14 Aug 2018
Review

รีวิว Onkyo TX-NR575E และ TX-NR474 ผสานกับชุดลำโพง Polk Audio T Series ซิสเต็มคุ้มค่าที่มากกว่ารุ่นเริ่มต้น


  • lcdtvthailand

Features – ลูกเล่น

เอวีรีซีฟเวอร์ทั้ง 2 รุ่นนี้ บอกเลยว่าลูกเล่นแพรวพราวพอตัวเลยทีเดียว แม้จะเป็นรุ่นเริ่มต้น แต่ก็อัดแน่นฟีเจอร์เด็ดๆ เพียบ เริ่มต้นที่ด้านการดูหนังและฟังเพลง คู่นี้รองรับการส่งผ่านสัญญาณภาพที่ทันสมัย ทั้ง 4K/60Hz, HDR10, Dolby Vision และ BT.2020 สามารถต่อเครื่องเล่นที่รองรับมายังรีซีฟเวอร์ได้โดยตรง

ฝั่งเสียงก็รองรับระบบทันสมัยเช่นกัน สามารถถอดรหัสเสียงเซอร์ราวด์ด้านสูง Dolby Atmos และ DTS:X ซึ่งไฮไลต์น่าสนใจอยู่ตรงที่ TX-NR474 รองรับซิสเต็มสูงสุดได้แค่ 5.1-Ch ก็จริง แต่สามารถติดตั้งลำโพงได้ในรูปแบบ Dolby Atmos 3.1.2-Ch ได้ นำแชนแนลลำโพงเซอร์ราวด์ด้านข้าง เปลี่ยนมาเป็นเซอร์ราวด์ด้านสูงแทนนั่นเอง

มีเมนูสำหรับปรับแต่งลำโพง Dolby Atmos Enabled แยกต่างหากด้วย

ในการรับชมภาพยนตร์ที่ไม่มีระบบเสียง Dolby Atmos และ DTS:X แต่อยากได้อรรถรสจากเสียงเซอร์ราวด์ด้านสูง ทั้ง 2 รุ่นสามารถ Upmix จำลองเสียงเซอร์ราวด์ด้านสูงขึ้นมาได้ เช่น Upmix จากการรับชมบน Netflix ที่เป็น Dolby Digital 5.1 ตัวเครื่อง TX-NR575E จะเพิ่มเติมเซอร์ราวด์ด้านบนให้เป็น 5.1.2-Ch นั่นเอง

นอกจากนี้สิ่งที่เหมือนกันของทั้งคู่ยังอยู่ที่ฟีเจอร์ด้านการฟังเพลงต่างๆ ซึ่งคอเพลง Hi-Res สามารถสนองการฟังได้อย่างถูกใจแน่นอน สองรุ่นนี้ใช้ชิพประมวลผลจาก AKM รุ่น AK4438 เป็น Multichannel DACรองรับความละเอียดสูงสุด 32bit/384kHz โดยผู้นิยมไฟล์ Hi-Res สามารถเล่นไฟล์สกุลยอดฮิตได้ทั้งหมด ผ่าน USB Drive และสตรีมมิ่ง Media Server ภายในบ้าน เช่น WAV, FLAC, AIFF, AAC, Apple Lossless (ทั้งหมดนี้รองรับความละเอียดสูงสุดที่ 24bit/192kHz) หรือ DSD 2.8MHz กับ 5.6MHzเป็นต้น

ด้านการสตรีมมิ่งของสองรุ่น ไม่ได้น้อยหน้ากว่ารุ่นสูงๆ รองรับบริการสตรีมมิ่งยอดนิยมในปัจจุบันมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Spotify, Tidal, TuneIn หรือ Deezer (เร็วๆ นี้จะมีอัพเดทเฟิร์มแวร์รองรับ Deezer HiFi ฟังเพลงที่ความละเอียด 16bit/44.1kHz) รวมถึงการบิลต์อิน Apple AirPlay, DTS Play-Fi สำหรับใช้งานผ่านแอพฯ บนสมาร์ทโฟน และ Chromecast แคสต์ทุกการฟังมายังรีซีฟเวอร์ได้ (แคสต์ได้เฉพาะการฟังเพลงเท่านั้น ไม่สามารถแคสต์ภาพเคลื่อนไหวอย่าง Netflix ได้) ส่วนใครที่ต้องการเพิ่มความสะดวกในการใช้งาน ก็สามารถดาวน์โหลดแอพฯ Onkyo Controller เพื่อควบคุมบนสมาร์ทโฟน รับรองทั้งระบบ iOS และ Android

