29 Aug 2017
Review

อภิมหาทีวี ! รีวิว Panasonic 65EZ1000T 4K OLED TV ภาพเจ๋งระดับฮอลลีวูด !!!


  • lcdtvthailand

ภาพ

OLED ย่อมากจาก Organic Light Emitting Diode เป็นเทคโนโลยีจอภาพชนิดใหม่ ที่ทุกเม็ดพิกเซลสามารถส่องสว่างเองได้ ไม่ต้องพึ่งหลอดไฟ Backlight เฉกเช่น LED LCD TV จึงสามารถให้ระดับสีดำที่ดำสนิทได้ EZ1000 เป็น OLED TV ความละเอียด 4K หากคิดเป็นจำนวนจุดพิกเซลก็เท่ากับ 3840 x 2160 = 8.29 ล้านพิกเซล ใน 1 เม็ดพิกเซล มีถึง 4 ซับพิกเซลย่อยประกอบไปด้วย White + Red + Green + Blue เป็นโครงสร้างจอ OLED ชั้นสูงจากโรงงาน LG Display ซึ่งทุกแบรนด์ที่มี OLED TV ใช้บริการอยู่ทุกเจ้า

หน้าจอมีการผนึกฟิล์ม Absolute Black Filter ที่ช่วยเสริมความดำให้และลดแสงสะท้อน เพื่อให้จอดำสนิทขึ้นไปอีกขั้น รองรับภาพ HDR : High Dynamic Range มาตรฐาน HDR10  ที่ใช้ในแผ่น 4K Blu-ray และแอพส์วีดีโอสตรีมมิ่ง ะรวมถึง HLG : Hybrid Log Gamma ที่ใช้ในการออกอากาศดิจิตอลทีวี และล่าสุดอัพเดทเดือน 9/2017 EZ1000T ก็จะรองรับมาตรฐาน HDR10+ ที่พัฒนาร่วมกับ Samsung และค่ายหนังใหญ่อย่าง 20th Century Fox ตามหลักแล้วหากอัพเดทเฟิร์มแวร์ที่กำลังจะปล่อยออกมาก็จะใช้งานได้ทันที ใช้ชิพประมวลผล Studio HCX2 ควบคู่กับ Hexa Chroma Drive Pro ที่สามารถประมวลการแสดงเฉดสีได้ถึง 6 แกน ทั้งแม่สีหลักอย่าง Red Green Blue และแม่สีรองอย่าง Cyan Magenta Yellow 

ได้รับการปรับจูนแสงสีของภาพโดยผู้เชี่ยวชาญจาก Panasonic Hollywood Lab เพื่อให้การแสดงผลภาพถูกต้องเป็นธรรมชาติเฉกเช่นที่ผู้กำกับต้องการสื่ออกมาให้เห็น EZ1000 เป็น 4K OLED TV ตัวเดียวในท้องตลาดตอนนี้ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานภาพจากสถาบัน THX ซึ่งเป็นสถาบันรับรองคุณภาพของโรงภาพยนตร์ชั้นนำของโลก ว่าเป็นจอที่ให้คุณภาพที่ดีระดับเทียบเคียงกับจออ้างอิงในสตูดิโอผลิตภาพยนตร์ พร้อมโหมดปรับภาพเบื้องลึกอย่าง Professional ที่กำหนดโดยสถาบันมาตรฐานภาพระดับโลกอย่าง ISF : Imaging Science Foundation ให้ปรับกันอย่างถึงพริกถึงขิง จูนได้ทั้งค่าสมดุลแสงขาวอย่าง White Balance และขอบเขตการแสดงเฉดสีอย่าง CMS : Color Management System และตัวที่การันตีได้ดีที่สุดคือ EZ1000 ตัวนี้ผ่านการรับรองมาตรฐาน Ultra HD Premium จากสถาบัน UHD Alliance ซึ่งหมายถึงเป็นทีวีความละเอียด 4K Ultra HD ที่ให้คุณภาพที่ดีเยี่ยม ทั้งเรื่องระดับความสว่าง ความดำ และขอบเขตการแสดงเฉดสี สามารถทำได้ดีทะลุข้อมาตรฐานแสนโหดที่เขากำหนดไว้ให้ 

เป็นทีวี 4K OLED ตัวเดียว ณ ตอนนี้ได้รับการรับรองจาก THX
รวมถึงมาตรฐาน Ultra HD Premium ก็ผ่านฉลุยเช่นกัน

โหมดภาพสำเร็จรูปที่ให้แสงสีได้ถูกต้องได้แก่ THX Cinema = รับชมในห้องมืดสนิท, THX Bright Room = รับชมในห้องสว่าง, Professional 1 & 2 = สำหรับปรับภาพขั้นลึก รับรองโดย สถาบันมาตรฐานภาพอย่าง ISF หรือหากคิดว่าโหมดเหล่านี้ภาพจะดูไม่สว่างจับใจนัก โหมดอย่าง Custom ก็จัดว่าใช้ได้ 

