หลายท่านที่ได้ติดตามเว็บไซต์ของเราอยู่เป็นประจำคงจะได้เคยตามอ่านรีวิวเครื่องเล่น Android Box ในแบรนด์ที่ใช้ชื่อว่า “Cloud” ไม่ว่าจะเป็น CloudHD 1195+ และ CloudHD TV ซึ่งหลังจากที่ห่างหายไปนานสำหรับแบรนด์นี้มาในครั้งนี้ก็กลับมาพร้อมเครื่องเล่นตัวใหม่ที่รองรับการเล่นไฟล์และแสดงผลได้ในระดับ 4K กันเลยทีเดียว
สำหรับเครื่องเล่นตัวใหม่ล่าสุดของแบรนด์นี้จะมีชื่อว่า “CloudTV 4K“ โดยชื่อของมันสามารถบอกได้ว่ามันสามารถรองรับการใช้งานรับชมทีวี และสามารถเล่นไฟล์หรือแสดงผลได้ที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 4K ซึ่งความสามารถในการรับชมทีวีของเจ้าเครื่องเล่นตัวนี้ก็คือเราสามารถเสียบสายอากาศเพื่อรับชมดิจิตอลทีวี DVBT2 ได้ในตัวเลยล่ะ
CloudTV 4K ตัวนี้อาจจะเรียกได้ว่าเป็นเครื่องเล่นแบบ All-in-One ที่สามารถใช้งานเครื่องเล่นตัวนี้ตัวเดียวก็สามารถตอบสนองเราได้แทบจะทุกอย่าง โดยที่ไม่ต้องสลับเครื่องเล่นไปมาให้ยุ่งยากเลยแม้แต่น้อย ไม่ว่าเราต้องการจะรับชมรายการต่างๆ ผ่านทางดิจิตอลทีวี หรือต้องการที่จะเล่นไฟล์ต่างๆ จากแหล่งบันทึกภายนอก และหรือต้องการที่จะใช้งานแอพพลิเคชันผ่านทางอินเทอร์เน็ต เพียงแค่มีเครื่องเล่นตัวนี้เพียงเครื่องเดียวก็สามารถตอบสนองการใช้งานของเราได้อย่างครบครัน
โดยเครื่องเล่นตัวนี้จะมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android เวอร์ชัน 5.1.1 (Lollipop) ที่มีลักษณะการใช้งานคล้ายๆ กับ Android Box ตัวอื่นๆ แต่ความพิเศษของมันคือจะมาพร้อมกับความสามารถในการรองรับการเล่นไฟล์ที่มีความละเอียดระดับ 4K ได้ในตัว
สเปคของตัวเครื่องจะมีรายละเอียดดังนี้
CPU: Amlogic S905 Quad Core 2.02 GHz (Cortex-A53)
GPU: Penta-core ARM Mali-450MP
Ram: 2GB DDR3
Flash Memory: 8GB
Operating: Android 5.1 (Lolipop)
Network: Built-in Wireless 802.11 b/g/n and Ethernet LAN 10/100 Mbps
Design – การออกแบบ
ก่อนที่จะไปเริ่มทดสอบการใช้งาน CloudTV 4K ตัวนี้กัน ต้องขอพาคุณผู้อ่านทุกท่านมาเริ่มดูกันที่งานดีไซน์กันสักเล็กน้อย โดยวัสดุที่ใช้ขึ้นรูปตัวเครื่องทั้งหมดจะเป็นพลาสติกและใช้โทนสีดำแบบมันเงาเกือบแทบทั้งหมด ซึ่งที่ด้านบนของตัวเครื่องจะมีลายสกรีน CloudTV 4K แปะเอาไว้อีกด้วย
Connectivity – ช่องต่อ
หลังจากที่ได้ไปดูในส่วนที่เป็นดีไซน์ของเจ้า CloudTV 4K ไปกันแล้วเมื่อสักครู่นี้ ถัดจากนี้ก็ต้องของพาคุณผู้อ่านตามมาดูกันที่พอร์ตช่องเชื่อมต่อที่มีอยู่บนตัวของเครื่องเล่นตัวนี้ว่ามีพอร์ตชนิดไหนใส่มาให้เราได้เลือกใช้งานกันบ้างแล้วล่ะ
สำหรับช่องต่อที่อยู่ทางด้านหลังจะประกอบไปด้วยพอร์ตต่างๆ ดังนี้
1. พอร์ต RF IN สำหรับใช้เสียบสายอากาศดิจิตอลทีวี DVBT2 จำนวน 1 ช่อง
2. พอร์ต RF OUT สำหรับใช้พ่วงสัญญาณดิจิตอลทีวี DVBT2 ผ่านทางสายอากาศไปยังจูนเนอร์ตัวอื่นๆ จำนวน 1 ช่อง
3. พอร์ต Mini ที่ใช้แปลงสัญญาณออกไปในรูปแบบของ Video และ Audio จำนวน 1 ช่อง
4. พอร์ต LAN 10/100 สำหรับใช้เชื่อมต่อกับเครือข่ายผ่านทางสาย LAN จำนวน 1 ช่อง
5. พอร์ต HDMI 2.0 สำหรับใช้เชื่อมต่อภาพและเสียงผ่านทางสาย HDMI จำนวน 1 ช่อง
6. พอร์ต Optical OUT สำหรับเชื่อมต่อสัญญาณเสียงดิจิตอลผ่านทางสาย Optical จำนวน 1 ช่อง
7. พอร์ต Power ใช้สำหรับเชื่อมต่อเข้ากับอะแดปเตอร์ (DC 12V) จำนวน 1 พอร์ต