มีช่องทางการฟังเพลงที่ทันสมัย บิลต์อินมาไว้ในเครื่องทั้ง 2 รุ่น

ปิดท้ายด้วยลูกเล่นที่ช่วยให้มือใหม่เพิ่งหัดใช้งานเอวีรีซีฟเวอร์ สามารถปรับแต่งคาลิเบรทเสียงให้เหมาะสมลงตัวกับจุดที่นั่งรับชม ได้อย่างง่ายดาย ใช้เวลาไม่ถึง 5 นาที นั่นคือฟีเจอร์ AccuEQ Room Acoustic Calibration ที่ช่วยปรับแต่งอัตโนมัติ ซึ่งวิธีการใช้งานจะเป็นอย่างไรนั้น รับชมการอธิบายเพิ่มเติมในส่วนถัดไป…

Setup – การติดตั้ง

ในการทดสอบนี้ ได้ใช้ฟีเจอร์ AccuEQ ปรับแต่งคาลิเบรทเสียงกับทั้ง 2 รุ่น โดยวิธีการใช้งานนั้นง่ายมากๆ เพียงนำไมโครโฟนที่ให้มาในชุด เสียบเข้ากับช่องต่อด้านหน้ารีซีฟเวอร์ ทันทีที่เสียบจะมีเมนูปรับแต่งขึ้นมา ให้ผู้ใช้งานเลือกการตั้งค่าให้ตรงกับซิสเต็มจริง เพื่อการปรับที่ถูกต้องสมบูรณ์ ซึ่ง TX-NR474 จะมีความแตกต่างตรงที่การเซ็ตอัพเซอร์ราวด์ด้านสูงจะตัดการใช้งานลำโพงเซอร์ราวด์หลังออก

ไมโครโฟนรับเสียงสำหรับการคาลิเบรท

เมื่อตั้งค่าเรียบร้อย ให้นำไมโครโฟนวางบริเวณตำแหน่งนั่งฟังระดับเดียวกับหู ถัดไปให้ผู้ใช้งานออกจากพื้นที่ของชุดโฮมฯ ป้องกันการบดบังเสียงจากลำโพงสู่ไมโครโฟน รอเพียงสักครู่ก็เป็นอันเรียบร้อย จากการทดสอบนั้นความแม่นยำสูงเลยทีเดียว แทบไม่ต้องปรับแต่งเพิ่มเติมสักเท่าไร เพิ่มความสะดวกต่อผู้ใช้งาน โดยเฉพาะมือใหม่เป็นอย่างมาก

การเลือกติดตั้งลำโพงรูปแบบ 5.1.2-Ch บน TX-NR575E
การเลือกติดตั้งลำโพงรูปแบบ 3.1.2-Ch บน TX-NR474

ซึ่งชุดที่ใช้ทดสอบติดตั้งเป็นระบบ 5.1.2-Ch สำหรับ TX-NR575E และ 3.1.2-Ch / 5.1-Ch สำหรับ TX-NR474 จับคู่กับชุดลำโพง Polk Audio T Series, ซับวูฟเฟอร์ Polk Audio HTS-10 และลำโพงฝังฝ้า KEF โดยใช้สายลำโพง Velocita รุ่น Rome I และ Rome V โดยอุปกรณ์ที่ร่วมทดสอบนั้นได้ใช้ PlayStation 4 Pro กับ OPPO UDP-205 เชื่อมต่อด้วยสาย LCD HDMI รุ่น Jericho เพื่อให้ได้ศักยภาพในการทดสอบที่สูงที่สุด ว่าแล้วก็เข้าสู่การทดสอบจริงในส่วนต่อไปเลย

Sound – เสียง

ขอเริ่มต้นด้วย Onkyo TX-NR575E รับชมในรูปแบบ 5.1.2-Ch ด้วยภาพยนตร์เรื่อง Kingsman : The Golden Circle ในฉากที่สายลับตัวเอกไปปฏิบัติภารกิจกู้โลก ถล่มรังศัตรูกันแบบดุเดือด ซึ่งฉากนี้มีจุดเด่นในเรื่องของเสียงเซอร์ราวด์ที่เด่นชัดว่องไว เสียงปืนและระเบิดที่ซัดกันสนั่นหวั่นไหว ประสานกับเพลง Saturday Night”s Alright ของ Elton John ที่มาเพิ่มความเร้าใจ

สุ้มเสียงที่สัมผัสได้นั้น เนื้อเสียงจากชุดลำโพง T Series มีความอวบอิ่ม เสียงหนักแน่น ลอกเอกลักษณ์เสียงความเป็น Polk Audio มาจากรุ่นก่อนๆ ได้แบบไม่ผิดเพี้ยน เสียงปืนที่ยิงมีออกมามีความกระชับดุดัน คอหนังและเกมแนวแอ๊คชั่นที่ชอบเสียงปืนแน่นๆ ชุดลำโพงนี้ตอบโจทย์แน่นอน ด้วยคุณสมบัติดอกลำโพงของคู่หน้า T50 สามารถระเบิดเสียงหนักๆ ให้จุกกันไปข้างได้เลย

ไม่ได้มีดีแค่เรื่องเสียง ด้านภาพก็ถ่ายทอดสัญญาณได้ไม่ขาดตกบกพร่อง ขับ HDR ออกมาอย่างเจิดจรัส สีสันถูกต้องสมบูรณ์ ไม่ผิดเพี้ยนจากเครื่องเล่นต้นทาง

โทนเสียงอิ่มแน่นนี้ เมื่อจับคู่ TX-NR575E นั้น ปลายเสียงที่ได้มีความกลมมน เสียงเศษซากต่างๆ จึงไม่จัดจ้านหวือหวาเท่าไร ซึ่งถือว่าเป็นข้อดีสำหรับใครที่ชอบเสียงนวลหู ไม่แสบจัดจ้าน ฟังได้ในระยะยาว อีกสิ่งที่โดดเด่นไม่แพ้ความหวานของเสียง นั่นคือความสามารถในการโยนเสียงเซอร์ราวด์ มีความว่องไวแม่นยำ ระบุตำแหน่งเสียงชัดเจนสัมพันธ์กับฉากในภาพยนตร์ โดยเฉพาะเสียงเซอร์ราวด์ด้านสูง จากการทดสอบด้วยแผ่นอ้างอิง Dolby Atmos Demo ที่เผยตำแหน่งเสียงออกมาได้อย่างมีมิติน่าชื่นชม

ตัดมาที่รุ่นน้อง TX-NR474 แม้แชนแนลจะด้อยกว่า แต่อะไรที่ TX-NR575E ทำได้ รุ่นนี้เองก็ทำได้ดีไม่แพ้กัน ลองทดสอบด้วยระบบ 5.1-Ch แล้ว อรรถรสเสียงที่ได้มีความว่องไว เนื้อเสียงมีพลัง ให้ความฉวัดเฉวียนที่ดีเลยทีเดียว แต่นั่นธรรมดาไป ต้องทดสอบด้วยระบบเซอร์ราวด์ด้านสูง 3.1.2-Ch อันเป็นไฮไลต์เด็ดประจำตัว

ต้องยอมรับว่าเมื่อตัดเซอร์ราวด์ด้านข้างออก ไปเพิ่มมิติเสียงทางด้านบน อารมณ์การฟังที่ได้อาจยังไม่คุ้นชินเท่าไร เวทีเสียงที่ได้มีความกว้าง ความสามารถของลำโพงคู่หน้า Polk T50 จึงให้พื้นที่เสียงครอบคลุมทดแทนได้ดีแม้ไม่มีเซอร์ราวด์ด้านข้าง รูปแบบการฟังจะคล้ายกับซาวด์บาร์ที่มีฟีเจอร์เซอร์ราวด์ด้านสูง แต่จุดต่างที่ชัดเจนเลยคือ พลังเสียง และความแม่นยำชัดเจนในการระบุตำแหน่งเซอร์ราวด์ ยิ่งไม่มีเซอร์ราวด์ด้านข้างแล้ว เสียงที่มาจากมิติด้านบนยิ่งชัดเจนกว่าเดิม เนื่องจากไม่มีบรรยากาศด้านข้างมาดึงความสนใจ เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกแนะนำที่ยอดเยี่ยม สำหรับผู้ที่ต้องการเสียง Dolby Atmos ในพื้นที่จำกัด

คอนเท็นต์ Dolby Atmos แท้ๆ สามารถเล่นได้อย่างสมบูรณ์ในรูปแบบ 3.1.2-Ch

อย่าเพิ่งคิดว่าหนังที่รับชมส่วนใหญ่ไม่ใช่ Dolby Atmos แล้วจะไม่ใช้ไม่คุ้ม ซึ่งจุดเด่นที่ค่อนข้างประทับใจหลังได้ทดสอบบนรีซีฟเวอร์ทั้ง 2 รุ่น อยู่ที่ลูกเล่นการ Upmix จำลองเสียงเซอร์ราวด์ด้านสูง เช่นจาก 5.1-Ch ให้เป็น 5.1.2-Ch ด้วยโหมดเสียง Dolby Surround หรือ DTS Neural:X คุณภาพเสียงที่ได้อยู่ในระดับที่ดีจนตกใจ ได้บรรยากาศเติมเต็มขึ้น ไม่ลดความเข้มข้นของเนื้อเสียง ต้องยกความดีความชอบให้ชิพประมวลของทั้ง 2 รุ่นเลย

