06 Jun 2014
Review

มนต์เสน่ห์ไม่เสื่อมคลาย !!! รีวิว Sony 55W954A สัมผัสสีสันที่แตกต่างด้วย


  • lcdtvthailand

ภาพ

ก่อนจะเปิดประเด็นในด้านภาพ ขอกล่าวถึงสเปคของ Sony W954A กันก่อนครับ ความละเอียดหน้าจอของทีวีเป็น 1920 x 1080 (Full HD) แบคไลท์เป็น Edge LED ที่สามารถใช้งาน Local Dimming ได้ หรือที่ทาง Sony เรียกว่า “Dynamic Edge LED” และในปีนี้ทาง Sony มีเทคโนโลยีใหม่ที่ชื่อว่า Triluminos Display ( ซึ่งจะมีอยู่ในรุ่น W954 และ W904 ) ทำให้ทีวีสามารถแสดงสีได้กว้างขึ้น ภาพเคลื่อนไหวแบบ Motion Flow XR800 รองรับการใช้งาน OneTouch หรือเทคโนโลยี NFC พร้อม Sony Entertainment Network ครับ

BRAND Sony
Type of TVLED TV
ModelKDL-55W954A
Size55″
Year2013
Price (ราคาเปิดตัว)99,990
PICTURE
Resolution1920 x 1080
Backlight TypeTRILUMINOS ( Edge LED )
3D PlaybackYes ( Active )
2D to 3D ConversionYes
Video ProcessorX-Reality PRO
Panel TypeOptiContrast Panel
1080p CapableYes
MotionMotionflow XR 800Hz
Picture SensorLight Sensor
PIPYes
Viewing Angle178 Degree

ส่วนแรกที่ผมอยากจะกล่าวถึงเลยก็คือในด้าน “คุณภาพของภาพ” ซึ่ง Sony เน้นในจุดนี้เป็นหลัก โดยเฉพาะเทคโนโลยี Triluminos Displays หลายๆท่านอาจจะคุ้นเคยกับเทคโนโลยีนี้เมื่อประมาณ 4 -5 ปีที่แล้ว ซึ่งต้องบอกว่าแม้ชื่อจะเหมือนกัน แต่ใช้เทคโนโลยีที่ต่างกันครับ ถ้าเป็นเมื่อก่อน ( ปี2008 ) Triluminos ของ Sony คือการใช้หลอดแบคไลท์ 3 สีคือ แดงน้ำเงินและเขียว วางไว้ทั่วจอหรือที่เรียกว่า RGB LED

ในปัจจุบันนั้น Triluminos คือการใช้หลอดแบคไลท์สีน้ำเงินหรือที่เรียกว่า Blue LED แน่นอนว่าเป็นตัวปล่อยแสงสีน้ำเงินออกมา ก่อนจะส่งผ่านชั้น Color IQ ที่เป็นสีแดงและเขียวเพื่อผสมเป็นสีที่ต้องการ หลังจากนั้นก็จะเข้าสู่ขั้นตอนปกติคือลอดผ่านชั้นผลึกเหลว Liquid Crystal และ Color Filter เพื่อที่จะแสดงสีออกมาในแต่ละพิกเซลต่อไป

( ในขณะที่ LED TV ปกติทั่วไปหลอดแบคไลท์จะเปล่งสีขาวออกมาเท่านั้น )

กราฟเปรียบเทียบ Color Gamut ของ Triluminos Display และ LED TV ปกติทั่วไป

หลังจากทราบถึงหลักการทำงานของเจ้า Triluminos ไปแล้ว ข้อดีที่จับต้องได้ก็คือตัวทีวีมีความสามารถในการแสดงขอบเขตของสีมากขึ้น ทาง Sony ได้ยกตัวอย่าง LED TV ทั่วไปเป็นดินสอสีที่มีแค่ 12 แท่ง ส่วน Triluminos เป็นดินสอสีกล่องใหญ่ที่มีสีมากกว่า ผมได้ลองทดสอบเทียบทีวี 2 ตัวคือ Sony W954 และ Sony W804 (ไม่มี Triluminos ) ให้ทั้งสองตัวนี้ใช้โหมดภาพเดียวกันคือ Vivid ปรับค่าทุกอย่างเหมือนกันหมด เล่นจากคอนเทนต์เดียวกัน พร้อมกัน ปรากฏว่า Sony W954 แสดงสีสันของภาพออกมาได้เหนือกว่าเห็นๆ ในจุดนี้ถ้าท่านไหนมีโอกาสรับชมในงานบรรยาย TAV Show 2013 ก็น่าจะประจักษ์ต่อสายตากันทีเดียว 

ภาพบรรยากาศในงาน TAV SHOW 2013 ขณะทำการเปรียบเทียบ Triluminos Display

Sony 55W954A ถือเป็นรุ่นที่ต่อยอดมาจากรุ่นปีที่แล้วอย่าง HX855 เรียกได้ว่าแนวภาพจะคล้ายๆกันคือเป็นธรรมชาติและมีความนุ่มนวลสบายตาแฝงอยู่ด้วย เท่าที่ทดสอบรับชมภาพยนตร์ต่างๆเทียบกับทีวีหลายๆตัว ผมว่า Sony ให้ภาพที่ดีตั้งแต่โรงงาน โดยที่ไม่ต้องปรับแต่งอะไรมากมายเลยครับ  

ตัวอย่างภาพจาก Scene Mode : General และเลือก Picture Mode เป็น Vivid , Standard , Custom

อย่างที่ทราบกันดีว่าในโหมดภาพสำเร็จรูปของ Sony จะแบ่งตาม Scene Mode ด้วย ซึ่งแต่ละ Scene ก็จะปรับตั้งทั้งภาพและเสียงให้เหมาะกับการใช้งาน ยกตัวอย่างเช่นเลือก Scene เป็น Cinema ทั้งภาพและเสียงก็จะถูกปรับโหมดไปเป็นโหมด Cinema ด้วยครับ ในการทดสอบนี้ผมใช้ General และเลือก Picture Mode เป็น Custom เพื่อปรับแต่งภาพตามที่ต้องการ

ตัวอย่าง Scene Mode ของ Sony W954A
อัตราการกินไฟในโหมด Vivid ที่ฉากนี้ Amptitude 100% ผม อยู่เพียง 114 Watts เอง ถือว่าน้อยมากๆ ทั้งที่จอขนาด 55 นิ้ว นี่ถ้าเป็น Plasma TV ก็ปาเข้าไป 400-500W ทีเดียว
ลองทดสอบเจ้า Triluminos กับสีสันเจ็บๆอย่างสีแดงบ้าง เห็นแล้วปรี๊ดๆ คนที่ชอบภาพสีสันสดๆ ถือว่าตอบโจทย์มาก
สีที่เด่นชัดที่สุด คงไม่พ้นโทนสีน้ำเงินเข้มและสีฟ้า โดยเฉพาะสีจากน้ำทะเล ที่แสดงออกมาได้อย่างอิ่มเข้มจริงๆ
เจอคอนเทนต์หลายๆสีแบบนี้ บอกได้คำเดียวว่า มาถูกทางแล้วจ้า

ในด้านการรับชมภาพยนตร์ทั่วไป ที่ผมได้มีโอกาสนั่งดูอย่างเต็มๆเรื่องจาก Sony W954A ตัวนี้มีทั้ง Journey2 และ Life Of Pi ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ภาพดีทั้งคู่ ยิ่งได้ทีวีที่ภาพดีเข้าไปอีก ทำให้ดูได้อย่างเพลินตา ในเรื่อง Life Of Pi ที่มีสีสันสดใสของน้ำทะเลตัดกับท้องฟ้าอยู่ตลอด สีสันของแต่ละเม็ดพิกเซลมีความอิ่มเข้มแต่ไม่ทะลุออกมาจนทำให้เกิดอาการเมื่อยล้า ต้องบอกว่านี่ล่ะครับคือสไตล์ภาพของ “โซนี่”  โดยแท้จริง !

ทดสอบเล่น 3D กันบ้าง

Sony 55W954A ตัวนี้ใช้เทคโนโลยี 3D แบบ Active หรือแบบที่เป็น 3D Full HD แท้ๆ ไม่ถูกลดทอนความละเอียดลงไปนั่นเอง ซึ่งปกติแบรนด์ที่ใช้กันเช่น Samsung , Panasonic , Sony และอื่นๆอีกเพียบ ผมได้ทดสอบการรับชมทั้งในห้องที่เปิดและปิดไฟ โดยดูจากเรื่อง Step Up 3D อันคุ้นตา มิติของภาพที่ทำได้ใกล้เคียงกับรุ่นปีที่แล้วอย่าง HX855 แต่สิ่งที่พัฒนาขึ้นน่าจะเป็นการกระพริบของแว่นที่น้อยลงพอสมควร เรียกได้ว่า Active รุ่นใหม่ๆ ก็ดูนานๆได้ ไม่เมื่อยล้าอย่างที่หลายๆคนฝังใจเมื่อก่อน

ตัววัตถุจะแสดงมิติในแนวลึกได้อย่างดี
ฉากฟองสบู่นี่เอง ที่ทดสอบความลอยลึกของทีวีได้เป็นอย่างดี