โหมดภาพสำเร็จรูปที่ให้ค่าแสงสีเที่ยงตรงสุดๆได้แก่ 1) THX Cinema = ดูในห้องมืด, 2) THX Bright Room : ดูในห้องสว่าง, 3) Professional 1 = ดูในห้องสว่าง, 4) Professional 2 = ดูในห้องมืดค่า Peak Brightness ของทั้ง 2 โหมดจะอยู่ที่ 580 Nits ส่วนส่างสุดจะอยู่ที่โหมด Dynamic จะอยู่ราว 660 Nits ส่วนค่า White Balance จูนมาได้ค่อนข้างแม่นยำมาก ใกล้เคียงกับ 6500K ทั้งสองโหมดเลย

Pre-Calibration : ปรับภาพในโหมด Professional 1 (ISF Day) จัดว่าเป็นทีวีที่ให้ค่าแสงสีเริ่มต้นที่ยงตรงที่สุดเท่าที่เคยทดสอบมา ให้ขอบเขตการแสดงเฉดสีกว้างประมาณ 96.7% ของมาตรฐาน DCI-P3 สำหรับการรับชมคอนเทนต์ HDR และ 99.2% ของมาตรฐาน Rec 709 สำหรับการรับชมคอนเทนต์ SDR
Post Calibration : ปรับภาพทั้งค่า White Balance แบบ 10 จุด และ Color Management System ขอบเขตแม่สีหลักและรอง ผลลัพธ์ออกมาเข้าขั้น “เพอร์เฟกต์” ภาพ SDR และ HDR อยู่ในระดับ “Reference”
ส่วนภาพ HDR ค่าเริ่มต้นก็แม่นยำจนแทบไม่ต้องปรับอะไรเลย เป็นทีวีให้ให้ค่าแสงสีได้ถูกต้องระดับอ้างอิงจริงๆ

ทดสอบภาพ

ทดสอบหนัง 4K HDR แท้ๆเรื่อง X-Men Apocalypse ในฉากที่แม่สาว “จีน เกรย์” ระเบิดพลังฟินิกซ์ใส่เจ้าตัวร้าย เปลวไฟสีเพลิงมีความเจิดจรัสและทรงพลัง แอบรู้สึกได้ถึงความ “แผดเผา” บนร่างกาย สีที่แสดงได้ค่อนข้างโดดเด่นคือสีในโทนสีแดง คือให้ระดับความเข้มข้นได้ค่อนข้างทะลุทะลวง อีกเรื่องคือ Warcraft ในฉากที่พ่อมดเมอร์ลินร่ายเวทย์ยิงสายฟ้าฟาด ก็ให้ความรู้สึก “เปรี้ยงปร้าง” สาดกระหน่ำเข้าหา เป็นจุดที่ HDR ได้สำแดงเดช ต้องยอมรับว่าพื้นหลังที่ดำสนิทของจอ OLED ผสานเม็ดพิกเซลแบบ Self-Illuminating ที่กำเนิดแสงสีเองได้ จึงให้ระดับสีดำที่ดำสนิท รวมถึงสีสันที่จัดว่าชัดทุกมุมมอง ช่วยยกระดับภาพ HDR ให้ฉีกหนี LED LCD TV อย่างเห็นชัด ยิ่งปิดไฟมืดก็จะยิ่งเห็นภาพป็อปอัพได้อย่างสะท้านดวงตา

ฉากยิงไฟบรรลัยกัลป์ใส่เจ้า Apocalypse ภาพ HDR สำแดงได้เจิดจรัส สีสันอิ่มวาว
ฉากร่ายเวทย์เรียกสายฟ้าฟาดจากเรื่อง Warcraft จุดเด่นที่นอกเหนือจากทำระดับสีดำได้ดำสนิท เพื่อช่วยยกระดับภาพ HDR ให้เจิดจ้า ยังสามารถให้ รายละเอียดยิ่บย่อยในที่ืมืดของภาพได้อย่างชัดเปิดเผย !!
หากคิดว่าระดับความสว่างของ ในโหมดภาพ HDR ไม่ค่อยไบรท์โดนใจนัก ให้ไปเปิดฟีเจอร์ลับอย่าง HDR Brightness Enhancer ให้เป็น On จะช่วยบูสต์อัพความสว่าง ตัวอย่างคือภาพใบหน้าของสการ์เลตต์ โจฮันสันจากเรื่อง Lucy เปิดสว่างขึ้นอีก 1 สเต็ป

ทดสอบภาพจากแผ่น Blu-ray 1080p SDR ธรรมดากันบ้างจากเรื่อง X-Men 2 โมชั่นภาพเคลื่อนไหว หากคอนเทนต์เป็น 4K อยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องเปิดตัวช่วยแทรกเฟรมภาพอย่าง IFC : Intelligent Frame Creation ก็ได้ แต่หากดูคอนเทนต์พวก HD / Full HD เช่นนี้ การเปิด IFC ระดับ Min จะช่วยให้ภาพเคลื่อนไหวลื่นไหลขึ้น โดยไม่ก่อให้เกิดวุ้นเรืองแสงรอบตัวละครเพื่อเคลื่อนไหว เป็นระดับที่ให้ความสมดุลดี ส่วนระดับอื่นๆไม่ดีแทบทั้งหมด ให้งดใช้โดยเด็ดขาด อีกหนึ่งฟีเจอร์คือ Clear Motion เป็นการแทรกเฟรมดำสนิทไว้ระหว่าง 2 เฟรมภาพหลัก จะช่วยเรื่องภาพเคลื่อนไหวให้นิ่งขึ้น ลดอาการสั่นและเบลอ ถามว่าดีจริงไหม ? ขอตอบว่าก็ดีจริง แต่ก็จะแลกกับการที่ภาพจะกระพริบถี่ๆเพราะมีการแทรกเฟรมสีดำ โดยส่วนตัวผมไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ ยิ่งตาเรามันขี้จับผิดอยู่แล้ว ดูแบบธรรมดาเดิมๆจะดีที่สุด

X-Men 2 ภาพเป็น 1080p ตัวชิพประมวลผลภาพอัพสเกลให้เป็น 4K ภาพรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้าของเอริค (แม็กนีโต้) แสดงออกมาได้ชัดจะแจ้งว่า “หน้ายับมาก” (ฮา) ** ต้องปิดฟีเจอร์ที่เรียกว่า 1080p by 4 Pixel ทิ้ง ตัวทีวีจะทำการอัพสเกลภาพให้เป็น 4K อย่างอัตโนมัติ
ดูดิจิตอลทีวีก็ภาพสวยใสสบายบรื๋อ !

Input Lag

สำหรับการเล่นเกมส์ แนะนำให้เปิด Game Mode ค่า Input Lag หรือค่าดีเลย์ของการแสดงผลต่อคำสั่งจอยเกมส์ (ยิ่งค่าน้อยแปลว่ายิ่งตอบสนองไว = ดี) จะอยู่ที่ 25.7 ms เท่านั้น ในขณะที่โหมดอื่นๆจะกระโดดไปถึง 115 ms ฉะนั้นหากจะเล่นเกมส์ก็เปิด Game Mode ไว้แล้วจะรุ่ง ^ ^ 

สรุปเรื่องภาพ

ก็จัดว่าเป็นหัวแถวของ OLED TV ด้วยกัน ระดับสีดำที่ดำสนิท ผสานสีสันที่สดใสเจิดจรัสโดยยังคงความถูกต้องเอาไว้  พร้อมโหมดภาพสำเร็จรูประดับคุณภาพมากมาย หากจะบอกว่าคุณภาพของภาพอยู่ใน ระดับอ้างอิง” หรือที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า “Reference” ก็คงไม่ผิดกระไร เพราะโดยการสาธิตจากทีมวิศวกรของ Panasonic เองก็ทำการเทียบกับจอ Studio Reference Monitor ราคาหลักล้านกว่าบาท ที่ใช้ในการผลิตภาพยนตร์ในแวดวงฮอลลีวูดในทุกมิติการแสดงผลภาพกันแบบตัวต่อตัว ซึ่งต้องบอกว่าผลลัพธ์ใกล้เคียงกันมาก โดยผมเคาะให้ว่าเป็นทีวีที่ดีที่ให้ภาพที่ ดีที่สุด” เท่าที่ Panasonic เคยผลิตมา

ผมได้มีโอกาสสนทนากับทีมวิศวกรชาวญี่ปุ่นผู้พัฒนา EZ1000 – OLED TV ตัวนี้แบบลึกซึ้ง ซึ่งเขาก็เล่าถึงประวัติความเป็นมาตั้งแต่การพัฒนา Plasma TV พวกซีรีส์ VT ในสมัยก่อนจวบจนต่อยอดมาเป็น OLED TV เครื่องแรกเครื่องนี้ สิ่งที่ผม “รู้สึกได้” จากการสนทนาเพียงครึ่งชั่วโมงเศษคือ ทีมพัฒนาใส่ใจ “คุณภาพของภาพ” เป็นลำดับแรกเสมอ (First Priority) เพราะหัวใจของทีวีคือเรื่องภาพ จะเอาให้ดีเลิศที่สุดให้ได้ หากไม่ดีจริงไม่ปล่อยออกมาขายอย่างแน่นอน จึงไม่แปลกใจเลยว่า Plasma TV ในอดีตของ Panasonic จึงกินรวบคุณภาพของภาพทีวีแบรนด์อื่นๆมาหลายปีติดต่อกัน จนในที่สุดก็ต่อยอดมามาถึง OLED TV รุ่นใหม่ตัวนี้