Sound – เสียง
ผลการทดสอบคุณภาพเสียง ผมทดลองกับลักษณะการใช้งานหลาย ๆ แบบดู เพื่อดูว่าตัวแปรใดส่งผลกับ DS9800W บ้าง ตั้งแต่เอาไปตั้งบนชั้น ลองเอาไปวางขาตั้ง ขยับไป ขยับมาอยู่หลายรอบ สามารถสรุปความได้ดังต่อไปนี้ (อ้างอิงตามสภาพใช้งานในห้องทดสอบ)
การวางบนขาตั้งที่สามารถขยับขยายระยะห่างได้ จะให้ในเรื่องของเวทีเสียงที่กว้างขวาง อันที่จริงด้วยรูปแบบการจัดวางไดรเวอร์ของ SoundSphere ช่วยให้ลำโพงมีมุมกระจายเสียงที่กว้างขวางอยู่แล้ว ผลพลอยได้ คือ แม้วางลำโพงห่างจากกันมาก ก็ไม่เกิดอาการ “กลางโหว่” แต่ที่โดดเด่นก็ คือ ตำแหน่ง Sweet Spot ที่ค่อนข้างกว้างขวาง ช่วยให้ยังพอสัมผัสถึงมิติเสียงได้ แม้มิได้นั่งอยู่กึ่งกลางลำโพงทั้งสอง (ซึ่งยังเป็นจุดที่เรียกว่าเพอร์เฟ็กต์ที่สุดสำหรับระบบสเตริโอ เช่นเดียวกับซิสเต็มนี้) หากจำเป็นต้องวางลำโพงทั้ง 2 ข้าง ห่างกันจริง ๆ สามารถปรับโท-อิน ช่วยได้ แต่ระยะห่างก็ไม่ควรมากเกินไป เพราะการถ่ายทอดมิติเสียงจะค่อย ๆ ลดทอนลง พร้อม ๆ กับเสียงที่บางลงด้วย
วางบนขาตั้ง ที่ระยะระหว่างลำโพงห่างกันราว 1.80 ม. วางหน้าตรง ไม่โท-อิน ให้เวทีเสียงที่กว้างขวาง
มุมกระจายเสียงจากเทคนิคของ SoundSphere มีส่วนช่วยส่งเสริมการสร้างสนามเสียงโอบล้อม ให้ผลลัพธ์คล้าย ๆ กับระบบเซอร์ราวด์เสมือนโดยอาศัยเอฟเฟ็กต์จากเสียงสะท้อน จึงเป็นรูปแบบที่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการรับชมภาพยนตร
การถ่ายทอดคุณภาพเสียงนั้น ทำได้น้อง ๆ ลำโพงวางหิ้งที่ใช้งานกับชุดเครื่องเสียงแยกชิ้นเลยทีเดียว สิ่งหนึ่งที่สัมผัสได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้ยินเสียง คือ ปริมาณเบสที่เกินตัว อาจเน้นปริมาณนำย่านอื่นอยู่บ้าง ซึ่งมิใช่เรื่องแปลกสำหรับลำโพงขนาดเล็กทว่าต้องการเติมเต็มเสียงย่านต่ำ ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งในการให้อรรถรสในการรับฟังดนตรีบางแนว หรือแม้แต่การรับชมภาพยนตร์ พูดได้ว่าสามารถใช้งานโดด ๆ โดยไม่มีความจำเป็นต้องเสริมซับวูฟเฟอร์ให้กับ DS9800W แต่อย่างใด และเหตุผลอีกประการที่ผู้ผลิตจูนเสียงมาเช่นนี้ เพื่อให้สามารถวางลำโพงในแบบ Free space กล่าวคือ อาจวางไว้กึ่งกลางห้องก็ได้ (ไม่ต้องอาศัยผนังในการจูนเสียงเบส) อันจะส่งเสริมเกี่ยวเนื่องไปถึงมุมกระจายเสียงของ SoundSphere ซึ่งช่วยให้รับฟังได้ในหลาย ๆ พื้นที่ ไม่เว้นแม้แต่ตำแหน่งด้านหลังลำโพง ! (เมื่อวางลำโพงไว้กึ่งกลางห้อง แล้วเดินอ้อมไปฟังด้านหลัง แม้การรับรู้เสียงย่านสูงจะลดทอนลงบ้าง แต่ก็ยังฟังดีกว่าลำโพงทั่วไป)
