902 ได้คะแนนโหวต 6 -มีปัญหาแสงรั่วที่ส่องวัตถุเป็นดวงๆ
LG OLED65E6V ได้คะแนนโหวต 4 -ความสว่างน้อย แต่สีสัน ความดำ ยังคงให้ประสิทธิภาพดีเยี่ยม
Sony 75XD9405 ได้คะแนนโหวต  3 -ความสว่างน้อยสุด และมี zoneที่ทำ local dimming ได้น้อยกว่าเจ้าอื่น

- TV ที่ แสดงภาพ SDR ได้ดีที่สุด
LG OLED65E6V ได้คะแนนโหวตอย่างล้นหลามไปถึง 18 คะแนน
ผู้ชมอีก 4 คน โหวตให้กับ samsung KS9500
ส่วนทีวีอีกสองตัวของ sony และ panasonic ไม่ได้รับคะแนนโหวตแม้แต่เสียงเดียว


..............


credit http://flatpanelshd.com/news.php?subaction=showfull&id=1469512604

14
samsung 55K6300 คุณภาพเยี่ยมมากๆครับ

เปิดโชว์ที่ร้านยังไม่ถึงเดือน เส้นขึ้นหน้าจอแล้ว


 [ช็อค] [ช็อค] [ช็อค]





รายงานข่าวโดย dramin

*ข้อมูลและภาพถ่ายโดย คุณลุง sirota


15
















http://www.cnet.com/products/sony-xbrz9d-series/

http://www.hdtvtest.co.uk/news/zd9-201607214328.htm

https://www.engadget.com/2016/07/20/sony-z-series/

http://www.whathifi.com/news/sony-unveils-premium-4k-hdr-zd9-series

http://flatpanelshd.com/news.php?subaction=showfull&id=1469022721

https://www.avforums.com/article/sony-launches-new-bravia-zd9-4k-hdr-tv-with-backlight-master-drive.12794

http://www.lesnumeriques.com/tv-televiseur/sony-kd-65zd9-p33993/sony-kd-65zd9-nouveau-televiseur-haut-gamme-nippon-n54239.html


.................


ZD9 มี 3 ไซส์ 65,75 และ 100 นิ้ว

ใช้backlight แบบ full array local dimming (full LED)

และใช้ระบบ  Backlight Master Drive

ซึ่งทางsony โม้ว่าสามารถทำความสว่างได้ถึง 4000 nits

ใช้ชิปประมวลผลรุ่นใหม่ ชื่อว่า "X1 Extreme" ซึ่งsonyโม้ว่าเหนือกว่า ชิป X1 ในรุ่น X9300D ถึง 40%

โดยจะเริ่มวางจำหน่ายที่โซนยุโรป ในเดือนกันยายนที่จะถึงนี้

https://www.youtube.com/watch?v=7xUZfv88mOg คลิปประกอบ

16






https://youtu.be/aDsw7j1unsE

X9300D จะซื้อเช็คดีๆนะครับ ที่เมืองนอกมีปัญหา "จองอ" ด้วย

ดูด้านข้างในมุมสูงจะเห็นว่าบางเครื่องมันไม่ตรง

ปัญหาอย่างอื่นก็มี ระบบ local dimming เน่าๆ และ 3D crosstalk เน่าๆ

17
เรื่องมีอยู่ว่า ช่วงเดือนที่ผ่านมาผมเกิดอาการคัน อยากได้ทีวีเครื่องใหม่
แม้ว่าเครื่องเดิมที่ใช้จะเป็น Panasonic plasma 55VT60 ที่ให้ภาพดีมากๆอยู่แล้ว
แต่ก็อยากเปลี่ยนอารมณ์เปลี่ยนแนวภาพบ้างชีวิตจะได้มีรสชาติ
โดยมีเงื่อนไข คือ ไซส์ไม่ต่ำกว่า49” และทีวีตัวใหม่ต้องมีความอินดี้แต่ยังอยู่บนพื้นฐานของภาพที่ถูกต้องด้วย

ว่าแล้วก็เตรียม external HDD ที่บรรจุไฟล์ทุกชนิดที่ผมใช้ทดสอบภาพประจำอยู่ที่บ้านไปด้วย
ซึ่งมีตั้งแต่ไฟล์ ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว 240p 480p 720p 1080i 1080p ไปจนถึงไฟล์ 4K และ 4K HDR
ชวนเพื่อนไปด้วยสองคน ไปลองกันหลายร้านเลยครับ

ลำดับแรกสุด sony W800C vs sony X8300C
ที่สนใจ W800C ก็เพราะรุ่นนี้ น้า(น้องของแม่) และ อา(น้องของพ่อ) ใช้อยู่
ซึ่งผมก็ได้ไปลองมาแล้วหลายครั้งและเขียนลงกระทู้รีวิวไปแล้ว ซึ่งเป็นจอ full HD ที่คุณภาพอยู่ในระดับน่าพอใจมากๆ
อีกตัวเลือก คือ X8300C 4K ระดับบ๊วยขวัญใจประชาชี
บังเอิญว่าสองรุ่นนี้ ไซส์ 43นิ้ว วางติดกันพอดี และเปิดไฟล์โชว์ภาพเดียวกันอยู่
ผมเลยถามเพื่อนทั้งสองคนว่า ตัวไหนภาพดีกว่ากัน
เพื่อนคนที่1 บอกว่าชอบภาพของ X8300C มากกว่า เพราะสีดูสดกว่า
เพื่อนคนที่ 2 บอกว่าชอบภาพของ W800C มากกว่าแต่อธิบายไม่ได้ว่าเพราะอะไร
ส่วนตัวผมจากที่ดูนั้นถ้าเป็นภาพปกติทั่วไป สองรุ่นนี้แทบจะไม่ต่างกันเลย
แต่พอถึงภาพที่ฉากหลังเป็นสีดำแล้วมีวัตถุอยู่บนจอ W800C มิติของวัตถุจะตัดกับสีดำลอยเด่นขึ้นมาทันที
ในขณะที่ X8300C สีดำจะออกเทาๆ มิติไม่ลึก ทั้งสีดำและวัตถุจะอยู่ในระนาบเดียวกัน ไม่โดดเด่น
ส่วนเสียงลำโพงทั้งสองรุ่นอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานปกติของ sony นั่นคือ “พอฟังได้” แต่ไม่ถึงกับดี


จากนั้นได้ลองดู LG หลายรุ่น แต่ดูผ่านๆแต่ไม่ได้ทดสอบครับ เพราะแนวสีของ LED LG ไม่ใช่แนวที่ผมต้องการ...


ต่อมาไปลอง sharp 58UE630X รุ่นนี้น่าสนใจตรงที่ราคาลดลงมาเยอะ 58นิ้ว เหลือประมาณ 36000 บาท
ผลปรากฏว่าภาพรุ่นนี้อินดี้เกินไปครับ สีนี่อมฟ้าไปหมด แถมเนื้อสีออกโทนดิจิตอล สด เข้ม เกินไป
จนดูวัตถุอะไรก็เป็นพลาสติกไปหมด ไม่ว่าจะใช้ภาพโหมดไหนก็ตาม ซึ่งมันอินดี้หลุดโลกไปไม่ใช่อินดี้แนวผม ๕๕๕๕


แล้วก็ได้ไปลอง sony 55X8500C รุ่นนี้ของหายากมากๆแล้ว แต่ก็ยังเหลือตัวโชว์สภาพเน่าๆอยู่ที่บางร้าน ๕๕๕๕๕๕
นิยามของแนวภาพรุ่นนี้คือ W800C ที่เป็น4K นั่นเองครับ ภาพแนวเดียวกัน
โทนสีติดไปทางอบอุ่น สุภาพ ดูเป็นภาพยนตร์
โหมด custom กับ cinema home, cinema pro สีก็ออกโทนติดฝุ่นเล็กน้อย
ลองเปิดไฟล์ 1080p การอัพสเกลผมว่ายังทำได้แค่กลางๆครับ ภาพจะติดสากๆแห้งๆ ยังคงเห็น noise
ทำให้ภาพดูไม่เคลียร์เท่าไหร่
และภาพเคลื่อนไหวก็ยังอยู่ในระดับกลางๆ คือยังเห็นทั้งอาการสั่น และเงาลากตามวัตถุเช่นเดียวกับ W800C
ลองเปิดไฟล์4K ผมก็ยังไม่รู้สึกตื่นเต้นกับภาพที่ได้แต่อย่างใด คือมันดีขึ้นกว่า1080p น้อยมากครับ
คือ ถ้าจะเอารุ่นนี้ผมว่าไม่ค่อยคุ้มเท่าไหร่ W800C ยังคุ้มเกินกว่า และดูไฟล์ 1080p ได้ภาพดีกว่าด้วยครับ


ใกล้ๆกันนั้น ก็มี sony 55X8500D อยู่ก็เลยได้โอกาสลองด้วยเลย
แม้ว่าตัวผมจะไม่ค่อยชอบจอ IPS สักเท่าไหร่ แต่คราวนี้ขอเปิดใจลองสักตั้งครับ
ผลที่ได้คือ รุ่นนี้เปิดไฟล์ 4K ภาพดูดีกว่า X8500C ครับ ภาพมีความเนียนละเอียดและเปิดเผยมากกว่า
ส่วนไฟล์ 1080p เห็นได้ชัดเจนครับว่ารุ่นนี้อัพสเกลได้ดีกว่า X8500C ไปอีกขั้น คือสามารถเก็บรายละเอียดของวัตถุตามขอบภาพได้เป็นระเบียบไม่ฟุ้ง
ทำให้ได้โฟกัสของภาพที่ดี ดูรู้เรื่องกว่า
แถมภาพเคลื่อนไหวก็ก็ดีขึ้นด้วยครับ ไม่สั่นเยอะแบบ X8500C อีกแล้ว
ดูไฟล์ 1080p 24Hz ได้โดยไม่ต้องใช้ระบบแทรกเฟรมภาพช่วยก็ให้ภาพเคลื่อนไหวได้ดี
มาถึงข้อเสียบ้าง ข้อเสียอันดับแรกเลยคือ ลำโพงครับ เสียงแม่งไม่ไหว ห่วยกว่ารุ่น W800C เสียอีก
มันเล็กๆ แห้งๆ ไม่ค่อยมีเรี่ยวมีแรงเลย ข้อเสียอีกอย่าง คือ โหมด custom,cinema home,cinema pro
สีภาพดูติดโทนฝุ่นมากเกินไป เหมือนคนล้างฟิล์มหนังทำฟิล์มตกขี้โคลนมาเลยครับ ๕๕๕๕๕๕๕๕
รุ่นนี้จึงยังไม่ใช่สำหรับผม



ลอง sony มาหลายตัวแล้ว คราวนี้มาลองต่อกันที่ Panasonic กันบ้าง
รุ่นที่ผมสนใจก็คือ panasonic 50CX600T ซึ่งราคาลดลงมามากแล้ว เหลือไม่ถึงสามหมื่นบาท
วัสดุโครงสร้างของตัวเครื่องนี่ยอมรับเลยครับว่า เกรดดีสุดๆ ดูมีระดับและแข็งแรงมากๆ
ใช้จอ black panel ให้สีดำที่ดำใสและลึกดีมากๆ แถมช่วยเพิ่มcontrastและลดแสงสะท้อน
ให้ดีขึ้นกว่ารุ่นอื่นๆที่เป็นจอนิ่มธรรมดาอย่างชัดเจนเลย
ภาพมีความโปร่ง สะอาดสะอ้าน และใสกระจ่างพอดี สีสันไม่ติดเข้มข้นเหมือนยี่ห้อsony
ทำให้ดูได้นาน ดูแล้วไม่รู้สึกอึดอัดเลย ระบบอัพสเกลก็ดีมากครับ คือ อัพสเกลได้อย่างเป็นธรรมชาติมาก
ดูไฟล์ 1080p หรือดูฟรีทีวี HD เหมือนกับดูบนจอ full HD เลย ไม่ยัดเยียดความเนียน ความคมเหมือนกับยี่ห้ออื่น
ภาพเคลื่อนไหวก็ดีโดยไม่ต้องเปิด motionแทรกเฟรมช่วย (ถ้าเปิดแทรกเฟรมไม่ว่าระดับไหนจะเห็นอาการวุ้นตามวัตถุ)
เสียงลำโพง ก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ค่อนข้างดี แนวเสียงจะมีความนุ่มนวล มีเนื้อหนัง ฟังแล้วผ่อนคลายตามสไตล์ Panasonic แถมรับประกันนานถึง 2 +1ปี ซึ่งผมเองก็ใช้ Panasonic หลายเครื่อง เคยส่ง plasma ไปเคลม
เขาก็ให้การบริการดีครับ อะไหล่สั่งจากนอก รอสองเดือน เปลี่ยนให้ฟรี(นานหน่อยแต่เปลี่ยนให้จริงไม่มีปัญหาแทรกซ้อน)
แต่ข้อเสียของรุ่นนี้ คือ ไม่รองรับ HDR ครับ แต่ก็เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด และคุ้มค่าที่สุด ณ ตอนนี้แล้ว

http://www.lcdtvthailand.com/webboard/index.php?topic=210393.0
^
(CX600T 55นิ้ว อย่าไปซื้อนะจ๊ะ เพราะใช้จอด้านเกรดธรรมดา ภาพทสู้ 50นิ้วไม่ได้เลย)




ต่อมาไปลอง ของ”แซมซัง”กันบ้าง
ลองตัวท๊อปเลยครับ samsung 65KS9000 (เงินไม่ถึงหรอก ลองไปงั้นๆแหละ ๕๕๕๕๕)
ลองเปิดไฟล์ 4K demo ที่เตรียมไว้ ภาพอย่างโหดกระโดดปาดคอ
สีสันสดใส เปรี้ยวจี๊ดจ๊าด เปิดไฟล์ HDR ก็บ้าพลังอลังการงานสร้างเหลือเกิน
ลองกับไฟล์ 1080p ให้ทีวีอัพสเกลภาพ จะเห็นเลยครับว่า แนวการอัพสเกลของแซมซังนั้นจะต่างไปจากยี่ห้อญี่ปุ่น
คือ ภาพจะดูอิ่มมากๆ ให้มิติแถวลึกได้ดี แต่ดูๆไปก็เหมือนกับการจงใจอัพสเกลมากไป
มันหลอกๆตายังไงไม่รู้ โหมดภาพสำเร็จรูปยี่ห้อนี้ผมก็ชอบอยู่สองโหมดคือ ธรรมชาติ กับ ภาพยนตร์
แน่นอนครับว่าโหมดภาพยนตร์จะให้สีที่ถูกต้องที่สุด
และให้ภาพดูอ่อนโยนที่สุด แต่ผมดูแล้วก็ยังรู้สึกได้ว่าแนวภาพของ แซมซังนั้นรุกเร้าผู้ชมมากครับ
คือ ดูไปเรื่อยๆแล้วผมรู้สึกเหนื่อยมาก และ มีอาการเลี่ยนผสมด้วย
เนื่องจากสีของแซมซังนั้น  สด อิ่ม เกินความเป็นจริงมากเกินไป เหมือเอาสีมาสาดใส่หน้าเรายังไงอย่างนั้น ๕๕๕๕
ภาพรวมก็จะดูใสเกินความเป็นจริง ไม่เหมือนภาพที่เราดูด้วยตาเปล่า
แต่จะเหมือนดูสิ่งต่างๆผ่านกระจกใสที่ใช้น้ำยาเช็ดกระจดขัดเงาเพราะมันใสไปหมด

พอเปลี่ยนมาดูรุ่นรองลงมาอย่าง KS7500 ก็จะดูผ่อนคลายกว่าเดิม
ส่วนตัวผมว่า KS7500 นี่ภาพกำลังดีเลยสีมันดูไม่พุ่งใส่ตาเรามากเกินไปครับ


กลับมาที่ sony อีกครั้ง คราวนี้เป็นรุ่นทอป sony 55X9300D
แม้ว่าภาพรวมรวมจนถึงภาพเคลื่อนไหวนั้นจะดีกว่า sony ตัวอื่นๆทุกตัว
แต่ผมก็ยังรู้สึกว่าไม่โดนใจเท่าไหร่ รุ่นนี้เปิดโหมดภาพ custom,cinema home ,cinema pro
สีก็ยังติดฝุ่นเหมือนsonyรุ่นอื่นๆ ซึ่งผมเองเคยได้ลอง sony ทั้งใช้เองเลยของเพื่อนมาหลายรุ่น
รุ่นเก่าๆสีมันไม่ติดฝุ่นเท่ารุ่นใหม่ๆนะ พอมาเจอแบบนี้ก็เลยไม่ชอบครับ(เงินไม่ถึงด้วยแหละ๕๕๕)


ตอนนี้ อันดับ1 ในใจ คือ Panasonic 50CX600T





แต่.......


เหมือนผมจะมองข้ามรุ่นหนึ่งไป นั่นคือ........sony 55X9000C รุ่นจอบางเฉียบ
ซึ่งก่อนหน้านี้ประมาณสองเดือนที่แล้ว อยู่ดีๆคืนหนึ่งผมก็ฝันว่าได้ลองรุ่นนี้เฉยเลย
ทั้งๆที่ผมไม่มีความต้องการหรืออยากได้จะได้รุ่นนี้เลยสักนิด แม้จะได้ดูรุ่นนี้ตามร้านทีวีอยู่บ่อยๆ
ซึ่งที่ผมไม่สนใจรุ่นนี้ก็เป็นเพราะ 1 เป็นจอ IPS ซึ่งไม่ค่อยถูกจริตกับผมนัก
2 หน้าจอสะท้อนฉิบหายวายวอด 3 เปิดกับdemoแล้วดูบ้านๆมาก(เทียบ X9300D ไม่ได้เลย)
แต่วันนี้ผมได้มาประชันหน้ากับมันตาม เดจาวู ในฝันแล้ว ก็ขอลองสักตั้ง
พอได้ลอง....ผลที่ออกมาผิดไปจากที่คาดครับ
รุ่นนี้อัพสเกลภาพได้ยอดเยี่ยมมากๆครับ พอๆกับ X9300D เลย
เปิดไฟล์ 1080p ถ้าเป็นหนังที่ภาพสวยอยู่แล้วเช่น pacific rim ภาพที่ได้นั้น
จะดูเนียนและละเอียดมากๆ พอดูห่างออกไปสักสองเมตร แทบจะไม่รู้เลยว่านี่คือไฟล์ 1080p
ภาพเคลื่อนไหวก็ดีโดยไม่ต้องใช้ระบบแทรกเฟรมภาพเข้าช่วย ยิ่งไฟล์ 60fps นี่ดูลื่นๆเลย
แถมสีสันในโหมด custom,cinema home,cinema pro นั้นถูกต้องแม่นยำมากๆครับ
เนื้อสีมีความฉ่ำน้ำ สะอาด เนียนละเมียด สีไม่มีอาการติดฝุ่นติดโคลนเหมือน sony รุ่นอื่นเลย
คือ สีมีความเป็น sony ยุคเก่าอย่าง HX855 ผสานกับsonyยุคtriluminos อย่าง W904a
ได้อย่างลงตัว
แถมลำโพงเสียงดีโคตรๆครับ ชัดเจน จะแจ้ง รายละเอียดเยอะ จังหวะโคนเสียงต่างๆมีแรงปะทะดีมาก
เสียงลำโพงรุ่นนี้ให้เสียงที่ดีกว่าทีวีทุกตัวที่ผมลองมาหมดเลย
ผมใช้เวลากับการเทส X9000C นานมากครับ แม้จะดูนานๆก็ไม่รู้สึกเหนื่อย ไม่รู้สึกอึดอัดแต่อย่างใด
มีแต่ความรู้สึกที่อยากจะดูไปเรื่อยๆไม่หยุด
ภาพรุ่นนี้มันมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ต่างจาก sony รุ่นอื่นๆ มันมีความอินดี้แต่ยังอยู่บนขอบเขตของความเป็นจริง
ซึ่งคุณลักษณะนี้ตรงกับที่ผมต้องการเลยครับ

สุดท้ายผมจึงตัดสินใจ ถอยหมอน sony 55X9000C มาใช้ครับ
ตอนนี้มันมาประจำการที่ร้านผมแล้ว ซึ่งแม้ระดับสีดำมันจะห่วยเพราะเป็นจอ IPS
แต่ก็ไม่มีปัญหาครับ เพราะผมใช้งานในห้องสว่าง ไม่ได้ใช้งานในห้องมืด

เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
- บางทีสิ่งที่เราไม่เคยสนใจเลยบางทีมันก็อาจจะเป็นสิ่งที่เหมาะสมกับเราก็ได้
- อย่าไปเชื่อไอ้ถอยหมอนมาก ลองด้วยตัวเองก่อนซื้อว่าเราชอบรุ่นนั้นจริงหรือเปล่า ๕๕๕๕๕

...................................................................ขอบคุณครับ



หน้า: [1] 2 3 4