30 Dec 2013
Review

เมื่อดนตรีถูกใช้เป็นเครื่องมือ “ครอบงำ” มนุษยชาติ !!! รีวิว Philips Fidelio SoundSphere DS9800W


  • ชานม

Sound – เสียง

ผลการทดสอบคุณภาพเสียง ผมทดลองกับลักษณะการใช้งานหลาย ๆ แบบดู เพื่อดูว่าตัวแปรใดส่งผลกับ DS9800W บ้าง ตั้งแต่เอาไปตั้งบนชั้น ลองเอาไปวางขาตั้ง ขยับไป ขยับมาอยู่หลายรอบ สามารถสรุปความได้ดังต่อไปนี้ (อ้างอิงตามสภาพใช้งานในห้องทดสอบ)

การวางบนขาตั้งที่สามารถขยับขยายระยะห่างได้ จะให้ในเรื่องของเวทีเสียงที่กว้างขวาง อันที่จริงด้วยรูปแบบการจัดวางไดรเวอร์ของ SoundSphere ช่วยให้ลำโพงมีมุมกระจายเสียงที่กว้างขวางอยู่แล้ว ผลพลอยได้ คือ แม้วางลำโพงห่างจากกันมาก ก็ไม่เกิดอาการ “กลางโหว่” แต่ที่โดดเด่นก็ คือ ตำแหน่ง Sweet Spot ที่ค่อนข้างกว้างขวาง ช่วยให้ยังพอสัมผัสถึงมิติเสียงได้ แม้มิได้นั่งอยู่กึ่งกลางลำโพงทั้งสอง (ซึ่งยังเป็นจุดที่เรียกว่าเพอร์เฟ็กต์ที่สุดสำหรับระบบสเตริโอ เช่นเดียวกับซิสเต็มนี้) หากจำเป็นต้องวางลำโพงทั้ง 2 ข้าง ห่างกันจริง ๆ สามารถปรับโท-อิน ช่วยได้ แต่ระยะห่างก็ไม่ควรมากเกินไป เพราะการถ่ายทอดมิติเสียงจะค่อย ๆ ลดทอนลง พร้อม ๆ กับเสียงที่บางลงด้วย

วางบนขาตั้ง ที่ระยะระหว่างลำโพงห่างกันราว 1.80 ม. วางหน้าตรง ไม่โท-อิน ให้เวทีเสียงที่กว้างขวาง
มุมกระจายเสียงจากเทคนิคของ SoundSphere มีส่วนช่วยส่งเสริมการสร้างสนามเสียงโอบล้อม ให้ผลลัพธ์คล้าย ๆ กับระบบเซอร์ราวด์เสมือนโดยอาศัยเอฟเฟ็กต์จากเสียงสะท้อน จึงเป็นรูปแบบที่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการรับชมภาพยนตร

การถ่ายทอดคุณภาพเสียงนั้น ทำได้น้อง ๆ ลำโพงวางหิ้งที่ใช้งานกับชุดเครื่องเสียงแยกชิ้นเลยทีเดียว สิ่งหนึ่งที่สัมผัสได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้ยินเสียง คือ ปริมาณเบสที่เกินตัว อาจเน้นปริมาณนำย่านอื่นอยู่บ้าง ซึ่งมิใช่เรื่องแปลกสำหรับลำโพงขนาดเล็กทว่าต้องการเติมเต็มเสียงย่านต่ำ ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งในการให้อรรถรสในการรับฟังดนตรีบางแนว หรือแม้แต่การรับชมภาพยนตร์ พูดได้ว่าสามารถใช้งานโดด ๆ โดยไม่มีความจำเป็นต้องเสริมซับวูฟเฟอร์ให้กับ DS9800W แต่อย่างใด และเหตุผลอีกประการที่ผู้ผลิตจูนเสียงมาเช่นนี้ เพื่อให้สามารถวางลำโพงในแบบ Free space กล่าวคือ อาจวางไว้กึ่งกลางห้องก็ได้ (ไม่ต้องอาศัยผนังในการจูนเสียงเบส) อันจะส่งเสริมเกี่ยวเนื่องไปถึงมุมกระจายเสียงของ SoundSphere ซึ่งช่วยให้รับฟังได้ในหลาย ๆ พื้นที่ ไม่เว้นแม้แต่ตำแหน่งด้านหลังลำโพง ! (เมื่อวางลำโพงไว้กึ่งกลางห้อง แล้วเดินอ้อมไปฟังด้านหลัง แม้การรับรู้เสียงย่านสูงจะลดทอนลงบ้าง แต่ก็ยังฟังดีกว่าลำโพงทั่วไป)

