เสียง
คุณภาพของเสียง Sony KD-55X9000E ให้ลำโพงกำลังขับ 10 + 10 Watts แบบ Bass Reflex มีลูกเล่นอัพเกรดเสียงอย่าง Clear Audio + มาให้ ซึ่งผมลองเปิดใช้งานดูแล้วอันนี้ถือว่าช่วยได้จริง เสียงจะถูกบูสท์ขึ้นมาให้ดีขึ้นกว่าปกติเล็กน้อย ส่วนโหมดเสียงสำเร็จรูปมี Standard , Dialogue, Sport, Cinema, Music เป็นต้น ที่ผมชอบที่สุดคือโหมดเสียง Standard นี่แหละ กลางๆดี ทดสอบคุณภาพเสียงด้วยแผ่นบลูเรย์คอนเสิร์ตของป๋า Barry Manilow คุณภาพโดยรวมผมให้อัพเกรดจาก X9300D / X8500D มีสเต็ปหนึ่ง รุ่นปี 2016 ผมว่าเสียงมันยังแค่พอฟังได้จะติดอู้ๆหน่อย พอมาปี 2017 รู้สึกว่ามีความคึกคักกระฉับกระเฉงน่าฟังขึ้น เบสมีให้ได้ลิ้มรสอย่างพอประมาณ เสียงร้องใสขึ้นกว่าปีก่อนแต่ก็ไม่ถึงขั้นใสไร้สิว สำหรับการดูรายการทีวี ดูหนังแบบปกติ ก็จัดว่าพอใช้ได้ไร้ปัญหา แต่ก็มิอาจถึงขั้นที่ต้องชมเชย !
เพิ่มเติม
Android TV ของ Sony X9000E เป็นเวอร์ชั่นใหม่ล่าสุดคือ Android 7.0 Nougat จุดเด่นของ Android TV แท้ๆคือ จำนวนและคุณภาพแอพส์จาก Google Playstore ซึ่งจะแสดงผลบนจอทีวีได้อย่างสมบูรณ์ ต่างจากพวก Android TV แบบครึ่งควบลูกที่ดัดแปลงจาก Smart Phone นำมาลงทีวี พร้อมความสามารถในการเชื่อมต่ออุปกรณ์ควบคุมต่างๆแบบไร้สาย ไม่ว่าจะเป็น เมาส์ คีย์บอร์ด จอยเกมส์ PS4 Dual Shock หรือแม้กระทั่งหูฟัง Bluetooth ส่วนคำสั่งเสียงในการค้นหาคลิปวีดีโอต่างๆก็ยังรองรับเช่นเคย เพียงแค่กดปุ่มรูปไมโครโฟนบนรีโมทแล้วพูด Keyword ลงไป (ต้องเปิดการอนุญาตให้ใช้คำสั่งเสียงในเมนู Setting ก่อนด้วย) สำหรับเวอร์ชั่น 7.0 มีจุดที่พัฒนาขึ้นมาหลักๆ 2 จุดด้วยกันได้แก่
1) Picture in Picture (PIP) : สามารถทำภาพซ้อนภาพได้ โดยหน้าต่างแรกจะเป็นช่องอินพุท HDMI ส่วนอีกหน้าต่างจะเป็นหน้าแอพที่เราเล่นอยู่
2) Quick Switch Between App : ฟีเจอร์ใหม่ในการเลือกสลับแอพส์ใช้งานด้วยความรวดเร็ว เพียวแค่กดปุ่ม HOME ค้างไว้ หน้าจอก็จะแสดงพวกแอพส์ต่างๆที่เราเปิดค้างไว้อยู่เรียงกันให้เราเลือกสลับใช้
ข่าวดีก็คือท่านที่มี Android TV ของ Sony ตั้งแต่ปี 2015 / 2016 ก็อดใจรออีกซักนิด คาดว่าไม่เกินปลายปี 2017 นี้ท่านก็จะได้ร่วมอัพเดทเวอร์ชั่นของ Android TV ให้เป็นเวอร์ชั่น 7.0 “เราจะไม่ทิ้งกันนะ” Sony ได้กล่าวเอาไว้ (ฮา)