ภาพ
ส่วนสำคัญที่ผมอยากจะทดสอบก็คือ “ภาพเคลื่อนไหว” ครับ ทีวีที่ดีจะต้องมีการแสดงภาพเคลื่อนไหวได้อย่างเยี่ยมยุทธ์ด้วย ซึ่งอ้างอิงมาจากค่า Response Time ที่ต่ำ แต่ดูเหมือนทุกวันนี้แต่ละแบรนด์ต่างออกมาเคลมกันจนกลายเป็นค่าการตลาดไปซะแล้ว การใช้วิธีวัดค่า Response Time ที่ต่างกัน ก็เหมือนไม่ได้ทำงานภายใต้กฏเดียวกัน จึงยากที่จะนำมาเปรียบเทียบกันได้ ยกตัวอย่างเช่นวิธีการวัดค่า Response Time ของ แบรนด์ A คือวัดจาก Black to Black นั่นคือเวลาที่เม็ดพิกเซลเปลี่ยนจากสีดำไปขาวและกลับมาดำอีกที ส่วนแบรนด์ B อาจจะวัดจาก Gray To Gray นั่นคือสีเทาเปลี่ยนเป็นขาวและกลับมาเทาเหมือนเดิม ค่าที่ออกมาอาจจะอยู่ที่ 2 ms เท่ากัน แต่การเปลี่ยนจากเทาหรือดำย่อมใช้ความเร็วที่ต่างกันอยู่แล้ว ดังนั้นวิธีการเช็คภาพเคลื่อนไหวที่ดีที่สุด นอกจากอ้างอิงค่าการตลาดแล้ว ยังต้องอ้างอิงมาจากภาพยนตร์ที่เราได้รับชมกันจริงๆอีกด้วย
สำหรับฟังก์ชั่นแทรกเฟรมภาพของ Sony W954A ที่แนะนำเลยก็คือโหมด “Impulse” ครับ การแทรกเฟรมตัวนี้อาจจะไม่ได้ทำให้ภาพลื่นไหลปรื้ดๆๆ เหมือนโหมดอื่นๆ แต่สิ่งที่วัดได้เลยคือ “ไร้อาการโกสต์” หรือเงาค้างติดภาพ เวลาเจอภาพเคลื่อนไหวเร็วๆ ประกอบกับการรับชมในห้องคุมแสงได้ ยิ่งดูสบายตา จนคล้ายกับแนวภาพของ Plasma TV เลยครับ
Aspect Ratio มีหลายแบบให้เลือกใช้งาน แต่สำหรับการดูหนังทั่วไป ผมแนะนำให้ใช้โหมด Full ครับ นั่นคือตัวทีวีจะสามารถแสดงภาพออกมาได้อย่างเต็มจอ ไม่มีส่วนใดส่วนนึงถูกคร็อปหายไป
Sony 55W954A เป็น Dynamic Edge LED หรือก็คือ Edge LED ที่สามารถทำ Local Dimming ได้ ซึ่งมีให้เลือกระดับ Low หรือ Standard จากการทดสอบดูในห้องมืดๆ ก็พบว่าเจ้า Local Dimming สามารถทำหน้าที่ของมันได้ดีทีเดียว การคุมเปิดปิดแสงไฟเป็นกลุ่มๆทำได้อย่างนุ่มนวล และดำมืดจริงๆ ไม่เสียอรรถรสในการรับชมแน่นอน ยิ่งเจอห้องที่มีสภาพแสงสว่างๆล่ะก็ ความดำนั้นกินขาด ^^ ได้ใจไปเต็มๆเลยล่ะ สมเป็นตัวท็อปแห่งปี 2013
Sony LED TV ในปี 2013 นั้นผนวกเอา Digital Tuner แบบ DVB-T2 ไว้ในเครื่องปีทุกรุ่นแล้ว ( DVB-T2 คือมาตรฐานการส่งสัญญาณทีวีภาคพื้นดินแบบดิจิทัลที่ประเทศไทยเลือกใช้ ) แน่นอนว่าเราต้องมาทดสอบกันหน่อยแล้ว ด้วยวิธีการง่ายๆทั่วไปคือต่อสายอากาศเข้าช่อง Antenna ( โดยเป็นเสาก้างปลาปกติบนหลังคาบ้านเราเนี่ยล่ะครับ ) และกด Auto Tuning ไปเลย ครั้งแรกจะใช้เวลานานหน่อย แต่เพียงเท่านี้ก็สามารถรับชมดิจิทัลทีวีได้แล้ว ( ป้จจุบันมีการทดลองออกอากาศอย่างเป็นทางการอยู่จนถึงปี 2557 )
เสียง
เป็นถึงทีวีตัวท็อป ระบบเสียงก็ต้องจัดเต็มมาให้ด้วยสินะครับ ตัวลำโพงที่เรียกว่า Bass Reflex Speaker Box ถูกบรรจุอยู่ในทีวีรุ่นนี้ด้วย ซึ่งมาช่วยเติมเต็มเสียงให้มีน้ำมีนวลยิ่งขึ้น และอีกเทคโนโลยีคือ Acoustic Isolation ที่ช่วยลดอาการเสียงสะท้อนอย่างได้ผลจริงๆ ผลจากการใช้งานจริงในห้องนั่งเล่นระยะรับชมประมาณ 3 เมตรก็ยังให้เสียงที่มีรสชาติเป็นเยี่ยมอยู่ โดยเฉพาะการนั่งฟังคอนเสิร์ตที่ดูมีชีวิตชีวากว่า LED TV รุ่นระดับล่างๆมากมาย
เพิ่มเติม
ส่วนนี้ผมจะขอพูดถึงความสามารถในด้านการใช้งาน Internet TV ในรุ่น Sony W954A บ้างครับ นับว่าในปัจจุบันมีหลายส่วนให้ใช้งานไม่ว่าจะเป็น คอนเทนต์ในประเทศ ที่เพิ่มมากขึ้น หรือหมัดเด็ดที่เอามาชกคู่แข่งให้หงายหลังอย่างเทคโนโลยี NFC ชื่อว่า OneTouch และการส่งผ่านหน้าจอโทรศัพท์มือถือเข้าสู่จอทีวีด้วยการเชื่อมต่อ MHL หรือแม้กระทั่งไร้สายด้วยเทคโนโลยี Screen Mirroring
สิ่งที่เรียกว่า OneTouch แท้จริงแล้วคือเทคโนโลยี NFC หรือ Near Field Communication ซึ่งเป็นการสื่อสารและเปลี่ยนข้อมูลกันของอุปกรณ์สองสิ่งในระยะใกล้ๆไม่เกิน 4 เซ็นติเมตร หรือยกตัวอย่างถ้าผมอยากส่งรูปภาพจาก Smart Phone เข้าไปแสดงบนจอทีวี ผมเพียงแค่นำโทรศัพท์มือถือไปแตะรีโมทแท่งสีดำๆที่มีเซ็นเซอร์ NFC เท่านั้นเอง
** โทรศัพท์มือถือต้องรองรับการใช้งาน NFC ด้วย ***
สำหรับความสามารถในส่วนเพิ่มเติมของตัวทีวี Sony 55W954A นั้น แม้จะไม่สามารถดาวน์โหลดแอพมาใส่แบบแบรนด์อื่นๆ แต่จุดเด่นในการใช้งานก็ยังเป็นลูกเล่นที่ใช้งานได้จริงอย่าง OneTouch หรือ ScreenMirroring ครับ ยิ่งผู้ที่ใช้งานเป็นคนที่ชื่นชอบเทคโนโลยีอยู่แล้ว ก็สามารถทำให้เพื่อนๆร้องว้าว!! เวลามาที่บ้านได้เลย ส่วนการเล่นหนังผ่านช่องต่อ USB ก็ยังถือเป็นจุดอ่อนของ Sony อยู่ในด้านการรองรับซับไตเติ้ลแบบต่างๆ ( แต่จริงๆแล้วก็เป็นจุดอ่อนของทีวีทุกแบรนด์ล่ะครับ ) เพราะถ้าจะเล่นหนังจริงๆแนะนำให้เล่นจาก HD Player ให้ภาพและเสียงที่ดีกว่าเยอะ