18 Jul 2018
Review

รีวิว Klipsch The Sixes ลำโพง Active สไตล์ วินเทจ กับแนวเสียงที่ ใสนุ่มลึก ฉีกแนวความเป็น Klipsch ได้อย่างดีเยี่ยม


  • TopZaKo

Sound – เสียง

และแล้วเราก็มาถึงส่วนที่ทุกคนรอคอยแล้วนะครับ นั่นก็คือในส่วนของเสียงของเจ้า Klipsch The Sixes นั่นเอง ผมต้องบอกก่อนว่าหลังจากการที่แกะกล่องครั้งแรก เสียบสายแล้วเปิดฟัง เสียงที่ได้นั้นถือว่าดีเยี่ยมตั้งแต่แรก เรียกได้ว่าแทบไม่ต้องเบิร์นกันเลยทีเดียว เสียงของลำโพงตัวนี้โดยรวมจะออกแนวฟังเพราะ นุ่มๆ หวานๆ แต่ก็ยังมีน้ำมีเนื้อของเสียงทีดีมากพอสมควร

ทดสอบการฟังเพลงกับเครื่องเล่นแผ่นเสียง

ในส่วนแรกของการทดสอบ สิ่งแรกที่พอเห็นลำโพงตัวนี้แล้วอยากทดสอบมากเลยก็คือการฟังเพลงผ่านเครื่องเล่นแผ่นเสียง ซึ่งผมได้ทำการเชื่อมต่อตรงกับตัวลำโพงผ่านทางช่อง Phono Line In พร้อมเสียบสาย Ground กับตัวลำโพงเพื่อทดสอบเสียงจากภาคสัญญาณ Phono ของตัวลำโพง ซึ่งเพลงที่ใช้ทดสอบคือ Better be home soon ของ Andrea Zonn จากแผ่น Best Audiophile Voices II

เสียงแรกที่ได้ยินก็เป็นไปในแบบที่คิดไว้เลย คือเพราะมาก เพราะจนจนผมเผลอยิ้มออกมา เสียงร้องมีความชัดเจน มีความหวานนุ่ม ปลายเสียงร้องชัดเก็บตัวได้ดี เสียงย่านกลางจากเครื่องเคาะเครื่องสายต่างๆ มีความชัดเจนโดดเด่น รวมถึงเสียงกลองที่มีความทุ้มแบบนุ่มๆ แต่ก็ยังคงความชัดและเก็บตัวได้ดี เสียงเบสจากเครื่องสายก็มีความนุ่มลึกด้วยเช่นกัน โดยรวมแล้วแสดงความเป็นเสียงแบบ Analog ออกมาได้เยี่ยม

ทดสอบการฟังเพลงกับคอมพิวเตอร์

ต่อมาได้ทำการทดสอบการต่อกับคอมพิวเตอร์ผ่านช่อง USB-B โดยเล่นไฟล์เพลงแบบ Hi-Res ที่ความละเอียดเสียง 24bit/ 96kHz ผ่านโปรแกรม iTunes เพลงที่ใช้คือ That’s What I Like ของ Bruno Mars ตอนแรกผมก็แอบกลัวว่า Klipsch The Sixes เป็นลำโพงวางหิ้งอาจฟังเพลงแนวสนุกได้ไม่ดี แต่ไม่ใช่เลยครับ เสียงที่ได้ออกมาฟังสนุกมาก เสียงร้องมีความโดดเด่นชัดเจน ออกแนว นุ่มๆ เล็กน้อย เสียงเอฟเฟกต์ต่างๆ เสียงคอรัส มีความชัดเจน เสียงเบสมีความคมชัด มีแรงปะทะที่ดี หางเสียงเบสลึกๆ เบสมวลใหญ่ โดยรวมฟังแล้วต้องมีเผลอเต้นไม่ก็ร้องตามกันบ้างหละครับ

ทดสอบการฟังเพลงผ่าน Bluetooth

อีกส่วนสำคัญที่ขาดไม่ได้คือการฟังเพลงผ่านการเชื่อมต่อ Bluetooth โดยผมได้ทำการจับคู่กับ iPhone 7 Plus เปิดเพลงผ่าน Apple Music ในการทดสอบผมใช้ทั้งหมด 2 เพลง เพลงแรกที่ใช้คือ Ashes (เพลงประกอบภาพยนตร์ Deadpool 2) ของ Celine Dionเสียงที่ออกมานั้นสัมผัสได้ถึงเวทีเสียงที่มีความเงียบสงัดมาก เสียงร้องมีความชัดน้ำหนักเสียงที่เป็นธรรมชาติ แต่ก็เช่นเดิมออกหวานๆ นุ่มๆ เล็กน้อยตามสไตล์ของ Klipsch The Sixes เสียงเบสที่มาเป็นจังหวะๆ ก็มีความทุ้มหนักแน่น บางจังหวะที่เป็นเบสมวลใหญ่แผ่ออกมาก็ทำได้ดีเกินตัวพอสมควร ให้อารมณ์ดนตรีเพลงช้าแต่ทรงพลัง เวลาถึงท่อนพีค ด้วยกำลังขับ 200W นั้นก็ทำให้กำลังเสียงออกมาไม่มีความพร่ามัวของเสียงใดๆ เสียงร้องเสียงเครื่องดนตรียังคงชัดเจนไม่มีตก

ส่วนเพลงที่ 2 ผมมีความรู้สึกว่าอยากจะลองกับเพลงลูกทุ่งดูซักหน่อยด้วย เพลง กลับคำสาหล่า ของ ไมค์ ภิรมย์พร มาทดสอบ ซึ่งเสียงที่ได้ออกมาเป็นไปอย่างที่ผมคิดเลยคือ เสียงบรรยากาศเครื่องดนตรีต่างๆ มีความชัดเจนมาก เครื่องสาย เครื่องดีด เสียงกลอง แยกกันชัดเจน เสียงออกแนวหวานๆ ทำให้สัมผัสถึงบรรยากาศเพลงลูกทุ่งได้ดี

ทดสอบการดูหนังเรื่อง Interstellar

อ่านมาถึงตรงนี้หลายท่านอาจจะคิดว่าเป็นลำโพงฟังเพลงซะขนาดนี้ ถ้าจะเอามาดูหนังจะเป็นอย่างไร ผมก็เช่นกัน ได้ทำการต่อสาย Opticalจาก Oppo udp-205 มาสู่ตัวลำโพงซึ่งรองรับความละเอียดสูงสุดถึง 192 kHz 24-bit โดยหนังที่นำมาทดสอบคือภาพยนตร์เรื่อง Interstellar เป็นฉากที่จะปล่อยยานออกสู่นอกโลกเพื่อไปค้นหาดาวดวงใหม่ซึ่งเป็นฉากการพูดคุยระหว่าง ดร.แมนน์ กับลูกชายและพ่อของเขาเพื่อร่ำลา

เสียงพูดที่ได้จาก Klipsch The Sixes นั้นขอบอกเลยว่าเสียงหล่อมากครับ ฮ่าๆ  อาจจะมองว่าผมเล่นมุข แต่มันคือความจริงเพราะลำโพงตัวนี้ให้เสียงพูดของผู้ชายนั้นออกมาแบบ นุ่มๆ ทุ้มๆ ฟังดูสุภาพ และหลังจากการพูดคุยจบจะเป็นฉากการนับถอยหลังเพื่อปล่อยยานจนจุดชนวนขึ้นสู่อวกาศ เจ้า Klipsch The Sixes ตัวนี้ก็ให้พลังเสียงเบสได้ดีสัมผัสได้ถึงพลังของยานอวกาศได้ แต่ถ้าหากเปิดในความดังที่สูงหน่อยอาจมีความเพี้ยนของเสียงออกมาบ้างแต่ก็ไม่ถือว่ารบกวนการฟังเสียงโดยรวมครับ

เสียงพูดที่ได้จาก Klipsch The Sixes นั้นขอบอกเลยว่าเสียงหล่อมากครับ ฮ่าๆ  อาจจะมองว่าผมเล่นมุข แต่มันคือความจริงเพราะลำโพงตัวนี้ให้เสียงพูดของผู้ชายนั้นออกมาแบบ นุ่มๆ ทุ้มๆ ฟังดูสุภาพ และหลังจากการพูดคุยจบจะเป็นฉากการนับถอยหลังเพื่อปล่อยยานจนจุดชนวนขึ้นสู่อวกาศ เจ้า Klipsch The Sixes ตัวนี้ก็ให้พลังเสียงเบสได้ดีสัมผัสได้ถึงพลังของยานอวกาศได้ แต่ถ้าหากเปิดในความดังที่สูงหน่อยอาจมีความเพี้ยนของเสียงออกมาบ้างแต่ก็ไม่ถือว่ารบกวนการฟังเสียงโดยรวมครับ

ส่วนย่านเสียงเบสถือว่าลำโพงตัวนี้ให้ปริมาณของเสียงเบสที่ใหญ่เกินตัวมาก แผ่ไปได้ลึก มีความนุ่มของมวลเสียง อาจมีความเบลอไปบ้างเล็กน้อยในบ้างเพลง  ซึ่งเหมาะกำการฟังเพลงแนวสบายๆ รวมไปถึงเพลง Pop ทั่วไป Dance HipHop พอได้อยู่บ้าง แต่อาจติดหวานไปนิดนึง ส่วนแนว Rock นี่อาจไม่ค่อยเข้ากับลำโพงตัวนี้ซักเท่าไหร่ สรุปแล้วเสียงของเจ้า Klipsch The Sixes จะต้องถูกใจใครหลายคนอย่างแน่นอน

Conclusion – สรุป

มาถึงบทสรุปของรีวิวนี้กันแล้วครับ เจ้าลำโพง Bookshelf Active Speaker รุ่น Klipsch The Sixes นี้ถือว่าเป็นลำโพงที่โดดเด่นด้วยดีไซน์สไตล์ย้อนยุค เหมาะกับคนที่ชอบตกแต่งบ้านตกแต่งร้านอาหารแนว วินเทจ ที่ให้เสียงที่มีความไพเราะฟังสบายๆ ไม่ว่าจะฟังเพลงอะไร วางไว้ตรงไหนก็น่าจะถูกใจทุกๆ คนที่เห็นที่ฟังอย่างแน่นอน โดยรวมแล้วคุ้มค่าคุ้มราคาครับ

ข้อดีของ Klipsch The Sixes 
1. วัสดุตู้ลำโพงทำมาจากไม้แท้
2. มีภาครับสัญญาณทั้ง Analog และ Digital แบบครบครัน
3. รองรับความละเอียดเสียงได้สูงถึง 192 kHz 24-bit ผ่านทาง Optical

ข้อเสียของ Klipsch The Sixes
1. ไม่มีไฟสถานะบอกความดัง Volume
2. รองรับระบบเสียงได้สูงสุดแค่ 2.1 Ch

คะแนน

ดีไซน์ (Design)
9.00
เสียง (Sound)
8.75
ลูกเล่น (Features)
8.50
การเชื่อมต่อ (Connectivity)
8.75
ความคุ้มค่า (Value)
8.00
คะแนนตัดสิน (Total)
8.60

คะแนน Klipsch The Sixes Active Bookshelf Speakers

8.6

***มาตรฐานคะแนนประจำปี 2018***