28 Feb 2016
Review

เพิ่มมิติของการรับชม เปลี่ยนการฟังเป็นการสัมผัส รีวิว Klipsch R-4B Soundbar & Wireless Subwoofer


  • lcdtvthailand

Sound – เสียง

หลังจากที่ทำความรู้จักกับ Klipsch R-4B กันมาพอสมควรแล้ว คราวนี้มาถึงเรื่องเสียง อย่างที่เกริ่นเอาไว้ในข้างต้นว่า บางท่านอาจมีพื้นที่ที่ไม่สะดวกต่อการจัดวางชุดโฮมเธียเตอร์ แต่ต้องการชุดเครื่องเสียงระดับคุณภาพที่ไม่กินพื้นที่ มาช่วยเพิ่มมิติและอรรถรสของการรับชมภาพยนต์ R-4B คงเป็นตัวเลือกที่ดีไม่น้อยเลยทีเดียว

เริ่มการทดสอบคุณภาพเสียงด้วยการรับชมภาพยนตร์เรื่อง Zodiac เป็นภาพยนตร์แนวสืบสวนเขย่าขวัญ ไล่ล่าฆาตกรชื่อดังในตำนานของอเมริกา โทนเสียงของเรื่องจึงเน้นความหนาของเบสในการบีบอารมณ์ มีบทสนทนาเยอะ และมีเสียงย่านแหลมบางๆ เพิ่มบรรยากาศให้ขนลุก

ตัวซาวด์บาร์ของ R-4B รองรับระบบ Dolby Digital เมื่อป้อนคอนเท็นต์ที่มี Dolby Digital ตัวเครื่องจะเข้าโหมด Dolby โดยอัตโนมัติ ไม่ต้องกดปุ่มใดๆ เสียงที่ได้จึงมีความสดสมจริง เก็บรายละเอียดเสียงได้เยี่ยม ชัดเจน จากปลายเสียงแหลมที่สว่างและเปิดกว้าง ทำให้ R-4B เก็บเสียงเอฟเฟ็กต์ต่างๆ ได้อยู่หมัดแบบสบายๆ

เสียงถูกขับมาจากโคนวูฟเฟอร์ขนาด 2.5 นิ้ว และทวีตเตอร์แบบ Horn Load ขนาด 0.75 นิ้ว อย่างละ 2 ตัว ออกมา 2 ทิศทาง อันเป็นเอกลักษณ์ของ Reference Series เพื่อเสียงที่เหมาะสมต่อการฟัง มีไดนามิกเรนจ์ที่กว้างไกล ให้เสียงกลางที่คม เก็บรายละเอียดปลายเสียงของย่านแหลมค่อนข้างดี

ขุมพลังเบสจากไดรเวอร์ขนาด 6.5 นิ้ว อยู่บริเวณใต้ตู้ซับวูฟเฟอร์ ยิงเสียงลงสู่พื้นห้อง

เมื่อผสานเข้ากับซับวูฟเฟอร์ที่เป็นลักษณะการยิงเสียงลงพื้น ทำให้ได้อารมณ์ในการดูมากขึ้นทีเดียว เป็นจุดแข็งของ R-4B เลย ให้ความรู้สึกไม่แพ้กับชุดโฮมเธียเตอร์ใหญ่ ขับย่านเสียงต่ำออกมาได้ลึกมาก สัมผัสได้ถึงแรงสะเทือนที่แผ่กระจายออกมา โดยไม่รู้สึกเป็นการพุ่ง หรือถูกอัดมาจากทิศทางของตู้เพียงทางเดียว จึงสร้างความเป็นเซอร์ราวด์ได้อย่างดีเยี่ยม

ภาพยนตร์เรื่อง Zodiac มีฉากบีบคั้นค่อนข้างเยอะ ใช้เบสและเสียงปลายแหลมเป็นตัวสร้างอารมณ์ความตื่นเต้น R-4B ให้เบสที่ลึกและทรงพลัง แม้ในย่านความถี่ต่ำที่ยากต่อการได้ยิน แต่สัมผัสได้ถึงความสั่นที่ค่อยๆ แผ่ไล่ขึ้นมา ผสานเสียง “วี้~” ซึ่งซาวด์บาร์ตอบสนองย่านแหลมได้ดี สอดเสียงแหลมลึก ทำให้รู้สึกอินโดยไม่รู้ตัว คอหนังไม่รู้สึกผิดหวังแน่ๆ

นอกจากการทดสอบด้วยภาพยนตร์แล้ว ยังทดสอบด้วยการฟังเพลงผ่านสัญญาณ Bluetooth เรื่องการเชื่อมต่อนั้นไม่มีปัญหาเลย ส่วนเรื่องเสียงถือว่าอยู่ในระดับดี เพลงที่ใช้ทดสอบมีหลายประเภทด้วยกัน

หลังจากทดลองฟังแล้ว R-4B นั้นไม่ขี้เหร่เลย ให้อารมณ์สเตอริโอดีๆ นี่เอง ตอบสนองการฟังเพลงได้หลากแนว โดยเฉพาะย่านแหลมที่ไต่ไปได้สูง มีความสว่างมาก แม้ไม่มีโทนเสียงให้เลือกให้ปรับแต่งก็ตาม ปลายเสียงบางช่วงยังจับทิศทางได้ไม่ถึงกับจะแจ้ง แต่พอปรับเสียงด้วยโหมด Voice Enhance ซึ่งโหมดนี้ไม่ได้มีดีแค่ปรับเสียงสนทนาของภาพยนตร์ให้ดังขึ้นเพียงอย่างเดียว ยังปรับสมดุลของย่านเสียง ให้มีความกระชับมากขึ้น ควบคุมย่านเสียงให้คมชัด ไม่บาดหู