ภาคขยาย 50W Digital Amplifier ติดตั้งมาภายใน ไม่ต้องไปซื้อหาเพิ่มเติม ช่วยอำนวยความสะดวก และตัดปัญหาเรื่องของการแม็ตชิ่ง พละกำลังก็นับว่าเกินพอ แม้ไม่มีการแจ้งระดับวอลลุ่มอย่างชัดเจน จึงไม่สามารถอ้างอิงได้ แต่ผมทดลองเพิ่มระดับเสียงจนลั่นห้องแล้วก็ยังสามารถปรับเพิ่มได้อีก แต่ที่สำคัญคงมิใช่ว่าเปิดอัดได้ดัง ทว่าคุณภาพเสียงก็ได้มาตรฐาน ไม่พบเสียงที่ผิดเพี้ยนแปลกปลอม

การวางบนขาตั้งให้ผลลัพธ์ที่ดีในแง่เวทีเสียง แต่การวางบนชั้น ได้โทนัลบาลานซ์ที่น่าสนใจ

ที่ระยะลำโพงห่างกันราว 110 ซม. (ไกลสุดเท่าที่จะวางได้บนชั้นนี้) และระยะห่างจากผนังหลังอยู่ที่ 70 ซม. (วัดถึง
ระนาบทวีตเตอร์) วางหน้าตรง ไม่โท-อิน เป็นรูปแบบที่ตอบสนองการใช้งานเมื่อเน้นฟังดนตรีเป็นหลักได้ดีที่สุด บางทีถ้าเอาชั้นวางทีวีนี้ออกไป แล้วทดลองกับขาตั้งใหม่ ผลลัพธ์ที่ได้อาจพลิกไปจากนี้ แต่กระนั้นหากอิงจากสภาพแวดล้อมที่เป็นอยู่นี้ พบว่าได้เสียงร้องที่อิ่ม และมีน้ำหนัก จึงฟังแล้วผ่อนคลายกว่า ขณะเดียวกันเวทีเสียงก็มิได้หดแคบลงมากจนเกินไป ในขณะที่อิมเมจหนาแน่นกว่าแม้จะเบียดชิดอยู่บ้าง ไม่ถึงกับกระจายตัวเป็นอิสระชัดเจนเมื่อเทียบกับการวางบนขาตั้ง (ที่ระยะห่างมากกว่านี้) แต่ก็มิใช่การกระจายตัวแบบฟุ้งสะเปะสะปะ เสียงเบสหนักแน่นกำลังดี เน้นนิด ลักษณะคล้าย ๆ ผลลัพธ์จาก Audyssey Dynamic EQ นิด ๆ ซึ่งก็ช่วยให้รับรู้ตัวตนของเบสได้ แม้ฟังในระดับเสียงที่ไม่ดังนัก

คงไม่เป็นการเกินเลย หากผมบอกจะว่า DS9800W เป็นลำโพง Docking Speakers ที่รับฟังดนตรีคลาสสิกได้ออกรสออกชาติ (ทดสอบกับ Sibelius : Finlandia / Eiji Oue & Minnesota Orchestra; Reference Recordings; HK AV Show 2011 SACD) นั่นเป็นเพราะข้อจำกัดของขนาดลำโพง Docking Speakers ส่วนใหญ่ ที่มีขนาดเล็ก ไดรเวอร์ถูกรวมอยู่ในตู้ลำโพงเดี่ยวซึ่งยังให้เสียงได้ไม่เป็นอิสระเท่ากับลำโพงสเตริโอแยกชิ้น การตอบสนองเสียงความถี่ต่ำก็จำกัด บ้างที่แยกตู้ซับ ฯ ออกมาอาจจะเกะกะ และเซ็ตอัพยาก (ฟีเจอร์ในการปรับเซ็ตไม่ละเอียดพอ) แต่ปัญหาเหล่านี้จะมลายหายไป เมื่อเป็น DS9800W