ภาคขยาย 50W Digital Amplifier ติดตั้งมาภายใน ไม่ต้องไปซื้อหาเพิ่มเติม ช่วยอำนวยความสะดวก และตัดปัญหาเรื่องของการแม็ตชิ่ง พละกำลังก็นับว่าเกินพอ แม้ไม่มีการแจ้งระดับวอลลุ่มอย่างชัดเจน จึงไม่สามารถอ้างอิงได้ แต่ผมทดลองเพิ่มระดับเสียงจนลั่นห้องแล้วก็ยังสามารถปรับเพิ่มได้อีก แต่ที่สำคัญคงมิใช่ว่าเปิดอัดได้ดัง ทว่าคุณภาพเสียงก็ได้มาตรฐาน ไม่พบเสียงที่ผิดเพี้ยนแปลกปลอม
การวางบนขาตั้งให้ผลลัพธ์ที่ดีในแง่เวทีเสียง แต่การวางบนชั้น ได้โทนัลบาลานซ์ที่น่าสนใจ
ที่ระยะลำโพงห่างกันราว 110 ซม. (ไกลสุดเท่าที่จะวางได้บนชั้นนี้) และระยะห่างจากผนังหลังอยู่ที่ 70 ซม. (วัดถึง
ระนาบทวีตเตอร์) วางหน้าตรง ไม่โท-อิน เป็นรูปแบบที่ตอบสนองการใช้งานเมื่อเน้นฟังดนตรีเป็นหลักได้ดีที่สุด บางทีถ้าเอาชั้นวางทีวีนี้ออกไป แล้วทดลองกับขาตั้งใหม่ ผลลัพธ์ที่ได้อาจพลิกไปจากนี้ แต่กระนั้นหากอิงจากสภาพแวดล้อมที่เป็นอยู่นี้ พบว่าได้เสียงร้องที่อิ่ม และมีน้ำหนัก จึงฟังแล้วผ่อนคลายกว่า ขณะเดียวกันเวทีเสียงก็มิได้หดแคบลงมากจนเกินไป ในขณะที่อิมเมจหนาแน่นกว่าแม้จะเบียดชิดอยู่บ้าง ไม่ถึงกับกระจายตัวเป็นอิสระชัดเจนเมื่อเทียบกับการวางบนขาตั้ง (ที่ระยะห่างมากกว่านี้) แต่ก็มิใช่การกระจายตัวแบบฟุ้งสะเปะสะปะ เสียงเบสหนักแน่นกำลังดี เน้นนิด ลักษณะคล้าย ๆ ผลลัพธ์จาก Audyssey Dynamic EQ นิด ๆ ซึ่งก็ช่วยให้รับรู้ตัวตนของเบสได้ แม้ฟังในระดับเสียงที่ไม่ดังนัก
คงไม่เป็นการเกินเลย หากผมบอกจะว่า DS9800W เป็นลำโพง Docking Speakers ที่รับฟังดนตรีคลาสสิกได้ออกรสออกชาติ (ทดสอบกับ Sibelius : Finlandia / Eiji Oue & Minnesota Orchestra; Reference Recordings; HK AV Show 2011 SACD) นั่นเป็นเพราะข้อจำกัดของขนาดลำโพง Docking Speakers ส่วนใหญ่ ที่มีขนาดเล็ก ไดรเวอร์ถูกรวมอยู่ในตู้ลำโพงเดี่ยวซึ่งยังให้เสียงได้ไม่เป็นอิสระเท่ากับลำโพงสเตริโอแยกชิ้น การตอบสนองเสียงความถี่ต่ำก็จำกัด บ้างที่แยกตู้ซับ ฯ ออกมาอาจจะเกะกะ และเซ็ตอัพยาก (ฟีเจอร์ในการปรับเซ็ตไม่ละเอียดพอ) แต่ปัญหาเหล่านี้จะมลายหายไป เมื่อเป็น DS9800W
หมายเหตุ
– การ โท-อิน ควรเป็นวิธีสุดท้ายที่ควรพิจารณาสำหรับ DS9800W เพื่อแก้ปัญหากลางโหว่ จากระยะลำโพงที่ห่างกันมากจนเกินไป หรือพบว่าสภาพการรับฟังยังให้เสียงที่ไม่เปิดชัดนัก ซึ่งถ้าหากเป็นสภาพการรับฟังปกติพบว่า วางหน้าตรง ให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าในหลาย ๆ ด้าน
