ภาพ
ในส่วนของเทคโนโลยีโมชั่นแทรกเฟรมภาพเคลื่อนไหว หรือที่ทาง Samsung ใช้ชื่อเรียกว่า Motion Plus นั้น สามารถเลือกได้ 3 ระดับ แบบสำเร็จรูป หรือจะกำหนดเอง (Custom) ก็ได้ ดังเช่นที่ทำได้ในรุ่นก่อน
ทั้งนี้ โดยทั่วไปหากการรับชมมิได้รู้สึกผิดปกติรำคาญตากับภาพเคลื่อนไหวบนจอ ก็ไม่มีความจำเป็นต้องใช้งานฟีเจอร์ดังกล่าวนี้ อย่างไรก็ดี การรับชมกับคอนเทนต์บางลักษณะ รวมถึงถ้าหากเป็นทีวีจอขนาดใหญ่ด้วยแล้ว อาจสังเกตความผิดปกติของภาพเคลื่อนไหวได้ง่าย หากเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น สามารถใช้งาน Motion Plus ได้ครับ
จากการทดลองใช้งานพบว่า ถ้าเป็นการรับชมบลูเรย์ (1080p/24) ใช้โหมด “Clear” ก็เพียงพอ โดยระบบจะทำการแทรกเฟรมเล็กน้อย แม้ไม่ได้รู้สึกว่าลื่นปื้ดๆ แต่ให้การเคลื่อนไหวที่เป็นธรรมชาติมากกว่า กล่าวคือ อารมณ์ยังคงใกล้เคียงกับการดูม้วนฟิล์มเดิมๆ อยู่ และที่สำคัญผลกระทบจากเทคโนโลยี Motion แทรกเฟรมเสมือน ที่มากเกินไป อย่างอาการเงาวุ้นๆ เกิดขึ้นรอบๆ วัตถุที่เคลื่อนไหว จะน้อยมาก เรียกว่าแทบสังเกตได้ยาก
แต่ถ้าหากต้องการแทรกเฟรมมากขึ้น เพื่อให้ได้ความลื่นไหลใกล้เคียงดังเช่นการรับชมคอนเทนต์ที่มีระดับเฟรมเรตสูง หรือเมื่อพบว่าบางคอนเทนต์เมื่อรับชมในโหมด Clear แล้วภาพยังดูสั่นๆ หรือสะดุดอยู่ ก็เพิ่มระดับไปให้เลือกโหมด Standard แทนได้ ภาพเคลื่อนไหวจะดูไหลๆ ลื่นๆ ขึ้นแน่นอนครับ แต่ก็มีโอกาสสังเกตเห็นเงาวุ้นๆ รอบๆ วัตถุเคลื่อนไหวได้ง่ายขึ้นเช่นกัน (โดยเฉพาะในฉากที่วัตถุเคลื่อนที่บนพื้นหลังที่มีรายละเอียดซับซ้อน) ส่วนระดับการแทรกเฟรมสูงสุด คือ Smooth นั้น อย่าใช้เป็นการดี แม้ลื่นสุด แต่จะสังเกตจุดบกพร่องได้ง่ายมากๆ ซึ่งตรงนี้มิใช่ความผิดปกติ เพราะถือเป็นเรื่องปกติสำหรับฟีเจอร์แทรกเฟรมซึ่งอาศัยกระบวนการทางเทคนิคขั้นสูงอันซับซ้อน ไม่ว่ายี่ห้อใดเมื่อเปิดระดับการแทรกเฟรมสูงสุด ก็มักจะพบจุดบกพร่องแบบนี้ได้เสมอ
หมายเหตุ: หากเป็นการเปิดรับชม 3D Frame Packing ระบบของทีวีจะจับสัญญาณและปรับเข้าสู่โหมดการแสดงภาพ 3D ให้เองโดยอัตโนมัติ แต่หากเป็นคอนเทนต์ 3D ฟอร์แม็ตอื่นๆ เช่น SBS หรือ Top-Bottom รวมถึงการแปลง 2D to 3D จะต้องกดปุ่ม 3D เลือกโหมดที่ถูกต้องเอาเองครับ
เสียง
คุณภาพเสียงยังคงทำได้ดี สำหรับทีวีที่มีข้อจำกัดในการติดตั้งลำโพง การให้น้ำหนักเสียงเบสพอเพียง รายละเอียดเสียงใช้ได้ ไม่คลุมเครือ และยังมีระบบจำลองเสียงเซอร์ราวด์มาด้วย ทดลองเปรียบเทียบดูครับว่าถูกรสนิยมหรือไม่
สรุป
ข้อดี
1. ดีไซน์สวยงามทั้งหน้า-หลัง ฐานตั้งโฉบเฉี่ยวโค้งมนยึดกับทีวีได้อย่างกลมกลืน มีฝาปิดช่องต่อสายดูเรียบร้อย
2. ภาพสว่าง กระจ่างจะแจ้งเป็นที่สุด หากจะอัดสู้แสงภายในห้องที่ไม่ได้ควบคุมแสงสว่าง คงไม่มีใครเทียบได้
3. ภาพสามมิติคมชัดแม้รับชมในระยะใกล้ ภาพไม่กะพริบแม้ใช้งานในห้องสว่าง และด้วยศักยภาพของทีวี โหมด 3D ภาพก็ยังสว่างชัดเจน ไม่อึมครึมเหมือนบางยี่ห้อ
3. ตอกย้ำผู้นำ Smart TV ด้วยการเพิ่มเติมลูกเล่น Smart Interaction มากขึ้น ทั้งท่าทาง และคำสั่งเสียง สั่งงานทีวีได้ ไม่ต้องพึ่งรีโมต
4. กล้องเว็บแคม Built-In อเนกประสงค์ ใช้งานได้หลากหลาย รวมถึงจับการเคลื่อนไหว สามารถพับเก็บได้ด้วย
5. มีแอพพลิเคชั่นมากที่สุดทั้งไทยและเทศ โหลดมาเก็บในเครื่องได้เยอะ
ข้อเสีย
1. การควบคุม Backlight แบบ Micro Dimming ยังไม่ละเอียดเท่ากับ Local Dimming แต่รุ่นใหม่ได้เพิ่มเติม Cinema Black เข้ามา ช่วยให้ควบคุมระดับแสง Backlight ช่วงบนและล่างของจอภาพได้ดีขึ้น
2. มุมมองดีขึ้น แต่ยังไม่ครอบคลุมกว้างขวางเพอร์เฟ็กต์ถึงที่สุด… ซึ่งคงไม่มีใครนั่งดูทีวีเอียงๆ กันมากกระมัง
3. ขาตั้งปรับหมุนซ้ายขวาไม่ได้
4. Smart Interaction ยังมีติดขัดเมื่อใช้งานจริงอยู่บ้าง
สรุป
Samsung UA55F8000 นับเป็นผลของการตอกย้ำนวัตกรรม Smart Interaction 2.0 ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น ในขณะที่คงศักยภาพในแง่การเป็นทีวีระดับอ้างอิง ที่ให้ความถูกต้องของสีสันได้เป็นอย่างดี แต่ที่โดดเด่นคือภาพที่สว่างกระจ่างชัดเจน เหมาะอย่างยิ่งกับการใช้งานในบ้านพักอาศัยทั่วไป และแน่นอนว่าดีไซน์นั้นตั้งโชว์ได้ ไม่อายใคร จะดูด้านหน้า หรือด้านหลัง ก็สวยนะเออ… อนาคตอัพเกรดได้ด้วยนะ