เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา Panasonic ได้เชิญสื่อมวลชนเดินทางไปยังประเทศสิงคโปร์ เพื่อร่วมงานเปิดตัว OLED TV รุุ่น EZ1000 ครั้งแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพียงแว๊บแรกที่ได้เห็นตัวจริงในแดนลอดช่อง ผมก็รู้สึกได้ทันทีว่าเจ้า EZ1000 คือ “ทายาทตัวจริง” ผู้สานต่อ “ตำนาน” อย่าง Plasma TV ซีรีส์ VT60 เมื่อซัก 4 ปีที่แล้ว ซึ่งต้องบอกว่า VT60 เป็นทีวีคุณภาพระดับอ้างอิง ให้ระดับสีดำที่ดำสนิท ซึ่งเป็นจุดที่ LED LCD TV ให้ไม่ได้ พร้อมสีสันที่ถูกต้องตามมาตรฐานอุตสาหกรรมวีดีโอ ในขณะที่ OLED TV คือเทคโนโลยีใหม่ทีดีกว่า และได้ควบรวมข้อได้เปรียบของ Plasma TV ที่ทุกเม็ดพิกเซลสามารถกำเนิดแสงได้ด้วยตัวเอง ผสานกับพลังความสว่างที่มากกว่า แต่มีความร้อนและอัตราการกินไฟที่น้อยกว่า จึงสามารถกลบข้อด้อยของ Plasma TV ไปจนหมดสิ้น ด้วยเหตุนี้ OLED จึงชูคอขึ้นมาเป็นเทคโนโลยีจอภาพชั้นนำในตลาดทีวีในปัจจุบันนี้
Panasonic ประเทศไทยจึงส่งทีวีรุ่น Flagship รุ่นนี้ในขนาดใหญ่ 65 นิ้วที่สุดมาประจำการที่ห้องทดสอบ LCDTVTHAILAND ราคาก็จัดว่าพรีเมี่ยมสุดๆ สองแสนห้ามีทอนสิบบาท แต่ ณ โมเมนต์นี้ ทีวีที่ให้คุณภาพดีที่สุดก็คือจอแบบ OLED นี่แหละ และจอ 65″ ก็คือขนาดที่ใหญ่กำลังดี ซึ่งเป็นที่นิยมอยู่ในตอนนี้ ฉะนั้นทาง Panasonic จึงขอส่งเข้าประกวดทดสอบคุณภาพแบบกันแบบเข้มข้นตามสไตล์ LCDTVTHAILAND กันซะหน่อย เป็นการเริ่ม “ปฐมบท” OLED TV ของแบรนด์ทีวีจากแดนปลาดิบแบรนด์นี้
Panasonic TH-65EZ1000T (65″)
- Master HDR OLED Panel
- 4K Ultra HD
- Absolute Black Filter
- Hexa Chroma Drive Pro
- HDR10 Support
- THX 4K Certified Display
- Dynamic Blade Speaker
- 80 Watts Sound Output
- HDMI x 4
- USB x 3
- Wireless LAN
- YouTube, Netflix Apps
Dimension
- ขนาดรวมขาตั้ง 1452 x 918 x 330 มม.
- ขนาดไม่รวมขาตั้ง 1452 x 837 x 42 มม.
- นำ้หนัก 27 กก.
Price
- TH-65EZ1000T (65″) ราคา 249,990 บาท
- รับประกัน 3 ปี
ดีไซน์
ดีไซน์ของ TH-65EZ1000T จอใหญ่เครื่องนี้ มีแผงหน้าจอ OLED Panel ขนาดใหญ่แต่ดีไซน์บางเฉียบ ซึ่งตัว Panel ถูกยึดติดกับแผ่นกระจกอีกชั้น ทำให้เหมือนภาพแสดงบนกระจกเรียบๆเพียงแผ่นเดียว มีแผงลำโพงซาวด์บาร์ที่มีชื่อว่า Dynamic Blade Speaker ทำหน้าที่เป็นขาตั้งทีวีขนาดกว้างด้วยเลยในตัว ตัวแผงลำโพงมีดีไซน์ที่อิงจาก “มีดดาบซามูไร” ของนักรบชาวญี่ปุ่น ทำให้ดู มีเหลี่ยม-มีคม ประดุจ “ใบดาบ” ไม่เหมือนลำโพงซาวด์บาร์ทรงเหลี่ยมๆทั่วไป พร้อมแหงนหน้าขึ้นเล็กน้อยเพื่อยิงเสียงเข้าหาผู้ชม เสียงก็จะไม่กองอยู่ด้านล่างเหมือนลำโพงซาวด์บาร์ทั่วไป พลิกมาด้านหลังก็ดูเรียบๆ ส่วนกลุ่มช่องต่อก็จะมีฝาปิดซ่อนสายมาให้เพื่อความสวยงาม รีโมทคอนโทรลให้มา 2 แบบทั้งแบบธรรมดาและแบบทัชแพด โดยรวมแล้วไม่ว่าจะตั้งหรือแขวนผนังก็ดูสวยหรูไฮโซทั้ง 2 แบบ เพียงแต่ว่าหากจะตั้งบนชั้นวาง ต้องเช็คความกว้างของชั้นวางทีวีของท่านให้ดี เพราะฐานตั้งมันกว้างมว๊ากกก !
ตั้งโต๊ะหรือแขวนผนัง ?
จะเรียกได้ว่าสวยทั้ง 2 แบบ แอบรักพี่เสียดายน้อง !
ช่องต่อ
เนื่องจากเป็นตัวท็อปที่สุด จำนวนช่องต่อจึงต้องจัดเต็มทุกสิ่งอย่าง ทั้ง HDMI ที่รองรับ 4K/60Hz ทั้ง 4 ช่องแบบไม่มีกั๊ก, ช่องต่อ USB ที่เล่นไฟล์มัลติมีเดียได้ทั้งวีดีโอ รูปภาพ และเพลง ตลอดจนการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตทั้งแบบมีสายและไร้สาย
- HDMI x 4 (รองรับ 4K/60p)
- USB x 3
- LAN x 1
- Component x 1
- AV x 1
- Antenna (รองรับดิจิตอลทีวี)
- Headphone Out x 1
- Optical Out x 1
- Wireless LAN Built-In
ประเภทไฟล์ที่ช่องต่อ USB ด้านข้างรองรับไฟล์มัลติมิเดียหลากรูปแบบ ทั้งไฟล์วีดีโอที่พวกเราคุ้นเคยอย่าง AVI / HEVC / MKV /WMV / MP4 / M4v / FLV / 3GPP / VRO / VOB / TS / PS , ไฟล์รูปภาพ JPEG ตลอดจนไฟล์เพลงคุณภาพสูง AAC / WMA Pro / FLAC / Apple Lossless / WAV / MP3 มีซาวด์บาร์เป็นลำโพงหลักทั้งที อย่าลืมใช้ให้คุ้มทั้งดูหนังฟังเพลงจะได้ไม่เสียของ