รีวิว Polk Audio HTS12 Active Subwoofer ขนาด 12 นิ้ว ให้เสียงกระหึ่มลงลึกสะใจ ดูหนังก็มันส์ ฟังเพลงก็สนุก

REVIEW

รีวิว Klipsch Bar 40 ซาวด์บาร์สไตล์วินเทจ มาพร้อมทวิตเตอร์แบบ Tractrix horn ให้เสียงชัดเจน จัดจ้าน ดุดัน ดูหนังก็ดี ฟังเพลงก็สนุก
รีวิว Maleficent Mistress of Evil มาเลฟิเซนต์ นางพญาปีศาจ ตื่นตาตื่นใจพร้อมท่องโลกนิยายไปกับแอฟเฟคสุดมหัศจรรย์
รีวิวหนัง Joker - โจ๊กเกอร์ เศร้า หดหู่ คุณภาพระดับออสการ์
รีวิว ViewSonic X10-4K Smart Projector 4K HDR ดู YouTube Netflix ได้ มาพร้อมลำโพงจาก Harman/Kardon
รีวิว Exit ฝ่าหมอกพิษ ภารกิจรัก | หนังเกาหลีสนุก ดูเพลิน มีฉากให้ต้องลุ้นกันทั้งเรื่อง

updated: 2019-09-30 16:13:30

By: TopZaKo

Read: 9191 | Reply: 0

รีวิว Polk Audio HTS12 Active Subwoofer ขนาด 12 นิ้วให้เสียงกระหึ่มลงลึกสะใจ ดูหนังก็มันส์ ฟังเพลงก็สนุก
Polk Audio HTS12 Active Subwoofer ราคา 19,900 บาท
"เสียงเบส" หรือ เสียงความถี่ต่ำ เป็นเสียงที่ช่วยเพิ่มอรรถรสในการรับชมภาพยนตร์ ดูคอนเสิร์ต รวมถึงการฟังเพลงต่างๆ ได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นเพลงแดนซ์ที่มีเสียงเบสแบบรุกเร้า ไปจนถึงภาพยนตร์ Action ที่มักจะมีเสียงยิงปืน เสียงระเบิด เสียงการเดินของหุ่นยนต์ยักษ์ หรือ เสียงเครื่องยนต์ของยานอวกาศต่างๆ และยิ่งเฉพาะหนังใหม่ๆ ในยุคนี้เรียกได้ว่าใส่เสียงเบสมากันแบบไม่ยั้งเลยทีเดียว
ซึ่งลำโพงที่จะให้เสียงเบสได้แบบที่กล่าวไปจะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากลำโพง Subwoofer นั่นเอง แต่ถ้าหากเป็นลำโพง Subwoofer ที่ไม่มีคุณภาพพอเวลาเจอเสียงเบสหนักๆ หรือเปิดในระดับความดังที่มากอาจมีอาการเสียงเพี้ยน หรือ เสียงแตกได้ ซึ่งจะพาให้อรรถรสในการรับชมภาพยนตร์หรือการฟังเพลงของเราลดลงไปอย่างแน่นอน โดยในวันนี้ผมจะพาทุกคนไปรู้จักกับ อีกหนึ่งลำโพงลำโพง Active Subwoofer ที่มีคุณเสียงดีเยี่ยม จากประเทศสหรัฐอเมริกา ลำโพงที่ว่านั้นก็คือ Polk Audio HTS12 ลำโพง Active Subwoofer ขนาด 12 นิ้ว จากลำโพงตระกูล Signature Series นั่นเอง !!!

ด้านหน้าของ Polk HTS12 แบบไม่ใส่หน้ากากลำโพง
มาเริ่มที่ดีไซน์กันก่อนนะครับ Polk Audio HTS12 เครื่องนี้เป็นลำโพง Active Subwoofer ที่มาพร้อมภาคขยายในตัว เป็นแอมป์ Class D ให้กำลังขับอยู่ที่ 200 W (กำลังขับสูงสุดที่ 400W) สามารถตอบสนองความถี่ได้ที่ 22 ถึง 180 Hz เรียกได้ว่าลึกก็สะใจ เบสต้นก็ไม่บกพร่อง !!!

ด้านหลังของ Polk HTS12
ส่วนตัวตู้นั้นใช้การออกแบบมาในลักษณะเดียวกับลำโพงในตระกูล Signature Series ที่มีตัวตู้เป็นลายไม้ ด้านหน้าจะเป็นบริเวณดอกลำโพงที่สามารถถอดหน้ากากได้ ซึ่งดอกลำโพงจะมาในโทนสีเทาตัดกับสีของตัวตู้ให้ความสวยงามมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ส่วนขนาดของตัวตู้นั้นถือว่าค่อนข้างใหญ่พอสมควร โดยมีความสูงอยู่ที่ 18.5 นิ้ว ความกว้าง 17.1 นิ้ว ความยาว 18.1 นิ้ว และมีน้ำหนัก 22.6 กิโลกรรม ซึ่งถือว่าหนักพอสมควร แต่ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีสำหรับลำโพง Subwoofer เพราะตัวตู้ที่หนักนี้จะทำให้ตัวลำโพงมีความมั่นคง ลดการสั่นสะเทือนของตัวตู้ที่จะทำให้เกิดความเพี้ยนของเสียงเวลาเปิดในระดังความดังที่สูง

ตัวอย่างลำโพงรุ่นอื่นๆ ในตระกูล Signature Series

ตัวอย่างด้านหน้าของลำโพงแบบใส่หน้ากาก
อีกจุดหนึ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของการออกแบบทางด้านเสียงของลำโพงในตระกูล Signature Series นั่นก็คือ การออกแบบท่อระบายเบสที่เรียกว่า Power Port โดยจะเป็นการออกแบบที่ยกตัวตู้ขึ้น เพื่อยิ่งเสียงผ่านท่อระบายเสียงเบสยิงลงด้านล่าง และมีการออกแบบให้มีแท่งที่มีลักษณะเหมือนกรวยหัวแหลมตั้งขึ้นไปในท่อเบส ซึ่งการออกแบบแบบนี้จะทำให้เสียงเบสที่ออกมานั้นมีความแผ่กระจายไปทั่วทั้งห้องแต่ก็ยังคงมีความคมของเสียงอยู่ เรียกได้ว่าเป็นลูกผสมของ Subwoofer แบบ Down Firing ผสมผสานกับแบบ Front Firing ทำให้เสียงที่ได้ดีกว่าการออกแบบแบบทั่วไป

Power Port ที่ช่วยให้เสียงเบสแผ่กระจายทั่วห้อง

ช่องต่อบริเวณด้านหลังของตัว Subwoofer
ในส่วนของช่องและปุ่มปรับต่างๆ ของ Polk Audio HTS12 ตัวนี้ก็ถือให้มาแบบครบครัน ประกอบไปด้วย สวิตช์ เปิด/ปิด(Auto) ตัวเครื่อง, สวิตช์ ปรับเฟส 0 องศา กับ 180 องศา, ช่องต่อ Line In L/R, ช่องต่อ LFE, Volume ปรับความดัง, ที่หมุนปรับ Cross Over ตั้งแต่ 40Hz ไปจนถึง 160 Hz และ ช่องต่อกับอุปกรณ์ส่งสัญญาณแบบไร้สาย โดยรุ่นนี้จะไม่มีช่องต่อแบบ Hi-Level ที่เป็นสายลำโพงมาให้แล้ว อาจจะทำให้ไม่สามารถนำไปใช้ร่วมกับ Integrated Amplifier บางรุ่นได้

ถึงเวลาทดสอบใช้งานจริงกันแล้วครับ
ในการทดสอบ ผมได้ทำการ Set Up ระบบเสียงไว้ในรูปแบบ 5.1 CH เข้ากับ AVR พร้อมลำโพงจากแบรนด์ Onkyo ซึ่งเมื่อใช้งานร่วมกับ Sub ตัวนี้บอกเลยว่าเสียงเข้ากันแบบสุดๆ ส่วนในการต่อสัญญาณเสียงจาก AVR ไปที่ตั่ว Subwoofer นั้นผมได้ทำการต่อแบบ LFE โดยทำการเชื่อมต่องจากช่อง Subwoofer Out ของ AVR มาเข้าที่ช่อง LFE ของตัวลำโพง Subwoofer โดยได้ตัดคอสของ AVR ไว้ที่ 80Hz ส่วนที่ตัว Subwoofer ได้หมุนปุ่มปรับ Cross Over ไว้ที่ 180 Hz (Bypass) เพื่อใช้จุดตัดความถี่จากตัว AVR เลยนั่นเองครับ
ข้อแนะนำ : หากใครที่มีประสบการณ์ในการเล่นเครื่องเสียงมาระดับหนึ่ง ผมแนะนำให้ทำการเชื่อมต่อแบบ สาย RCA 1 ออก 2 จากช่อง Subwoofer Out ที่ตัว AVR เข้าที่ช่อง L/R ของ ตัว Sub เพื่อที่เราจะสามารถใช้ภาค Cross Over ของตัว Subwoofer ที่จะสามารถปรับได้ละเอียดกว่าบน AVR แถมการต่อแบบนี้ยังให้เนื้อเสียงและน้ำหนักของเสียงที่ดีกว่าการต่อแบบ LFE ปกติด้วยครับ
>>> อ่านต่อหน้า 2 คลิกที่นี่ <<<

Tag:

COMMENTS

ARTICLE