09 Nov 2014
Review

เจ้าแห่ง 4K ! รีวิว Sony KD-65X9000B ของแท้ต้นตำรับ


  • lcdtvthailand

ภาพ

ทดสอบภาพ 2 มิติ

Sony KD-65X9000B LED TV (แบบ Edge พร้อม Local Dimming)  มีความละเอียดหน้าจอแบบ  4K หรือ 3840 x 2160 พิกเซล มีเทคโนโลยี Triluminos สามารถแสดงขอบเขตของสีได้กว้างขึ้น ส่งผลให้แสดงสีสันได้สดสมจริงยิ่งขึ้นกว่ารุ่นที่ไม่มี มี X-Tended Dynamic Range เพิ่มอัตราส่วนความมืด-สว่างขึ้นอีก โดยความสว่างจะได้จากหลอดไฟ LED ที่เพิ่มระดับความสว่างมากขึ้น ส่วนความมืดก็ตกเป็นหน้าที่ของ Local Dimming ที่ช่วยหรี่หรือปิดหลอดไฟในช่วงภาพที่เป็นสีดำให้ดำสงัดยิ่งขึ้น ผมเริ่มด้วยการปรับโหมดภาพให้เหมาะสมกับการรับชมในห้องนั่งเล่นทั่วไปเสียก่อน โดยผมเลือกโหมดภาพอย่าง Custom ซึ่งแสงสีเป็นโทนอุ่น (Warm) ซึ่งใกล้เคียงค่าอ้างอิงมากที่สุด เริ่มจากแผ่น Life of Pi  “ฉากตะวันทอแสง” ที่ผมเองเปิดบ่อยในงานบรรยายเพื่อใช้ทดสอบประสิทธิภาพของทีวี แนวภาพของ Sony ตัวนี้มีความใสให้มิติลุ่มลึกได้ดี สีสันมีความเป็นธรรมชาติสูง เนื้อสีมีน้ำหนักพอเหมาะ ไม่ได้ติดอิ่มข้นหรือใสจางเกินไป ภาพมีความเนียนและสะอาดตา โดยส่วนตัวผมว่าสมดุลมาก ดูได้ในระยะยาวไม่มีเบื่อ เปรียบได้ดั่งลำโพงอังกฤษยี่ห้อโปรดของผมอย่าง Bowers & Wilkins ที่ให้ความเป็นกลาง ธรรมชาติ ฟังไพเราะเสนาะหูได้เป็นเวลานาน  พอเปิดการทดสอบฉากตะวันทอแสง เปิด Local Dimming ช่วยด้วย (ปรับที่ LED Dynamic Control) สีทองของแสงตะวันมีความอร่ามอยู่ในตัวมัน มิได้รุกเร้าแบบยัดเยียดจนรำคาญสายตา การไล่ดิมหรี่แสงให้ฉากที่มืดสนิทก็ทำได้เนียนตา ด้วยแผงกระจกด้านหน้าช่วยยกระดับความลุ่มลึกได้ดี อารมณ์ประมาณ W954 มีกระจก VS W904 ไม่มีกระจก ของปีที่แล้ว ความคมชัดกับคอนเทนต์ Full HD แน่นอนว่ามิอาจคมกริบเท่าคอนเทนต์ 4K แท้ๆ กระนั้นก็จัดอยู่ในระดับดูได้ไร้ปัญหา ขนาดจอระดับ 65″ ระยะรับชมซัก 2.5 เมตรขึ้นไปถือว่าเพียงพอแล้ว ส่วนผมนั่งห่าง 3 เมตร ก็ยิ่งโอเคเข้าไปใหญ่

ขอบเขตของสีในโหมด Custom VS โหมด Vivid

โดยโหมด Custom สามารถแสงขอบเขตของสี (Rec 709) และให้ค่าสมดุลแสงขาว White Balance (D65) ได้ใกล้เคียงกับค่าอ้างอิงมากที่สุดในขณะที่โหมด Vivid จะสามารถขยายขอบเขตการแสดงสีได้เกินมาตรฐานโดยเฉพาะสีเขียว ส่วนสมดุลแสงขาวจะติดอมน้ำเงินแบบสดชื่น

Pre-Calibration ก้อนปรับภาพ : โหมด Custom และ Color Temp เป็น Warm 2
Post Calibration หลังจากปรับภาพ : ปรับได้แต่ 2P White Balance แต่นั้นก็ช่วยให้ขอบเขตการแสดงเฉดสีของแม่สีหลักและรองดีถูกต้องตามมาตรฐานไปโดยปริยาย (เยี่ยมมจริง เหมือนยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว)
Picture ModeCTTGammaLuminanceConsumptionBacklight
avgavgfLW 
Vivid196120.76109.5205Max
Standard105371.958.51345
Custom70442.2459.81697
Calibrated63872.2350.11596

หมายเหตุ

1. โหมดภาพอื่นอย่าง Vivid ให้ภาพที่สดใสจัดจ้านมาก ได้อิทธิพลมาจาก Triluminos เต็มๆ

 2. โหมด Standard ก็แนะนำให้ใช้เมื่อดูพวกดิจิตอลทีวีช่อง SD และต้องการยกระดับความจัดจ้านขึ้นมา

ฉากตะวันทอแสงใน Life of Pi

ส่วนภาพเคลื่อนไหว ตัวเลขเคลมอย่าง Motion Flow จะ 960Hz หรือ 800Hz ทั้งหลายแหล่ทีมงานไม่ค่อยได้อ้างอิงมานานแล้วเพราะส่วนใหญ่จะทดสอบกับ Pattern ทดสอบและคอนเทนต์หนังจริงๆพิสูจน์ให้เห็นกับตามากกว่าเชื่อเรื่องตัวเลข ทดสอบโดยหนัง Blu-ray เรื่อง X-Men ภาค 2 ฉากที่โลแกน (Wolverine) เดินนลบันไดบ้าน ที่ดีจนน่าประหลาดใจคือ ไม่จำเป็นต้องเปิด Motion Flow ช่วยพยุง (Motion Flow : Off) ก็ถือว่าภาพเคลื่อนไหวดูได้แล้ว ไม่แสดงการภาพอ่อนหล้าเหมือนทีวี 4K Ultra HD ค่ายอื่น แต่ถ้าหากต้องการเปิด Motion Flow ขอบอกว่าเปิดได้ครับ ช่วยให้ภาพลื่นไหลและยังคงความเป็นธรรมชาติได้อย่างดี โดยเฉพาะกับการดูคอนเทนต์ความละเอียด 1080 ทั้งหลายนี่ต้องใช้การแทรกเฟรมภาพช่วยพยุงเสมอ อาทิโหมด True Cinema นี่ถือว่าลื่นสุด รองมาก็พวก Clear/ Clear Plus  ส่วนโหมด Impulse ขวัญใจทีมงานก็ยังมีมาให้ เป็นโหมดที่ “แทรกเฟรมดำ” ระหว่างเฟรมภาพหลัก 2 เฟรม เพื่อช่วยให้ภาพเคลื่อนไหวลื่นปรู๊ดปร๊าดและปราศจากโกสท์ด้วย ทำได้ดีมากมาตั้งแต่รุ่น W954 (2013) หากท่านชอบภาพแนว Plasma TV ก็อาจจะชอบมากก็เป็นได้ แต่ก็ยังมีข้อจำกัดอย่างการกระพริบของภาพและระดับความสว่างที่ดร็อปลงไปอยู่มากโข ฉะนั้นโหมด Impulse นี่เปรียบได้ดั่งดีไซน์ของลำโพงของรุ่นนี้กล่าวคือ คนจะชอบก็ชอบเลย หากจะไม่ชอบก็เกลียดไปเลยว่างั้น ส่วนโหมดที่ยังมีวุ้นเรืองแสงเมื่อวัตถุเคลื่อนไหวเร็วๆอย่าง Standard และ Smooth ก็แนะนำว่าอย่าไปใช้ สรุปแล้วภาพเคลื่อนไหวของ X9000 อยู่ใน “เกณฑ์ดี” จะใช้ Motion Flow ช่วยหรือไม่ช่วยก็ได้แล้วแต่ความชอบเลย

ส่วนความเก๋าของ Sony ก็คือเป็นผู้ผลิตภาพยนตร์ฮอลลีวูดเอง กล้อง 4K ก็ของตัวเอง จอฉายโปรเจกเตอร์ 4K ในโรงหนังก็ของตัวเอง หนังที่ผลิตมาเป็นแผ่น Blu-ray ก็ของตัวเอง ช่วงปลายปี 2013 ที่ผ่านมาก็มีหนัง Mastered in 4K ออกมาหลายเรื่องอย่าง Total Recall , Spiderman และอื่นๆ คราวนี้ในฐานะผู้ผลิตทีวี 4K ก็ได้จัดการใส่ “โหมดภาพลับ” เพื่อเพิ่มคุณภาพของภาพหากเล่นหนัง Mastered in 4K บนจอทีวี 4K ของ Sony เอง โดยผมเองใข้เรื่อง Spiderman ภาคแรกที่ “โทบี้ แม็กไกวร์” เล่น ซึ่งเป็นแผ่น Mastered in 4K และใช้โหมดภาพ Custom หลังจากนั้นให้เลือก Scene Select : เป็น Cinema แล้วมาปรับ Reality Creation เป็น Auto หรือ Manual และ เปิด Mastered in 4K ให้เป็น On เพื่อให้ทีวีรับทราบว่านี่ฉันกำลังแสดงภาพ 1080p/24Hz จากแผ่น Mastered in 4K อยู่นะ และจะได้ทำการยกระดับความคมชัดและแสงสีของภาพให้เหมาะสมกับคอนเทนต์ Mastered in 4K ที่เล่นอยู่ ผลก็คือสีสันมีความอิ่มเข้มขึ้น รายละเอียดเพิ่มขึ้นอีกนิดโดยไม่ได้นำพาพวก Noise ติดสอยห้อยตามมาด้วย ผมใช้ฉากที่ผู้บริหารรุ่นแก่ประชุมกันในบริษัท Oscorp ทำการทดสอบเพราะสามารถสังเกตเทียบสีผิวและรอยเหี่ยวย่นตามหน้าผากและโหนกแก้มได้ง่ายดี ท่านไหนมีแผ่น Mastered in 4K อยู่ลองไปเล่นดูได้ เป็นเอกสิทธิ์แมตช์ชิ่ง Software & Hardware ของ Sony โดยเฉพาะ

แผ่น Blu-ray Spiderman แบบ Mastered in 4K เลยขอใช้ฟีเจอร์ภาพ Mastered in 4K ของทีวีควบคู่ซะหน่อย เลือก Scene Select : Cinema // เปิด Reality Creation : Auto หรือ Manual // และเปิด Master in 4K : On สีสันสดใสขึ้น รายละเอียดดีขึ้นนิดหน่อย

การแสดงภาพดิจิตอลทีวีหากเป็นช่อง HD อย่างพวกช่อง One HD / ThaiPBS HD / ช่อง 5 HD หรือ ThairathTV HD แสดงผลได้ดีเป็นที่น่าพอใจมาก ภาพมีความคมชัดกำลังดีไม่มีขึ้นขอบ ระบบ Scaler ช่วยยกระดับภาพได้ดี ที่แน่ๆดีกว่าปีแล้วแล้วทั้งรายละเอียดและภาพเคลื่อนไหว ผมเปิดละคร “สงครามนางงาม” (Beauty and The Bitches) ช่อง One HD ทดสอบได้หลายอย่างมากทั้งการอ้างอิงทั้งสีผิวของน้องๆ สภาพไม่เรียบเนียนของใบหน้า (ผิวไม่ดี) และรอยโบกเครื่องสำอางที่แต่งไม่เนียนเมื่อเจอกล้องซูมแฉระยะใกล้ X9000B ก็ถ่ายทอดเชิงแฉออกมาได้อารมณ์ประหนึ่งไปยืนจ้องหน้าของน้องๆในระยะเผาขน สุดท้ายกลายเป็นติ่งละครไปเลย (ฮา) ส่วนช่อง SD นี่ภาพมาความละเอียดต่ำมากอยู่แล้ว ความคมชัดอาจจะอยู่ระดับกลางๆเท่านั้น เป็นอันเหนื่อยใจของทีวี 4K แทบทุกตัวในวงการ 

ทดสอบช่องดิจิตอลทีวีทั้ง HD / SD