27 Oct 2016
Review

คุณภาพจัดเต็ม รีวิว OLED55C6T รองรับทั้ง HDR10 และ Dolby Vision


  • Dear_Sir

Sound – เสียง

สำหรับทีวีระดับนี้เรื่องพลังเสียงก็ต้องถูกคาดหวังมากเป็นเงาตามตัว OLED55C6T มีกำลังขับเสียง 40Watts จากลำโพง 4 ตัว ตำแหน่งการวางลำโพงก็อยู่ในตำแหน่งมาตรฐานของทีวีทั่วไป คือจัดวางในรูปแบบ Down Filling ยิงเสียงจากลำโพงสะท้อนกับชั้นวาง เสียงสะท้อนนั้นค่อยส่งมายังผู้ฟัง ด้วยกำลังขับที่มากทำให้พลังของเสียงที่ออกมาสามารถครอบคลุมห้องนั่งเล่นของท่านได้อย่างสบายๆ อย่างช่วงที่ผมทดสอบในห้องปิดก็เปิดระดับเสียงประมาณ 20-25 ก็ฟังดังชัดจันเจนแล้ว ส่วนโหมดเสียงอัตโนมัติที่เครื่องนี้ให้มา ที่แนะนำกันเลยก็จะมี Cinema กับ Standard เพราะฟังแล้วเสียงกลางยังคงชัด เสริมกับเสียงต่ำที่มีให้ได้ยินเป็นระลอกแม้จะไม่เต็มอิ่มเหมือนรุ่นสูงกว่าที่มีลำโพงซับวูฟเฟอร์ แต่ก็บังเกิดเป็นความกลมกล่อม ฟังเพลงก็ได้ ดูหนังก็ดี

Standard กับ Cinema สองโหมดนี้ขอแนะนำ หรือจะใช้โหมดอื่นก็ไม่ว่ากัน เพราะความชอบแตกต่างกันอยู่แล้ว

Extra – เพิ่มเติม

สำหรับในปี 2016 นี้ WebOS ถูกอัพเกรดเป็นเวอร์ชัน 3.0 ซึ่งมียูสเซอร์อินเตอร์เฟซคงเดิมแต่เพิ่มเติมลูกเล่นเข้ามา แต่จะมีอะไรบ้างเดี๋ยวจะพาชมกันไปเป็นข้อๆ ตรงนี้ผมขอพูดถึงเรื่อง “User Experience” ก่อนว่ามันต่างจากเวอร์ชันเก่ายังไง เริ่มจากอุปกรณ์ที่ใช้ในการควบคุมก่อนซึ่งก็คือรีโมท ในปีก่อนหน้านี้ในรุ่นสมาร์ท LG จะให้รีโมทคอนโทรลมาด้วยกันสองแบบคือรีโมทแบบปกติที่มีปุ่มตัวเลข และเมจิครีโมทที่มีลูกกลิ้งควบคุมแบบ Air Mouse (ทีวีเครื่องเดียวปาไป 2 รีโมท) บวกกับในปัจจุบันเรามีรีโมทอะไรมากมายเต็มไปหมด มีรีโมททีวีแล้ว 2 รีโมทบลูเรย์ 1 รีโมทกล่อง Set-Top-Box 1 รีโมทเครื่องเล่นไฟล์อีก 1 รวมๆ แล้วก็มีรีโมททั้งหมด 5 อันเข้าไปแล้วดูวุ่นวายสุดๆ แต่รีโมทรุ่นใหม่ของ LG ได้นำเอารีโมทแบบธรรมดา + เมจิครีโมท เอามาไว้ด้วยกัน นอกจากนี้ยังสามารถทำให้ตัวเองกลายเป็นรีโมทควบคุมกล่อง Set Top Box ได้ด้วย เท่ากับว่าลดการใช้งานรีโมทอื่นๆ ลง จาก 3 เหลือแค่ 1

รีโมทแบบใหม่ทำได้ทุกสิ่ง!!

ฟีเจอร์แรกที่เพิ่มมาใหม่ใน WebOS 3.0 คือ Multiview ฟีเจอร์นี้จะคล้ายๆ กับ Picture in Picture แต่ถูกอัพเกรดขึ้นมา โดย Multi View นี้จะเป็นการนำภาพจากแหล่งสัญญาณสองแห่งขึ้นมาฉายพร้อมๆ กัน โดยผู้ใช้สามารถเลือกได้ว่าจะฉายภาพจากแหล่งสัญญาณใด การแสดงภาพก็จะเป็นในลักษณะแบ่งหน้าจอออกเป็นสองฝั่ง ส่วนเสียงก็จะเลือกจากแหล่งสัญญาณหลักที่ผู้ใช้ได้เลือกไว้

Multi view เลือกอินพุตได้หลากหลาย
การแสดงผลจะแบ่งออกเป็นสองฝั่งเท่าๆ กัน

อีกฟีเจอร์ที่เพิ่มมาและเหมาะกับคนดูหนังสายฮาร์ดคอร์มากๆ เลยก็คือ Magic Zoom ฟีเจอร์นี้จะช่วยขยายภาพบนจอทีวีให้มีขนาดใหญ่ขึ้น โดยสามารถขยายภาพได้สูงที่สุดถึง 300% โดยที่ภาพสูญเสียรายละเอียดน้อยมาก ทำให้คอหนังสามารถค้นหา Easter Egg ในฉากนั้นๆ ได้อย่างชัดเจน ทะลุปรุโปร่ง

ซูมดูเข็มวินาทีสักหน่อยสิ ทายกันถูกไหมว่ามาจากเรื่องอะไร?

เพิ่มทางเลือกในการควบคุมทีวี แชร์ภาพ ผ่านทางแอปพลิเคชัน LG TV Plus ซึ่งแอปนี้มีให้ดาวน์โหลดทั้งในบนระบบปฏิบัติการ Android และ iOS โดยก่อนการใช้งานผู้ใช้จะต้องมั่นใจว่าระหว่างทีวีกับอุปกรณ์สมาร์ทดีไวซ์ ได้เชื่อมต่ออยู่ในเครือข่ายเดียวกัน ซึ่งถ้าทุกอย่างถูกต้องตัวแอปจะค้นหาทีวีบนเครือข่ายเจอได้โดยอัตโนมัติ แอปนี้สามารถทำแทนรีโมทได้ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเปิดแอพส์ คุมแอร์เมาส์ ทำ Screen Mirroring หรือจะตั้งเวลาเปิดเครื่องก็ยังได้

แอปพลิเคชันส่วนใหญ่ไม่แตกต่างจากของเดิมมาก แต่เพิ่มเติมคือความลื่นไหลในการใช้งาน  และที่เด็ดคือมี Netflix ไว้ใช้ดูภาพยนตร์ 4K ได้

อย่างไรก็ดีในระหว่างการทดสอบ WebOS 3.0 ก็มีบัคเล็กๆ น้อยๆ ให้เห็นอยู่บ้าง เช่น ไม่ยอมโหลดแอปพลิเคชัน เป็นต้น ซึ่งอาการนี้พบเห็นได้เป็นระยะๆ ตลอดเวลาการใช้งาน โดยส่วนตัวแล้วผมมองว่าปัญหานี้น่าจะมาจากตัวรุ่นที่ทางเราได้รับมาเป็นตัวที่ใช้ในการทดสอบ ยังไม่ใช่ตัวที่วางจำหน่ายจริง ดังนั้นจึงยังมีบัคเหล่านี้ให้เห็นอยู่ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติครับ เพราะขนาดระบบปฏิบัติการอื่นๆ ที่วางจำหน่ายแล้ว ยังมีบัคให้เจอ นับอะไรกับตัวทดสอบ จึงต้องมีให้เห็นมากกว่าปกติ