ภาพ
สเปคด้านภาพ ของ Hisense B7700 เครื่องนี้ เป็น TV ความละเอียด 4K UHD หรือ 3840 x 2160 พิกเซล ใช้ พาเนลแบบ VA ที่ให้คุณภาพของภาพรวมถึงระดับความดำอยู่ในเกณฑ์ที่ดี มาพร้อมรองรับการแสดงผลภาพแบบ HDR ทั้ง HDR 10 และ HDR ขั้นสูงสุดในปัจจุบันอย่าง Dolby Vision มี ความสว่างสูงสุดอยู่ที่ 340 nits ในโหมด HDR Dynamic ซึ่งโดยรวมถือว่าสว่างในระดับกำลังดีสำหรับห้องทั่วๆ ไป แต่หากใครที่นำไปใช้งานที่ห้องโดนแสงแดดสาดส่องเข้ามาแบบเต็มๆ อาจจะต้องหา “ม่านคุมแสง” มาช่วยสักเล็กน้อยครับ
เรื่องคุณภาพของภาพ แม้ B7700 เครื่องนี้จะเป็น TV 4K รุ่นระดับกลางแต่คุณภาพของภาพก็ไม่ได้ลดหย่อนจากรุ่นใหญ่เลย ภาพมาในโทน “คมชัดสบายตาเป็นธรรมชาติ สีสันมีความสดอิ่มในระดับหนึ่ง” โหมดภาพสำเร็จรูปจากโรงงานถือว่ามีความเที่ยงตรงในระดับ “ใช้ได้”
ในการรับชม คอนเทนต์ ทั่วไปในรูปแบบ SDR ปกติ เช่น Digital TV หรือ แผ่น Blu-ray ธรรมดาทั่วไป โหมดภาพที่แนะนำ ให้เลือกใช้จะเป็น โหมด Calibrated โดยแนะนำให้ปรับ Contrast ลงเหลือประมาณ 36 จะช่วยลดอาการภาพโพลนหรือทำให้สามารถเห็นรายละเอียดภาพในที่สว่าง หรือ Highlight Details ได้ชัดเจนมากขึ้น
**B7700 เครื่องนี้มีเครื่องมือปรับภาพแบบละเอียด อย่าง 20p White Balance, CMS และ Gamma แต่ผลลัพธ์ยังออกมาไม่ดีนัก เพราะหากเราปรับค่าพารามิเตอร์ในบางส่วนมากเกินไป สีสันของภาพโดยรวมจะเกิดอาการผิดเพี้ยนขึ้นมา คาดว่าจะมีการอัพเดทเฟิร์มแวร์เพื่อแก้ไขปัญหาตรงจุดนี้ในอนาคตอย่างแน่นอน ตอนนี้จึงแนะนำว่าให้เลือกปรับ White Balance แบบ 2P ก็เพียงพอครับ**
ต่อมาในส่วนของการแสดงผลภาพ HDR 10 กันบ้าง โดย โหมดที่ให้ค่าสมดุลสีที่ดีที่สุด ให้ภาพที่เป็นธรรมชาติใกล้เคียงมาตรฐานภาพตามอุตสาหกรรมภาพยนตร์ที่สุด จะเป็นโหมด HDR Cinema อาจจะมีติดภาพโทนอุ่นสักเล็กน้อย แต่โดยรวมถือว่าเที่ยงตรงพอสมควร สามารถวัดค่า ขอบเขตสี จากโหมดนี้ได้ที่ 74.9% ของมาตราฐาน DCI-P3 ส่วนความสว่างจะอยู่ที่ 257 nits เท่านั้นในโหมดนี้ ซึ่งอาจดูมืดสักเล็กน้อยในห้องที่มีแสงสว่างมาก แต่หากดูในห้องที่ปิดไฟ หรือมีม่านมากันแสงจากภายนอกสักหน่อยภาพที่ได้ออกมาดีเลยทีเดียว
