13 Nov 2019
Review

รีวิว Klipsch The Three II ลำโพงไร้สายสไตล์วินเทจรุ่นล่าสุด เชื่อมต่อได้หมดทุกช่องทาง


  • boom

Sound – เสียง

ในการทดสอบนี้ทีมงานเลือกที่จะใช้ช่องต่อ USB เป็นช่องทางหลักในการทดสอบ เพราะเป็นช่องสัญญาณที่ให้ประสิทธิภาพสูงที่สุดและมีโอกาสโดนสัญญาณรบกวนน้อยที่สุด ตรงจุดนี้ทาง Klipsch ได้เขียนระบุไว้ในคู่มือด้วย ว่าให้โหลดไดร์เวอร์มาติดตั้งก่อนจะเสียบสาย เพื่อให้มั่นใจได้ว่ามันจะสามารถทำงานได้อย่าง 100% ซึ่งสามารถเข้าไปโหลดได้ที่นี่ เลื่อนลงมาล่างสุดเลยนะครับ ที่เขียนว่า “The Three / The Sixes USB Driver”

มาลองทบทวนการจัดวางไดร์เวอร์ของตัวเครื่องอีกทีจากแผนภาพด้านล่างนี้ จะเห็นว่าทาง Klipsch เลือกวางวูฟเฟอร์ไว้ตรงกลาง ระหว่างไดร์เวอร์ฟูลเรนจ์สองข้าง จากนั้นที่บริเวณด้านข้างตัวตู้ จะประกบด้วยพาสซีฟเรดิเอเตอร์ทั้งสองฝั่ง ซึ่งเป็นเลย์เอ้าต์การจัดวางที่ลำโพงไร้สายหลายยี่ห้อนิยมใช้ เพราะลำพังแล้วตัววูฟเฟอร์อย่างเดียวน่าจะให้เสียงต่ำที่ไม่ลึกสะใจเท่าไรนัก การมีพาสซีฟเรดิเอเตอร์มาช่วยก็จะช่วยเพิ่มน้ำหนักและการกระแทกให้ดูเป็นลูกมากยิ่งขึ้น

ไดร์เวอร์ Full-range กับพาสซีฟเรดิเอเตอร์
ไดร์เวอร์เบสหนึ่งเดียวถูกจัดวางไว้ตรงกลางระหว่างไดร์เวอร์ฟูลเรนจ์

จากทั้งหมดทั้งมวลด้านบนนี้ ผลักให้ Klipsch มีสุ้มเสียงที่ค่อนข้างโดดเด่น ไดร์เวอร์ฟูลเรนจ์สามารถถ่ายทอดเสียงกลางไปถึงแหลมได้อย่างนุ่มนวลโดดเด่น คือมีปลายเสียงที่ทอดตัวออกไปได้ไกลโดยยังคงความหวานฉ่ำของย่านความถี่เสียงกลางไว้

อย่างเช่นเพลง Dream A Little Dream – Laura Fygi ที่นอกจากเสียงของนักร้องนำที่ทำหน้าที่เสมือนเมโลดี้หลักแล้ว เราจะได้ยินเสียงกีต้าร์คลาสสิคที่คอยบรรเลงคอร์ดประคองเพลงไปเรื่อย ๆ ซึ่งตัว The Three II สามารถถ่ายทอดเสียงร้องออกมาได้หวานน่าฟัง และยังคงให้รายละเอียดของเสียงกีต้าร์แบบครบครันไม่ตกหล่น

สำหรับย่านเสียงต่ำผมเลือกเพลงฟังก์ยุค 80 อย่าง Act Like You Know – Fat Larry’s Band มาทดสอบ เพราะตลอดเพลงเราจะได้ยินเสียงเบสเดินเป็นเมโลดี้อยู่ทั้งเพลงเรื่อย ๆ ไล่จากโน้ตสูงไปต่ำ โดยเสียงที่ขับออกมาผ่าน The Three II สามารถแยกแยะโน้ตแต่ละขั้นออกมาได้อย่างชัดเจน ไม่คลุมเครือ แรงปะทะเข้าถึงสัมผัสได้ไม่ยาก ช่วยส่งให้เพลงร็อคที่มีจังหวะเด่นอย่างเพลง Bullet to the head – Rage Against Machine ฟังสนุกโดยที่ไม่คาดคิดว่าจะถูกขับออกจากตู้ลำโพงเล็ก ๆ ตู้นี้

หลังฟังเพลงกันจนเอียนผมก็ได้มีโอกาสทดลองใช้งานมันเป็นลำโพงคอมพิวเตอร์ทั่วไปสำหรับเล่นเกมและดูหนังผ่านคอมพิวเตอร์ แน่นอนว่าคาแร็คเตอร์ที่ได้ก็ไม่แตกต่างจากการฟังเพลงสักเท่าไร อาจจะมีในเรื่องของเสียงเบสที่อาจจะครางหึ่งไปบ้าง อย่างฉากที่ Iron Man รวมพลังสู้กับธานอสครั้งแรกใน Avengers: Infinity War เสียงเบสที่ออกมาอาจจะไปรบกวนจังหวะพูดในบางครั้ง เนื่องจากบางฉากอาจจะมีเสียงโทนต่ำที่ดังต่อเนื่องเป็นต้น

ด้วยความที่เรามีภาค Phono ในตัวเราจึงสามารถเสียบเครื่องเล่นแผ่นเสียงแล้วเล่นเสียงออกได้ทันที
ส่วนคุณภาพนั้นถ้าฟังจริงจังคงจะสู้กับ Phono แยกไม่ได้ แต่ก็ถือว่าสามารถตอบโจทย์เรื่องความสะดวกสบายได้เป็นอย่างดี
อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ทาง Klipsch ไม่ได้นำมาโฆษณา คืออีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ทาง Klipsch ไม่ได้นำมาโฆษณา คือลำโพงตัวนี้มาพร้อมกับ aptX codec
ซึ่งช่วยให้ประสิทธิภาพของเสียงที่สตรีมออกมาจากสมาร์ทโฟนมีความเสถียรมากขึ้น
สร้างความคมกระชับให้กับเสียงที่ได้อีกพอสมควร เมื่อใช้งานร่วมกับอุปกรณ์ที่รองรับ

Conclusion – สรุป

ต้องยอมรับว่าที่บรรดาสื่อต่างประเทศยกย่องให้ Klipsch The Three II เป็นลำโพงไร้สายอีกตัวหนึ่งที่น่าจับตามองไม่ใช่เรื่องผิดแต่อย่างใด ด้วยดีไซน์วินเทจร่วมสมัยประกอบกับคุณภาพเสียงที่อยู่ในระดับที่ไม่น้อยหน้าใคร ทั้งยังรองรับการเชื่อมต่อแหล่งสัญญาณเกือบจะทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น Bluetooth, USB หรือ AUX 3.5 มม. และยังมีภาค Phono ไว้สำหรับใช้งานกับเครื่องเล่นแผ่นเสียงได้อีกด้วย ครบจบในตัวเดียวอย่างที่พวกเขาต้องการจริง ๆ

ความน่าเสียดายอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นก็คือทาง Klipsch เลือกที่จะตัดฟีเจอร์การเชื่อมต่อไร้สายผ่านสัญญาณ Wi-Fi ออก ทั้งที่รุ่นก่อนหน้าก็มีมาให้แบบครบครัน เพราะว่ามันมาพร้อมกับ DTS Play-Fi ที่ช่วยเราสตรีมเสียงแบบความละเอียดสูงไปได้แบบไม่มีการลดทอน

ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังมองหาลำโพงไร้สาย ที่ดีไซน์ไม่ซ้ำซากเหมือนของใคร Klipsch The Three II จะเป็นหนึ่งในชื่อที่ต้องคิดถึง และควรจะพาตัวเองไปทดลองฟังเสียงของมันให้ได้ เพราะถ้าเรื่องเงินเป็นอุปสรรคเพียงเล็กน้อยของคุณแล้ว ลำโพงไร้สายตัวนี้อาจจะย้ายกลับไปวางอยู่ที่บ้านคุณโดยไม่รู้ตัวก็เป็นได้

ข้อดี
– ดีไซน์วินเทจย้อนยุค งานประกอบเนี๊ยบสมราคาหาตัวจับยาก
– คุณภาพเสียงโดดเด่นไม่แพ้ใคร กลาง,แหลม,ต่ำ ชัดเจน เวทีเสียงกว้างเกินตัว
– รองรับการเชื่อมต่อที่จำเป็นหลาย ๆ อย่าง ถ้าต่อผ่านสาย USB ได้จะให้คุณภาพเสียงที่ดีที่สุด

ข้อเสีย
– อาจพบเห็นอาการเบสครางเก็บตัวช้าได้บ้างขณะรับชมภาพยนตร์ แนะนำว่าอย่านำไปวางในมุมอับจนเกินไป
– ตัดการเชื่อมต่อผ่าน Wi-Fi ออก ทั้งที่รุ่นก่อนหน้ายังมีมาให้

คะแนน

ดีไซน์ (Design)
9.00
เสียง (Sound)
8.50
การเชื่อมต่อ (Connectivity)
8.50
ลูกเล่น (Features)
8.00
ความคุ้มค่า (Value)
8.50
คะแนนตัดสิน (Total)
8.50

คะแนน Klipsch The Three II

8.5

Klipsch The Three II – ราคาจำหน่าย 18,900 บาท

สนใจสินค้าติดต่อ Sound Republic (บริษัท โฮม ไฮ ไฟ จำกัด) 
สำนักงานใหญ่และศูนย์บริการ (ตรงข้ามสายใต้ใหม่): 284, 286 ถนนบรมราชชนนี แขวงฉิมพลี เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ 10170 
Tel. 02-448-5489, 448-5465-6 Fax. 02-408-8172 www.facebook.com/soundrepublic.th