01 Jan 2016
Review

รีวิว Sherwood R-507 และ Klipsch HD Theater 600 เซ็ตสุดประหยัด ได้อารมณ์ไม่แพ้การรับชมในโรงภาพยนตร์


  • raweepon
มาถึงลำโพงอีกหนึ่งตัวที่ขาดไม่ได้เลยแม้แต่น้อย เพระว่าถ้าขาดเจ้านี่ไปรับรองได้เลยว่าการรับชมภาพยนตร์หรือการฟังเพลงจะหมดความสนุกไปทันที นั่นคือลำโพง Subwoofer แบบ Active

โดยลำโพง Subwoofer ที่แถมมาภายในชุดของ Klipsch HD Theater 600 จะเป็นแบบยิงคลื่นเสียงลงสู่พื้น (Down-firing) และมีท่อเบสอยู่ทางด้านหลัง ซึ่งตัวของ Subwoofer นั้นเป็นแบบ fiber-composite cone มีขนาดอยู่ที่ 8 นิ้ว สามารถตอบสนองความถี่ได้ตั้งแต่ย่าน 36Hz ไปจนถึง 200Hz และมาพร้อมกับภาคขยายในตัวที่สามารถให้กำลังขับได้สูงถึง 100 วัตต์อีกด้วย

เมื่อหันตู้ Subwoofer มาที่ด้านหลังจะเป็นที่อยู่ของปุ่มควบคุมภาคขยาย ซึ่งก็รวมถึงท่อเบสด้วยนั่นเอง
ซูมเข้ามาดูแผงควบควมที่ด้านหลังกันแบบชัดๆ จะเห็นส่วนที่เป็น Volume ปรับระดับความดังและปรับความถี่ ซึ่งก็รวมถึงพอร์ต RCA สำหรับเชื่อมต่อเข้ากับสายซับวูฟเฟอร์ที่เชื่อมมาจากตัว AV Reciver
เมื่อจับตัวตู้ Subwoofer ตะแคงข้างจะพบเข้ากับไดรเวอร์ Subwoofer ที่กระผมได้อธิบายไปก่อนหน้านี้ ซึ่งที่ขาตั้งทั้ง 4 ข้างจะมีแผ่นยางติดมาให้ เพื่อช่วยดูดซับแรงสั่นสะเทือนระหว่างขาตั้งลำโพงกับพื้น

Connectivity – ช่องต่อ

หลังจากที่พาคุณผู้อ่านไปดูที่ส่วนของดีไซน์ที่ค่อนข้างเยอะอยู่พอสมควรทีนี้ต้องขอพามาดูที่ส่วนของช่องต่อกันบ้าง สำหรับส่วนของช่องต่อที่อยู่บน Sherwood R-507 จะมีพอร์ตอะไรติดมาให้เราได้เลือกใช้งานบ้างนั้นไปดูกันเลย

เมื่อพลิกมาที่ด้านหลังของ AV Receiver จะเห็นว่ามีพอร์ตต่างๆ ใส่มาให้เราได้เลือกใช้งานเรียงรายอยู่อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย
ขอเริ่มที่มุมด้านซ้ายกันก่อนนะจ๊ะ ซึ่งส่วนใหญ่ที่บริเวณนี้จะเป็นส่วนของพอร์ต Input จากอุปกรณ์เครื่องเล่นภายนอกเป็นส่วนใหญ่

โดยเจ้าพอร์ตต่างๆ ที่ว่านี้หลักๆ แล้วจะประกอบไปด้วย
1. Digital In ที่มีพอร์ตแบบ Coaxial จำนวน 1 พร์ต และ Optical อีก 2 พอร์ต
2. HDMI In จำนวน 3 พอร์ต และ HDMI Out อีก 1 พอร์ต
3. ช่องต่อสายสัญญาณวิทยุแบบ AM และ FM
4. พอร์ต RCA In อีกหลาย Input
5. พอร์ต RCA สำหรับเชื่อมต่อสายสัญญาณไปยังซับวูฟเฟอร์ จำนวน 1 พอร์ต
6. พอร์ต RCA สำหรับเชื่อมต่อ Video In และ Monitor Out สำหรับต่อแสดงผลหน้าเมนูของ AV Receiver ไปแสดงบนหน้าจอทีวี อย่างละ 2 พอร์ต

ขยับมาต่อกันที่ด้านขวากันบ้างที่ส่วนนี้จะเป็นส่วนของ Output สัญญาณเสียงออกไปยังลำโพงทั้งหมด เช่น Front Left-Right, Surround Left-Right และ Center ที่ขั้วต่อนั้นเป็นแบบไบน์ดิ้งโพสต์
สายสัญญาณที่เชื่อมออกมาจากตัวของ Sherwood R-507 จะมาต่อเข้ากับช่องเสียบสายสัญญาณแบบสปริงหนีบของชุดลำโพง Klipsch HD Theater 600 ที่จุดนี้

Setup – การติดตั้ง

มาถึงที่ส่วนของการติดตั้งตัวของลำโพง Front Left-Right, Surround Left-Right และลำโพง Center ที่เป็นลำโพงแบบวางหิ้ง ซึ่งในการใช้งานยิ่งด้วย Klipsch HD Theater 600 เป็นลำโพงขนาดเล็กแล้ว จึงทำให้เราสามารถเลือกได้ว่าจะวางบนขาตั้งหรือจะแขวนติดกับผนังห้องก็ได้ไม่ว่ากัน ถ้าหากท่านใดนำไปใช้งานกับห้องที่มีพื้นที่ใช้สอยไม่มากนักลองเลือกเป็นแบบแขวนกับผนังก็น่าจะลงตัวมิใช่น้อยเลยล่ะ

ถ้าหากใครอยากใช้วางกับขาตั้งลำโพงภายในชุดทาง Klipsch ได้แถมแผ่นยางที่ไว้ใช้สำหรับแปะเข้ากับฐานของลำโพง เพื่อดูดซับแรงสั่นสะเทือนที่เกิดขึ้นระหว่างที่เราใช้งานด้วยนะ
เมื่อติดแผ่นยางเสร็จเรียบร้อยแล้วจะออกมาเป็นเช่นนี้ หลังจากนั้นกระผมได้ลองนำไปวางกับชั้นวางทีวีหรือขาตั้งลำโพงพบว่าแผ่นยางที่ติดลงไปนั้นมันหนึบดีเหมือนกันแฮะ
ถ้าหากใครต้องการประหยัดพื้นที่ด้วยวิธีการแขวนกับผนังทาง Klipsch เขาได้แถมที่ยึดมาให้ด้วย ซึ่งเมื่อจัดการติดตั้งเรียบร้อยเราสามารถปรับให้ตัวของลำโพง ก้ม-เงย ได้มากถึง 20 องศาเลยนะ
จากภาพด้านบนเป็นตัวอย่างของการติดตั้งลำโพงของแต่ละแชนแนลที่ติดมาให้ในคู่มือนั้นก็ไม่ยากนะ
ซึ่งภายในภาพก็มีการอธิบายด้วยรูปไว้ในแบบฉบับที่เข้าใจได้ง่าย
สำหรับรีวิวนี้กระผมได้เลือกตั้งลำโพงด้วยขาตั้งหรือถ้าใครชอบติดกับผนังนับว่าเป็นไอเดียที่ดีนะประหยัดพื้นที่ด้วย