สิ่งหนึ่งที่ผมรู้สึกประหลาดใจหลังจากได้สัมผัส B7700 เครื่องนี้คือไม่น่าเชื่อว่า TV ราคาระดับนี้จะ รองรับ การแสดงผลภาพแบบ Dolby Vision ด้วย โดยภาพที่ได้ก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดี พอสมควรสำหรับ 4K TV ระดับกลาง มีความสวยงามเป็นธรรมชาติ ไล่เฉดแสงสี รวมถึงสีสันมีความฉูดฉาดแบบพอดีๆ โดยหากใครที่อยากได้คุณภาพของภาพที่สดเด้งดีขึ้นไปอีกก็แนะนำให้อัพเป็น ULED รุ่น B8000 หรือจะเลือกเป็น OLED TV รุ่น A91 ไปเลยจะดีกว่า
ซึ่งในการแสดงผลภาพแบบ Dolby Vision ใน B7700 เครื่องนี้จะมีตัวเลือกโหมดภาพให้เพียง 2 ตัวเลือก เท่านั้น โดยสามารถเลือกใช้งานเป็นโหมด Dolby Vision Bright หรือ Dolby Vision Dark ได้ตามสภาพแสงภายในห้องหรือตามความรอบได้เลยครับ
B7700 เครื่องนี้ยังมีฟีเจอร์ Motion แทรกเฟรมภาพ มาให้ด้วย โดยหากใครที่ชอบภาพแบบลื่นไหลก็สามารถเลือกปรับได้ตามสบาย แต่หากใครที่ต้องการภาพไหลลื่นตามแบบภาพต้นฉบับแนะนำให้เลือกเป็นแบบ Custom แล้วปรับระดับ Dejudder เป็น 1 (มากสุด 3) จะได้ภาพที่เป็นธรรมชาติที่สุดครับ
อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ถือเป็นทางเลือกให้ผู้ใช้งานคือฟีเจอร์ Dimming โดยหากเปิดฟีเจอร์นี้จะเป็นการหรี่หรือ Dim หลอดไฟทั้งจอลงในฉากมืด ซึ่งในการรับชมจริงอาจทำให้ภาพมีอาการวูบวาบเสียอรรถรสในการรับชมได้ จึง แนะนำให้ปิด ฟีเจอร์นี้จะดีกว่า
มาปิดท้ายการทดสอบภาพกับการการ เล่นเกม Street Fighter V บน PS4 Pro กันสักหน่อย ในส่วนของ Input Lag สำหรับโหมด Game ของ B7700 เครื่องนี้จะอยู่ที่ 45.1 ms ถือว่าอยู่ในระดับที่ดี ไม่เจออาการดีเลย์ต่อการตอบสนองของจอยแต่อย่างใด ส่วนโหมดอื่นๆ จะมีค่า Input Lag ที่ใกล้เคียงกันอยู่ที่ประมาณ 65.7 ms ซึ่งถือว่าไม่เยอะกว่ากันสักเท่าไหร่
เสียง
คุณภาพเสียง ของ B7700 เครื่องนี้สามารถตอบสนองต่อการใช้งานทั่วไปได้เป็นอย่างดี จากการทดสอบผมแนะนำให้เลือกใช้ 2 โหมดด้านล่างนี้ได้ตามใจชอบเลยครับ
โหมดมาตรฐาน : เป็นโหมดที่ให้เนื้อเสียงเป็นธรรมชาติที่สุด เนื้อเสียงโดยรวมมีความชัดเจน เบสมาแบบพอดีๆ
โหมดโรงภาพยนตร์ : โหมดนี้จะเป็นการจำลองเสียงรอบทิศทางขึ้นมาจากลำโพงทีวี ซึ่งจากการทดลองรับชมคอนเสิร์ตเมื่อเปิดโหมดนี้ บรรยากาศของเสียงนั้นกว้างขึ้นจริงๆ แบบฟังได้ไม่ยาก
แนะนำ : ฟีเจอร์ Total Sonic : ในโหมดนี้เนื้อเสียงโดยรวมจะเหมือนเดิม แต่จะเป็นการเพิ่มเสียงเบสขี้นมาให้ระดับหนึ่งแบบสัมผัสได้เลย แต่โหมดนี้จะให้เสียงที่เบา ต้องเร่งมากกว่าปกติพอสมควรถึงจะอยู่ในระดับการฟังทั่วไป