ตัวซับวูฟเฟอร์เองก็ผสานกับซาวด์บาร์ได้อย่างลงตัว ถึงจะเป็นไดรเวอร์แบบยิงเสียงลงพื้น แต่เสียงเบสอันหนักแน่น ไม่ได้หายไปกับพื้นเสียทีเดียว ให้ทั้งเบสต้น เบสลึก หนา บาง ชนิดขึ้นสุดลงสุด อิ่มเอิบกันถ้วนหน้า

เพลงที่ใช้ในการทดสอบมีหลากหลายสไตล์ มีจุดเด่นในแต่ละย่านเสียงแตกต่างกัน ซึ่ง R-4B ตอบสนองได้ดี อย่างเพลง Happy Pills ของ Norah Jones ที่เน้นความสว่างของเสียงร้องและเบสหนึบๆ เสียงที่ได้จากซาวด์บาร์ให้ปลายเสียงร้องค่อนข้างสว่างเลยทีเดียว

Conclusion – สรุป

โดยภาพรวมแล้วแล้ว Klipsch R-4B คือซาวด์บาร์สำหรับการชมภาพยนตร์ที่ดีเยี่ยมจริงๆ แม้จะได้มิติเสียงไม่โอบล้อมเท่า 5.1 Channel แต่ก็เข้าถึงอารมณ์รสสัมผัสได้อย่างเต็มเปี่ยม ด้วยไดนามิกเสียงที่ครอบคลุม และเนื้อเสียงที่คมละเอียด เช่น ฉากริมถนนที่พลุกพล่านในภาพยนตร์รับรู้ได้ถึงเสียงลม เสียงรถยนต์ และเสียงรอบข้างที่ชัดเจน เหมือนนั่งอยู่ในเหตุการณ์ ซึ่งเพิ่มมิติด้วยการสั่นสะเทือนของเบส เปลี่ยนการฟังให้กลายเป็นการสัมผัส เติมเต็มองค์ประกอบของภาพยนตร์

โหมดการใช้งานต่างๆ ของ Klipsch R-4B เองก็มีส่วนช่วยให้รับชมภาพยนตร์ได้ดีขึ้นมาก โดยเฉพาะโหมด Voice Enhance ที่เพิ่มความดังเสียงบทสทนาของภาพยนตร์ ซึ่งบางครั้งเวลาเรารับชมภาพยนตร์ มีบางช่วงที่เสียงพูดค่อนข้างเบา เราจึงต้องเพิ่มความดังขึ้นมา พอตัวหนังมาถึงช่วงที่เสียงเอฟเฟ็กต์ดังๆ เช่น ฉากกระซิบแล้วต่อด้วยระเบิด เกิดปัญหาเบาเสียงแทบไม่ทัน เป็นปัญหาที่ทุกคนต้องเคยเจอแน่นอน เจ้าโหมดนี้ทำให้ความกังวลเรื่องเสียงนั้นหมดไป

และอย่างที่กล่าวไว้ การทำงานของโหมด Voice Enhance ไม่ได้มีดีแค่เรื่องเสียงของบทสนทนา ยังช่วยปรับสมดุลของความถี่เสียง ช่วยให้คุณภาพเสียงในการฟังเพลงมีความเฉียบ กระชับ ตอบสนองต่อย่านเสียงต่างๆ ได้ดีขึ้น เหมือนเรียบเรียงให้เข้าที่เข้าทางนั่นเอง โหมดนี้จึงนับว่าเป็นจุดเด่นอย่างมากของ Klipsch R-4B

ข้อดีของ Klipsch R-4B
1. ให้มิติเสียงได้ดีมาก เนื้อเสียงมีความคมชัด เพิ่มความสนุกของภาพยนตร์ได้อีกเท่าตัว
2. มีโหมดการใช้งานที่เหมาะสำหรับการชมภาพยนตร์อย่างแท้จริง
3.สามารถปรับชดเชยระดับเสียงของซับวูฟเฟอร์ต่างหาก ให้เข้ากับระดับเสียงของซาวด์บาร์ได้โดยการปรับที่รีโมต
4. ซับวูฟเฟอร์เป็นแบบไร้สาย สะดวกต่อการติดตั้ง

ข้อเสียของ Klipsch R-4B
1. ไม่มีช่องเชื่อมต่อ HDMI และไม่สามารถเชื่อมต่อด้วย Wi-Fi
2. ช่องเสียบ USB ที่ให้มา ไม่รองรับการเชื่อมต่อ USB Storage เพื่อฟังเพลง
3. จอแสดงผลไม่สามารถบอกระดับความดังของซาวด์บาร์ และระดับเสียงของซับวูฟเฟอร์ จึงยากต่อการอ้างอิงระดับเสียง

คะแนน

ดีไซน์ (Design)
8.00
เสียง (Sound)
8.25
ลูกเล่น (Features)
8.00
การเชื่อมต่อ (Connectivity)
7.50
ความคุ้มค่า (Value)
8.25
คะแนนตัดสิน (Total)
8.00

คะแนน Klipsch R-4B Soundbar & Wireless Subwoofer

8.0