– หากต้องการใช้งานร่วมกับขาตั้ง พบว่าขาตั้งไม้ช่วยส่งเสริมให้ได้ระดับโทนัลบาลานซ์ที่ดีกว่าขาตั้งโลหะ
– ด้านใต้ของลำโพง DS9800W ติดตั้งแผ่นยางรองไว้ป้องกันการลื่นไถล เพิ่มความมั่นคงในการตั้งวาง ดังนั้นจึงไม่มีความจำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ยึด หรือรองรับใด ๆ เพิ่มเติม (กรณีตั้งวางบนพื้นเรียบ อย่างโต๊ะ ชั้น หรือขาตั้ง)
รายงานการทดสอบนี้อาจดูเหมือนว่า การใช้งาน DS9800W มีความซับซ้อนยุ่งยาก ต้องมาตั้งลำโพงนู่นนี ดูวุ่นวายพิลึก อันที่จริงหากเพียงแต่นำ DS9800W ออกจากกล่อง แล้วหาที่เหมาะ ๆ ตั้งวาง เอาตามสะดวก มันก็น่าจะตอบสนองการใช้งานได้ดีอย่างน่าพอใจเช่นกัน หากแต่พิถีพิถันสักนิด บางทีลำโพง iPod เล็ก ๆ ชุดนี้ อาจจะให้เสียงอันแสนประทับใจมากกว่าที่ท่านจะคาดคิดก็เป็นได้ อย่างไรก็ดี สันทรีย จาก DS9800W เกิดจากปัจจัยพื้นฐาน คือ “อิสรภาพ” บนความบันเทิงที่มิได้ถูกพันธนาการด้วยข้อจำกัดจากเส้นสายเชื่อมต่อใด ๆ รวมไปถึงแนวคิดเรื่องของรูปลักษณ์ลำโพง !
อัตราการใช้พลังงานไฟฟ้าของ DS9800W ที่สถานะการใช้งานทั่ว ๆ ไป (ระดับวอลลุ่มปกติ ไม่เบา และไม่ดังจนเกินไป) อยู่ที่ราว 10 กว่าวัตต์ แต่อาจขึ้นไปแตะ 30 – 40 วัตต์ เมื่อเร่งระดับวอลลุ่มสูง (เสียงลั่นห้อง) ทั้งนี้หากเสียบปลั๊กทิ้งไว้เฉย ๆ (แต่ไม่ได้เปิดเสียงใด ๆ) จะกินไฟราว 9 วัตต์ ผมทดลองถอดสายสัญญาณ รวมไปถึงตัดการเชื่อมต่อแบบไร้สายออก พบว่า DS9800W จะอยู่ในสถานะ On ตลอดเวลา ไม่มีการตัดเข้าโหมดสแตนบาย ดังนั้นหากจะ Off เมื่อเลิกใช้งาน ต้องเดินไปกดสวิทช์เพาเวอร์เล็ก ๆ ที่ด้านหลังลำโพงเท่านั้น (ที่รีโมตไม่มี เพาเวอร์/สแตนบาย สวิทช์) หรือไม่ก็ถอดปลั๊กออกจากเต้ารับไปเลย
Conclusion – สรุป
จุดเชื่อมต่อและฟังก์ชั่นการใช้งานมิได้เยอะแยะซับซ้อนอะไร ซึ่งก็เป็นข้อดีสำหรับท่านที่ไม่อยากได้ระบบที่วุ่นวายในเรื่องของการเชื่อมต่อ จุดเด่นของ Philips DS9800W จึงเป็นความเรียบง่ายที่มาพร้อมกับดีไซน์แหวกแนว รูปลักษณ์ที่ดูขี้เล่นปนความน่ารักไปอีกแบบ ซึ่งน่าจะดึงดูดสายตาผู้คนที่พบเห็นได้ไม่น้อย แต่จะเรียกความสนใจได้มากกว่าถ้าหากได้ยินเสียง ไม่ว่ามันจะตั้งอยู่ที่ใด ในห้องนั่งเล่นก็ได้ หรือไว้ในห้องนอนก็ดี หรือแม้แต่ในห้องครัว มันอาจจะดูเหมือนไหกะปิ หรือไหดองกิมจิที่ใช้เทคโนโลยีของมนุษย์ต่างดาวจึงส่งเสียงได้… แต่ด้วยประการฉะนี้เป็นเหตุผลให้ รูปลักษณ์ และคุณภาพเสียง สามารถเติมเต็ม “ความมีชีวิตชีวา” ให้กับเรา ๆ ท่าน ๆ ได้ทุกวัน ทุกที่ ทุกเวลา หากการฟังเพลงทำให้มีความสุข นั่นหมายถึงหัวใจของคุณ อาจจะโดนความ “อิ่มเอม” เข้าครอบงำโดยที่ยังไม่รู้ตัวเลยก็เป็นได้…
