23 Aug 2021
Review

รีวิว JBL Control Xstream + Denon DP-450USB ผสานความคลาสสิคจากแผ่นเสียงแอนะล็อก เข้ากับลำโพงไลฟ์สไตล์ยุคดิจิทัล


  • ชานม

เสียงแบบแอนะล็อกจากเครื่องเล่นแผ่นเสียงยังคงเสน่ห์แบบคลาสสิคน่าหลงใหล แต่บางคนอาจลังเลเพราะกลัวว่ามันยุ่งยาก อุปกรณ์เทอะทะ และดูเชย วันนี้ทีมงานจึงมี “ชุดเครื่องเสียงขนาดย่อม” ที่ผสมผสานความเป็นแอนะล็อกและดิจิทัลเข้ากับไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ได้อย่างลงตัว มาแนะนำให้ลองพิจารณากันครับ !

JBL Control Xstream และ Denon DP-450USB คือ คู่หูชุดเครื่องเสียงดังกล่าว ที่ให้ทั้งความทันสมัยและคลาสสิคในเวลาเดียวกัน ช่วงนี้ทางตัวแทนจำหน่าย กำลังทำโปรโมชั่นอยู่ด้วย เมื่อพิจารณาคุณสมบัติเทียบกับราคาจึงยิ่งน่าสนใจ ส่วนผลการใช้งานจริงจะเป็นเช่นไร ติดตามในรีวิวนี้ต่อได้เลย…

JBL Control Xstream – การออกแบบ

มาทำความรู้จักอุปกรณ์ในชุดกันก่อน เริ่มที่ JBL Control Xstream ซึ่งเป็นลำโพงแอ็คทีฟแบบสเตอริโอ ติดตั้งภาคขยายแยกอิสระข้างละ 30W RMS การเชื่อมต่อสัญญาณระหว่างกันเป็นแบบไร้สาย เวลาใช้งานจะต้องเชื่อมต่อสายไฟทั้ง 2 ข้าง

มี 24-bit/96kHz DAC คุณภาพสูงในตัว ช่องสัญญาณเสียงรองรับ “AUX 3.5mm” หรือเชื่อมต่อไร้สายทั้ง “Wi-Fi (2.4/5 GHz)” และ “Bluetooth 4.2” สามารถใช้งานคุณสมบัติล้ำ ๆ อย่าง “Chromecast” (ฟังเพลงแบบ Streaming) และ “Google Assistant” (ควบคุมด้วยคำสั่งเสียง โดยพูดผ่าน Smartphone) ได้

อุปกรณ์อื่นที่ให้มาในกล่อง นอกจากตัวลำโพง ก็มีสายไฟเลือกหัวปลั๊กได้หลากหลายมาตรฐาน ยาว 1.5 ม. (ให้มาอย่างละ 2 ชุด) และ คู่มือการใช้งาน
ตัวตู้ขึ้นรูปจากพลาสติกเนื้อแน่นที่ทนทานต่อความเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศและความชื้น น้ำหนักตกข้างละประมาณ 2.7 กก. หน้ากากเป็นตะแกรงพลาสติกหุ้มใยสังเคราะห์พร้อมโลโก้ JBL ที่กึ่งกลาง มีสัญลักษณ์ Wi-Fi เล็ก ๆ ข้างล่าง บ่งบอกความสามารถรองรับการเชื่อมต่อสัญญาณแบบ “ไร้สาย”
ภายใต้หน้ากาก ติดตั้งตัวขับเสียงสูงแบบ Soft Dome ขนาด 1 นิ้ว และวูฟเฟอร์ขนาด 5.25 นิ้ว ให้ย่านการตอบสนองความถี่ครอบคลุมที่ 70Hz – 20kHz มีไฟ LED บอกสถานะเล็ก ๆ ที่กึ่งกลาง และตัดขอบโดยรอบด้วยวัสดุสีเงินโครเมียมตัดกับผิวลำโพงสีดำด้านดูโดดเด่นดี
ลำโพงหลักจะมีปุ่มควบคุมที่ด้านบน (ใช้ควบคุมลำโพงอีกข้างได้พร้อมกัน) ประกอบไปด้วยปุ่ม On/Standby, – ลดเสียง, Play, + เพิ่มเสียง และ Bluetooth ซึ่งเมื่อเปิดใช้งานจะมีไฟตามภาพ
ด้านบนลำโพงอีกข้างไม่มีปุ่มควบคุม แต่แทนที่ด้วยโลโก้ และชื่อรุ่นแทน
ด้านหลังเป็นตำแหน่งของช่อง Bass-Reflex จูนเสียงความถี่ต่ำ, จุดยึดสกรูกรณีที่จะแขวนผนัง (ขายึดแขวนผนังซื้อแยกต่างหาก), จุดเชื่อมต่อสัญญาณจะอยู่ใต้ฝายางที่มีโลโก้ JBL และชื่อรุ่นกำกับอยู่, จุดเชื่อมต่อสายไฟแบบ C7 (หัวเลข 8) อยู่ด้านล่าง

ช่องต่อ

ลำโพงหลัก เมื่อเปิดฝาที่เป็นยางออก จะพบไฟสถานะ Wi-Fi, สวิตช์กำหนดใช้งานเป็นลำโพงข้างซ้ายหรือขวา, สวิตช์ปรับชดเชยเสียงความถี่ต่ำตามลักษณะการติดตั้ง Wall/Other, ปุ่ม Reset, ช่องรับสัญญาณแอนะล็อกแบบ AUX-In 3.5 mm และปุ่ม Pair สำหรับจับคู่กับลำโพงอีกข้าง
ส่วนลำโพงอีกข้าง ใต้ฝายางจะมีเพียงสวิตช์ปรับชดเชยเสียงความถี่ต่ำตามลักษณะการติดตั้ง Wall/Other และปุ่ม Pair เท่านั้น ไม่มีปุ่มควบคุมอื่นใด (การจับคู่กับลำโพงอีกข้างจะเป็นแบบไร้สาย)