เปลี่ยนจากการฟังเพียงระนาบเดียว ให้เพิ่มมิติด้านสูงขึ้นมา

ในด้านการฟังเพลงนั้น รีซีฟเวอร์คู่นี้และชุดลำโพงได้เผยเอกลักษณ์ของแบรนด์ออกมาเต็มๆ อย่างที่คุ้นเคยกันว่า Onkyo ต้องเสียงหวานกลม Polk Audio ต้องเสียงนุ่มแต่หนักแน่น ซึ่งสายอนุรักษ์นิยมไม่มีผิดหวัง คงสไตล์เสียงเอาไว้อย่างครบถ้วน ต่างจากรีซีฟเวอร์รุ่นสูงและ Polk Signature ที่เน้นความพุ่งพล่านจัดจ้านมากขึ้น

ทดสอบด้วยแผ่น Hans Zimmer – Live In Prague การแสดงคอนเสิร์ตออร์เครสตร้าของนักประพันธ์เพลงภาพยนตร์ชื่อก้องที่หลายท่านน่าจะรู้จักเป็นอย่างดี ที่สำคัญแผ่นนี้มีระบบเสียง Dolby Atmos ด้วย ตัวลำโพง T Series และซับวูฟเฟอร์ HTS-10 ทำงานสอดคล้องกันลงตัว เสียงกลองและเบสมีความหนักแน่น ไดนามิกเสียงที่ออกมาจากซับวูฟเฟอร์ ปลุกความรุกเร้าของเสียงกลองใบใหญ่ให้ฮึกเหิม มีแรงปะทะแบบเนื้อๆ อีกทั้งปลายเสียงของแต่ละตัวมีความกลมมน ฟังสบายเพลิดเพลิน ไม่ตึงเครียด

เนื้อเสียงเข้มกระชับ อาจจะไม่กระจ่างใสปิ๊งปั๊ง แต่ให้ความกลมกล่อมฟังได้อย่างลื่นไหลนวลหู

ในภาคการฟังแบบสตรีมมิ่งและไฟล์ รีซีฟเวอร์รองรับการเล่นที่หลากหลายทันสมัย แคสต์จากมือถือได้รวดเร็ว คุณภาพเสียงน่าพึงพอใจไม่แห้งแบน เมื่อสลับมาฟังไฟล์เพลงความละเอียดสูง ชิพ AKM สามารถให้ความอิ่ม ย่านเสียงต่ำที่ยืนพื้นมีความนิ่ง หนุนเสียงให้ฉ่ำ มีเนื้อมีหนัง ขณะเดียวกันลำโพง Polk T Series ก็เก็บรายละเอียดได้ไม่ตกหล่น คุมโทนความหวานนุ่ม เป็นอีกหนึ่งลำโพงประหยัดที่อยากแนะนำให้ได้ฟังกัน

อยากฟังเพลงอะไรก็แคสต์มาได้เลย เพียงแค่เชื่อมต่อรีซีฟเวอร์เข้ากับเครื่อข่ายภายในบ้านก็พร้อมแคสต์ได้ทันที

ด้านเสียงร้องเองไม่ได้ถูกกลบจากความกลมมนจนหมดความเด่น ให้เสียงร้องชัดถ้อยชัดคำ แต่มีความหนามากกว่าปกติ ยกตัวอย่างเพลง Giorgio by Moroder ของ Daft Punk ที่ช่วงต้นจะเป็นเสียงพูด ถ่ายทอดออกมาได้ค่อนข้างเป็นธรรมชาติ เสียงพูดมีความหนา พอเสียงดนตรีเริ่มบรรเลง เสียงร้องก็ยังคงเด่นลอยชัด เข้ากันได้กับคอหนังและคอเพลง หรือจะเพลงมันๆ เดือดๆ อย่าง Linkin Park ชุดนี้ก็ให้ความสนุกชวนโดดได้อย่างเพลิดเพลิน ปลายเสียงแหลมมีความอั้นเล็กอยู่บ้าง ไม่เปิดโปร่งเท่าซีรีส์ Signature แต่แรงปะทะที่ได้นั้นหนักหน่วง ขับเสียงกีตาร์ที่แผดลึก เข้าคู่กับการเดินเบสที่เป็นลูกๆ ว่าแล้วอาจไม่เห็นภาพ ไปชมคลิปทดสอบกันเลย…