คะแนน
คะแนน Philips SoundSphere DS9800W
7.7
* การให้คะแนน อิงมาตรฐาน Docking Speaker System
หมายเหตุประกอบการให้คะแนน
– ดีไซน์แหวกแนวดี มิใช่เพื่อหวังความหวือหวาอย่างเดียว ทว่าเสียงก็ดีด้วย มาตรฐานงานประกอบ โครงสร้างความแข็งแรง เทียบเท่าลำโพงวางหิ้งชั้นดี
– คุณภาพเสียงโดดเด่นกว่าซิสเต็ม iPod Speakers ทั่วไป การขึ้นรูปอิมเมจทำได้ดีใกล้เคียงลำโพงวางหิ้งแยกชิ้นของชุด Hi-Fi เลยทีเดียว การตอบสนองความถี่ต่ำพอเพียงกับการรับฟังดนตรีหลากหลายแนวโดยไม่จำเป็นต้องพึ่งซับวูฟเฟอร์ เทคนิคการจัดวางไดรเวอร์ให้มุมกระจายเสียงกว้างกว่าลำโพง Bookshelf ปกติ ทำให้ศักยภาพไม่ลดทอนลงมากนักเมื่อมิได้อยู่ในตำแหน่ง sweet spot (ทั้งนี้จุดนั่งฟังอาจรวมไปถึงด้านหลังลำโพงด้วย เมื่อวางลำโพงไว้กึ่งกลางห้อง) พลังเสียงใหญ่เกินตัว
– ลูกเล่นพิเศษที่โดดเด่นที่สุดคงไม่พ้นรูปแบบการรับสัญญาณแบบไร้สาย (AirPlay) ช่วยปลดพันธนาการจากรูปแบบการเชื่อมต่อเดิม ๆ อย่างไรก็ดีความยืดหยุ่นทั้งในเรื่องของ HW/SW compatibility และฟีเจอร์ใช้สอย จะน้อยกว่ารูปแบบ DLNA อยู่บ้าง ไม่สามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตผ่านเครือข่ายไรสาย เมื่อกำลังเชื่อมต่อ AirPlay ขนาดซิสเต็มทำให้เหมาะกับการวางประจำที่ (ไม่สะดวกพกพา)
– จุดเชื่อมต่อไม่มาก เพราะเน้นเชื่อมต่อแบบ “ไร้สาย” หากมี USB input ด้วย จะยอดเยี่ยมมาก ขั้วต่อสายลำโพงแบบไบดิ้งโพสต์ดูดี เปลี่ยนสายลำโพงได้ (ถ้าจะเปลี่ยน)
– ราคาอาจค่อนข้างสูง แต่ด้วยคุณภาพที่ได้ กับลักษณะอันแสนแหวกแนว ย่อมดึงดูความสนใจได้ไม่น้อย
by ชานม !
2011-09
เห็นมีเวอร์ชั่นทูโทนแบบ “เมทัลลิค” ด้วย สวยมาก แต่ไม่ทราบว่าในไทยมีขายไหม ?
DS9800W เป็นเพียงเสี้ยวหนึ่งของ ยุทธการครอบงำด้วยเสียง (ดนตรี) เท่านั้น
พบกับ Philips” Obsessed with Sound ได้อีก ในครั้งถัด ๆ ไป (เมื่อชาติต้องการ…)
ภาพซ้าย – เป็นคำแนะนำในการเอา “Face-hugger” ออกจากร่างผู้เคราะห์ร้าย…
(ด้านล่างมีโน้ตกำกับว่า หากดำเนินการผิดพลาด อาจเป็นอันตรายถึงชีวิต ทั้งตัวผู้เคราะห์ร้าย และปรสิตเอง ???)
ภาพขวา – อย่างไรก็ดีหากโดน Face-hugger เกาะหน้าไปแล้ว ก็ยังนับเป็นเรื่องน่ายินดี
(เพราะคุณกำลังจะได้โซ่ทองคล้องใจ ???)
ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต