โดยลำโพง Subwoofer ที่แถมมาภายในชุดของ Klipsch HD Theater 600 จะเป็นแบบยิงคลื่นเสียงลงสู่พื้น (Down-firing) และมีท่อเบสอยู่ทางด้านหลัง ซึ่งตัวของ Subwoofer นั้นเป็นแบบ fiber-composite cone มีขนาดอยู่ที่ 8 นิ้ว สามารถตอบสนองความถี่ได้ตั้งแต่ย่าน 36Hz ไปจนถึง 200Hz และมาพร้อมกับภาคขยายในตัวที่สามารถให้กำลังขับได้สูงถึง 100 วัตต์อีกด้วย
Connectivity – ช่องต่อ
หลังจากที่พาคุณผู้อ่านไปดูที่ส่วนของดีไซน์ที่ค่อนข้างเยอะอยู่พอสมควรทีนี้ต้องขอพามาดูที่ส่วนของช่องต่อกันบ้าง สำหรับส่วนของช่องต่อที่อยู่บน Sherwood R-507 จะมีพอร์ตอะไรติดมาให้เราได้เลือกใช้งานบ้างนั้นไปดูกันเลย
โดยเจ้าพอร์ตต่างๆ ที่ว่านี้หลักๆ แล้วจะประกอบไปด้วย
1. Digital In ที่มีพอร์ตแบบ Coaxial จำนวน 1 พร์ต และ Optical อีก 2 พอร์ต
2. HDMI In จำนวน 3 พอร์ต และ HDMI Out อีก 1 พอร์ต
3. ช่องต่อสายสัญญาณวิทยุแบบ AM และ FM
4. พอร์ต RCA In อีกหลาย Input
5. พอร์ต RCA สำหรับเชื่อมต่อสายสัญญาณไปยังซับวูฟเฟอร์ จำนวน 1 พอร์ต
6. พอร์ต RCA สำหรับเชื่อมต่อ Video In และ Monitor Out สำหรับต่อแสดงผลหน้าเมนูของ AV Receiver ไปแสดงบนหน้าจอทีวี อย่างละ 2 พอร์ต
Setup – การติดตั้ง
มาถึงที่ส่วนของการติดตั้งตัวของลำโพง Front Left-Right, Surround Left-Right และลำโพง Center ที่เป็นลำโพงแบบวางหิ้ง ซึ่งในการใช้งานยิ่งด้วย Klipsch HD Theater 600 เป็นลำโพงขนาดเล็กแล้ว จึงทำให้เราสามารถเลือกได้ว่าจะวางบนขาตั้งหรือจะแขวนติดกับผนังห้องก็ได้ไม่ว่ากัน ถ้าหากท่านใดนำไปใช้งานกับห้องที่มีพื้นที่ใช้สอยไม่มากนักลองเลือกเป็นแบบแขวนกับผนังก็น่าจะลงตัวมิใช่น้อยเลยล่ะ