หมายเหตุ
– การ โท-อิน ควรเป็นวิธีสุดท้ายที่ควรพิจารณาสำหรับ DS9800W เพื่อแก้ปัญหากลางโหว่ จากระยะลำโพงที่ห่างกันมากจนเกินไป หรือพบว่าสภาพการรับฟังยังให้เสียงที่ไม่เปิดชัดนัก ซึ่งถ้าหากเป็นสภาพการรับฟังปกติพบว่า วางหน้าตรง ให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าในหลาย ๆ ด้าน
– หากต้องการใช้งานร่วมกับขาตั้ง พบว่าขาตั้งไม้ช่วยส่งเสริมให้ได้ระดับโทนัลบาลานซ์ที่ดีกว่าขาตั้งโลหะ
– ด้านใต้ของลำโพง DS9800W ติดตั้งแผ่นยางรองไว้ป้องกันการลื่นไถล เพิ่มความมั่นคงในการตั้งวาง ดังนั้นจึงไม่มีความจำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ยึด หรือรองรับใด ๆ เพิ่มเติม (กรณีตั้งวางบนพื้นเรียบ อย่างโต๊ะ ชั้น หรือขาตั้ง)

รายงานการทดสอบนี้อาจดูเหมือนว่า การใช้งาน DS9800W มีความซับซ้อนยุ่งยาก ต้องมาตั้งลำโพงนู่นนี ดูวุ่นวายพิลึก อันที่จริงหากเพียงแต่นำ DS9800W ออกจากกล่อง แล้วหาที่เหมาะ ๆ ตั้งวาง เอาตามสะดวก มันก็น่าจะตอบสนองการใช้งานได้ดีอย่างน่าพอใจเช่นกัน หากแต่พิถีพิถันสักนิด บางทีลำโพง iPod เล็ก ๆ ชุดนี้ อาจจะให้เสียงอันแสนประทับใจมากกว่าที่ท่านจะคาดคิดก็เป็นได้ อย่างไรก็ดี สันทรีย จาก DS9800W เกิดจากปัจจัยพื้นฐาน คือ “อิสรภาพ” บนความบันเทิงที่มิได้ถูกพันธนาการด้วยข้อจำกัดจากเส้นสายเชื่อมต่อใด ๆ รวมไปถึงแนวคิดเรื่องของรูปลักษณ์ลำโพง !

อัตราการใช้พลังงานไฟฟ้าของ DS9800W ที่สถานะการใช้งานทั่ว ๆ ไป (ระดับวอลลุ่มปกติ ไม่เบา และไม่ดังจนเกินไป) อยู่ที่ราว 10 กว่าวัตต์ แต่อาจขึ้นไปแตะ 30 – 40 วัตต์ เมื่อเร่งระดับวอลลุ่มสูง (เสียงลั่นห้อง) ทั้งนี้หากเสียบปลั๊กทิ้งไว้เฉย ๆ (แต่ไม่ได้เปิดเสียงใด ๆ) จะกินไฟราว 9 วัตต์ ผมทดลองถอดสายสัญญาณ รวมไปถึงตัดการเชื่อมต่อแบบไร้สายออก พบว่า DS9800W จะอยู่ในสถานะ On ตลอดเวลา ไม่มีการตัดเข้าโหมดสแตนบาย ดังนั้นหากจะ Off เมื่อเลิกใช้งาน ต้องเดินไปกดสวิทช์เพาเวอร์เล็ก ๆ ที่ด้านหลังลำโพงเท่านั้น (ที่รีโมตไม่มี เพาเวอร์/สแตนบาย สวิทช์) หรือไม่ก็ถอดปลั๊กออกจากเต้ารับไปเลย

Conclusion – สรุป

จุดเชื่อมต่อและฟังก์ชั่นการใช้งานมิได้เยอะแยะซับซ้อนอะไร ซึ่งก็เป็นข้อดีสำหรับท่านที่ไม่อยากได้ระบบที่วุ่นวายในเรื่องของการเชื่อมต่อ จุดเด่นของ Philips DS9800W จึงเป็นความเรียบง่ายที่มาพร้อมกับดีไซน์แหวกแนว รูปลักษณ์ที่ดูขี้เล่นปนความน่ารักไปอีกแบบ ซึ่งน่าจะดึงดูดสายตาผู้คนที่พบเห็นได้ไม่น้อย แต่จะเรียกความสนใจได้มากกว่าถ้าหากได้ยินเสียง ไม่ว่ามันจะตั้งอยู่ที่ใด ในห้องนั่งเล่นก็ได้ หรือไว้ในห้องนอนก็ดี หรือแม้แต่ในห้องครัว มันอาจจะดูเหมือนไหกะปิ หรือไหดองกิมจิที่ใช้เทคโนโลยีของมนุษย์ต่างดาวจึงส่งเสียงได้… แต่ด้วยประการฉะนี้เป็นเหตุผลให้ รูปลักษณ์ และคุณภาพเสียง สามารถเติมเต็ม “ความมีชีวิตชีวา” ให้กับเรา ๆ ท่าน ๆ ได้ทุกวัน ทุกที่ ทุกเวลา หากการฟังเพลงทำให้มีความสุข นั่นหมายถึงหัวใจของคุณ อาจจะโดนความ “อิ่มเอม” เข้าครอบงำโดยที่ยังไม่รู้ตัวเลยก็เป็นได้…

คะแนน

ดีไซน์ (Design)
9.00
เสียง (Sound)
8.50
ลูกเล่น (Features)
7.00
การเชื่อมต่อ (Connectivity)
7.00
ความคุ้มค่า (Value)
7.00
คะแนนตัดสิน (Total)
7.70

คะแนน Philips SoundSphere DS9800W

7.7

* การให้คะแนน อิงมาตรฐาน Docking Speaker System

หมายเหตุประกอบการให้คะแนน
– ดีไซน์แหวกแนวดี มิใช่เพื่อหวังความหวือหวาอย่างเดียว ทว่าเสียงก็ดีด้วย มาตรฐานงานประกอบ โครงสร้างความแข็งแรง เทียบเท่าลำโพงวางหิ้งชั้นดี 
– คุณภาพเสียงโดดเด่นกว่าซิสเต็ม iPod Speakers ทั่วไป การขึ้นรูปอิมเมจทำได้ดีใกล้เคียงลำโพงวางหิ้งแยกชิ้นของชุด Hi-Fi เลยทีเดียว การตอบสนองความถี่ต่ำพอเพียงกับการรับฟังดนตรีหลากหลายแนวโดยไม่จำเป็นต้องพึ่งซับวูฟเฟอร์ เทคนิคการจัดวางไดรเวอร์ให้มุมกระจายเสียงกว้างกว่าลำโพง Bookshelf ปกติ ทำให้ศักยภาพไม่ลดทอนลงมากนักเมื่อมิได้อยู่ในตำแหน่ง sweet spot (ทั้งนี้จุดนั่งฟังอาจรวมไปถึงด้านหลังลำโพงด้วย เมื่อวางลำโพงไว้กึ่งกลางห้อง) พลังเสียงใหญ่เกินตัว
– ลูกเล่นพิเศษที่โดดเด่นที่สุดคงไม่พ้นรูปแบบการรับสัญญาณแบบไร้สาย (AirPlay) ช่วยปลดพันธนาการจากรูปแบบการเชื่อมต่อเดิม ๆ อย่างไรก็ดีความยืดหยุ่นทั้งในเรื่องของ HW/SW compatibility และฟีเจอร์ใช้สอย จะน้อยกว่ารูปแบบ DLNA อยู่บ้าง ไม่สามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตผ่านเครือข่ายไรสาย เมื่อกำลังเชื่อมต่อ AirPlay ขนาดซิสเต็มทำให้เหมาะกับการวางประจำที่ (ไม่สะดวกพกพา)
– จุดเชื่อมต่อไม่มาก เพราะเน้นเชื่อมต่อแบบ “ไร้สาย” หากมี USB input ด้วย จะยอดเยี่ยมมาก ขั้วต่อสายลำโพงแบบไบดิ้งโพสต์ดูดี เปลี่ยนสายลำโพงได้ (ถ้าจะเปลี่ยน) 
– ราคาอาจค่อนข้างสูง แต่ด้วยคุณภาพที่ได้ กับลักษณะอันแสนแหวกแนว ย่อมดึงดูความสนใจได้ไม่น้อย

by ชานม !
2011-09

เห็นมีเวอร์ชั่นทูโทนแบบ “เมทัลลิค” ด้วย สวยมาก แต่ไม่ทราบว่าในไทยมีขายไหม ?

DS9800W เป็นเพียงเสี้ยวหนึ่งของ ยุทธการครอบงำด้วยเสียง (ดนตรี) เท่านั้น
พบกับ Philips” Obsessed with Sound ได้อีก ในครั้งถัด ๆ ไป (เมื่อชาติต้องการ…)

ภาพซ้าย – เป็นคำแนะนำในการเอา “Face-hugger” ออกจากร่างผู้เคราะห์ร้าย…
(ด้านล่างมีโน้ตกำกับว่า หากดำเนินการผิดพลาด อาจเป็นอันตรายถึงชีวิต ทั้งตัวผู้เคราะห์ร้าย และปรสิตเอง ???)
ภาพขวา – อย่างไรก็ดีหากโดน Face-hugger เกาะหน้าไปแล้ว ก็ยังนับเป็นเรื่องน่ายินดี
(เพราะคุณกำลังจะได้โซ่ทองคล้องใจ ???)
ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต