29 Sep 2016
Review

รีวิวหูฟัง Sony MDR-1000X เงียบสงัดชัดแน่น ดั่งห้องฟังเพลงพกพาได้


  • lcdtvthailand

ลูกเล่น

ด้านลูกเล่นของ Sony MDR-1000X นั้น ที่เห็นเด่นชัดชนิดชูโรงมาเลยคือการตัดเสียงรบกวนจากแวดล้อมภายนอกในขณะใช้งาน ด้วยเทคโทโลยีชนิดใหม่ Digital Noise Cancelling โดยจะเข้าสู้โหมด Noise Cancelling อัตโนมัติเมื่อเปิดเครื่อง และระหว่างใช้งานนั้น หากต้องการฟังเสียงภายนอก ในรุ่นนี้ก็มีฟีเจอร์ Sense Engine เพิ่มความสะดวกในการใช้งาน อย่างลูกเล่น Quick Attention เพียงแค่แต่ด้านนอกของ Ear Cup ด้านขวา เสียงเพลงก็จะถูกเบาลง เพื่อร่วมปฏิสัมพันธ์รอบตัวได้โดยไม่ต้องหยุดเพลงหรือเอาหูฟังออก

ยังมีความน่าสนใจด้วยไมโครโฟนที่อยู่บน Ear Cup ทั้ง 2 ฝั่ง จะทำหน้าที่คัดกรองย่านเสียง และชดเชียงเสียงรอบข้างเมื่ออยู่ในโหมด Ambient Sound เพื่อลดระดับการทำ Noise Cancelling นำเสียงรอบข้างมาขยายด้วยด้วยดอกลำโพงพร้อมๆ กับเพลง ซึ่งโหมดนี้สามารถปรับได้ 2 ตัวเลือกด้วยกัน คือ

ช่องไมโครโฟนด้านนอก Ear Cup

โหมดแรกคือ Voice จะลดระดับการกันเสียงลงมาเล็กน้อย ไมโครโฟนที่อยู่บนตัวหูฟัง จะทำการคัดเฉพาะเสียงพูดหรือเสียงย่านกลางเด่นๆ จากภายนอก แล้วมาขยายเสียงต่อใน Ear Cup ทำให้สามารถสนุกไปกับการฟังเพลง โดยที่ยังพูดคุย ได้ยินเสียงสนทนากับคนอื่นๆ อย่างชัดเจน 

และอีกโหมดคือ Normal มีการทำงานแบบเดียวกับ Voice โดยจะลดระดับ Noise Cancelling ลงมาอีก พร้อมนำเสียงภายนอกมาขยายต่อในหูฟัง รวมถึงลดคุณภาพเสียงย่านต่ำลง ทำให้เสียงเบสมีความบางขึ้น เพื่อให้รับฟังเสียงภายนอกได้ดี 

และแน่นอนว่าขนาดโครงหน้าของคนเรานั้นไม่เท่ากัน ทาง Sony ก็ใส่ลูกเล่นการจูนเสียง Personal NC Optimiser ปรับระดับการทำ Noise Cancelling ให้เหมาะกับโครงหน้าผู้ใช้งาน ด้วยการกดปุ่ม NC ค้างไว้ 2 วินาที เซ็นเซอร์ภายในจะทำการปรับจูน จะหน้าเรียว หน้าบาน โดยเฉพาะผู้ที่สวมใส่แว่น มักเจอปัญหาเรื่องขาแว่นขวางหูฟัง ทำให้เสียงภายนอกเข้า ก็สามารถใช้ลูกเล่นนี้เพื่อการฟังเพลงที่ดีได้

ซึ่งในรุ่นนี้ก็ได้ปรับปรุง Touch Command ที่ด้านนอกของ Ear Cup ฝั่งขวา ให้สามารถวบคุมใช้งานได้ดีขึ้น ไม่เกิดอาการ “ลั่น” หรือ “เอ๋อ” ควบคุมได้ง่ายดายแม่นยำ และหากมีสายเข้าขณะฟังเพลง สามารถแตะ Touch Command เพื่อใช้งานพูดคุยโทรศัพท์แบบไร้สาย ผ่านหูฟังนี้ได้อีกด้วย

วิธีใช้ Touch Command เบื้องต้น สามารถอ่านเพิ่มเติมได้จากคู่มือที่ให้มา

เรื่องการใช้งานแบบไร้สายของ MDR-1000X ก็มีความโดดเด่นไม่แพ้กัน ด้วยเทคโนโลยี LDAC ของ Sony ที่ได้รับการยอมรับในเรื่องประสิทธิภาพจากหูฟังรุ่นก่อนหน้า ซึ่ง LDAC จะเป็นเหมือนอุโมงค์ขนาดใหญ่ รองรับบิตเรทได้สูงถึง 990 kbps ช่วยให้รับสัญญาณสำหรับเพลงระดับไฮเรสได้อย่างยอดเยี่ยม ต่างจาก Bluetooth ทั่วไป ที่มีลักษณะเหมือนคอขวด ทำให้เกิดการตกหล่นระหว่างรับส่งสัญญาณ 

อีกหนึ่งฟีเจอร์ของรุ่นนี้ที่ไม่พูดถึงไม่ได้ นั่นคือฟีเจอร์ DSEE HX หากทีวีมีการอัพสเกลภาพให้เป็นความละเอียดสูง MDR-1000X ก็มีเทคโนโลยี DSEE HX ในการอัพสเกลเติมเต็มไฟล์เสียงที่สูญเสียความละเอียดจากการบีบอัด เช่น MP3 ให้มีคุณภาพที่ดีใกล้เคียงกับไฟล์ประเภทไฮเรสมากขึ้น บวกกับแอมพลิฟายเออร์ S-Master HX ของหูฟัง ช่วยลดสัญญาณที่ผิดเพี้ยน และปรับจูนให้เหมาะสม เรียกได้ว่ารวมเทคโนโลยีด้านเสียงเอาไว้ในรุ่นนี้กันเพียบเลย

กราฟแสดงถึงการชดเชยย่านเสียงด้วยฟีเจอร์ DSEE HX

เสียง

สัมผัสแรกที่สวมใส่ ต้องบอกเลยว่านุ่มสบาย น้ำหนักเบา กระชับศีรษะ เมื่อเปิดใช้งานเครื่องจะเข้าสู่โหมด Noise Cancelling ให้อัตโนมัติ ตรงจุดนี้ถึงกับทำให้รู้สึกประหลาดใจ เพราะทันทีที่เปิดเครื่องขณะสวมใส่ เสียงที่ก้องหูอยู่ วูบลดหายไปได้อย่างน่าประทับใจ ระดับเสียงที่เข้ามาขณะไม่ได้เปิดเพลง ค่อนข้างเบา เสียงอื้ออึงหรือเสียงลมอยู่ในระดับต่ำ น่าประทับใจอย่างยิ่ง 

บทเพลงที่ใช้ทดสอบมีหลากหลายสไตล์ด้วยกัน ตัวหูฟังได้ทำการเบิร์นมาระยะหนึ่งแล้ว ส่วนอุปกรณ์ที่ใช้เล่นไฟล์เพลงนั้น เป็นอุปกรณ์ทั่วไปที่คนส่วนใหญ่มักใช้ฟังเพลง นั่นคือแล็ปท็อปหรือสมาร์ทโฟน ใช้ไฟล์เพลงไฮเรสและ MP3 ฟังผ่านสายแจ็ค 3.5 มม. กับการฟังแบบไร้สาย 

เมื่อได้ฟังอัลบั้ม Fearless ของสาว Taylor Swift ผ่านการเชื่อมต่อด้วยสายแจ็ค เสียงที่ได้ยินมีความคมชัดสูง ปลายเสียงค่อนข้างแหลม จัดจ้าน เก็บรายละเอียดเสียงได้ดี ยกตัวอย่างเพลง Fearless และ Love Story ที่โดดเด่นเรื่องเครื่องสายประเภทดีด หูฟังให้ความปิ๊งปั๊งสดใส แอบแผดนิดๆ ไม่จมกลืนหายในช่วงฮุคที่เต็มไปด้วยเสียงจากเครื่องดนตรีต่างๆ แต่การฟังด้วยสายเช่นนี้ จะได้รสชาติของเบสน้อย เบสค่อนข้างบาง ยังไม่อิ่มเอิบเท่าไร

สลับมาฟังกันแบบไร้สายบ้าง การฟังรูปแบบนี้ให้อารมณ์ต่างกันอย่างสิ้นเชิง สัมผัสได้ถึงความฉ่ำ นุ่มนวล ปริมาณเบสที่ถูกขับออกมาอย่างหนักแน่นชนิดเห็นได้ชัด มีความกระแทกกระทั้น ไดนามิกของเสียงมีความกว้างขึ้น รายละเอียดเสียงย่านแหลมอาจจางลงเล็กน้อย แต่ไม่ได้หายไปเสียทีเดียว เพียงแค่พุ่งแหลมเท่าการฟังผ่านสายแจ็ค

ทดสอบกันด้วยเพลงทุกแนว ซึ่งการทดสอบด้วย EDM นั้น ได้ใช้เพลงจากศิลปิน The Chainsmokers เช่นเพลงที่กำลังในตอนนี้อย่าง Closer หูฟังรุ่นนี้ให้สมดุลเสียงทุกๆ ย่านได้ลงตัวเหมาะสม ฟังสบายชวนโยกตามจังหวะ ถ่ายทอดรายละเอียดเสียงครบถ้วน สามารถแผ่กระจายเสียงเบสที่ลึกต่ำ สร้างสเตจการฟังได้อย่างน่าทึ่ง

หากท่านใดชอบปลายเสียงสว่าง อาจต้องผิดหวังเล็กน้อย ด้วยความที่ MDR-1000X เป็นหูฟังแบบปิด ปลายเสียงจึงอาจไม่สว่างใสเท่ากับหูฟังแบบอื่นๆ แต่สิ่งที่ได้กลับมานั้นคือความสามารถในการทำ Noise Cancelling ที่อยู่ในระดับยอดเยี่ยมกว่าหูฟังทั่วไป เพื่อทดสอบศักยภาพการกันเสียง ได้นำทดสอบภาคสนามด้วยการใช้งานบนรถเมล์และรถไฟฟ้านี่แหละ

ทดสอบด้วยอัลบั้มใหม่จากวง The 1975 โดยเป็นไฟล์ MP3 ผ่านการเล่นบนสมาร์ทโฟน เพื่อทดสอบความสามารถของฟีเจอร์ DSEE HXด้วย อัลบั้มนี้จะเต็มไปด้วยเสียงสังเคราะห์ฟุ้งๆ และรายละเอียดยิบย่อยต่างๆ เต็มไปหมด อย่างเพลง The Sound พอได้ฟังแล้วก็ต้องประทับใจ หูฟังรุ่นนี้สามารถ “เผย” รายละเอียดเหล่านั้นออกมาได้อย่างมีคุณภาพ เมื่อเทียบกับการฟังด้วยไฟล์ไฮเรสแล้ว ฟีเจอร์ DSEE HX ได้ให้อารมณ์การฟังใกล้เคียงกันเลยทีเดียว มีสมดุลที่ดีในทุกย่าน

ซึ่่ง Noise Cancelling ของหูฟังรุ่นนี้ สามารถกันเสียงแวดล้อมได้จนแทบจะสงัดเลยทีเดียว เสียงอื้ออึงจากภายนอกอยู่ในระดับที่น้อยมากๆ ระดับเสียงที่ใช้ฟังนั้น แค่ระดับปานกลางก็เพียงพอแล้ว เป็นการถนอมต่อแก้วหู ด้วยความสามารถระดับนี้ ทำให้รายละเอียดหรือเสียงบางย่าน ไม่ได้จมกลืนหายไปกับเสียงรบกวน ซึ่งเสียงที่สามารถเล็ดลอดเข้ามาได้ต้องเป็นเสียงที่มีความดังมากจริงๆ อย่างเสียงประกาศบนสถานีรถไฟฟ้า เสียงจักรยานยนต์ หรือเสียงนกหวีด 

ด้านหลังหูฟังฝั่งซ้าย จะมีสัญลักษณ์ NFC ให้เชื่อมต่อกันอย่างง่ายๆ พร้อมฟังได้ทุกเวลา

ทดสอบด้วยเพลงหนักๆ กันบ้าง โดยเพลงจากวง Architects ที่เป็นแนวเมทัลคอร์ ตัวหูฟังให้ความหนักแน่นเยี่ยม ตอบสนองต่อเสียงแตกพร่าของกีตาร์และเสียงร้องได้ถึงพริกถึงขิง แต่แอบให้ความรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย อย่างที่บอกไปแล้วว่า MDR-1000X มีเบสที่หนักลึก จนรู้สึกถึงความอูมของเสียงอยู่บ้าง จึงอยากแนะนำให้ใช้งานในโหมด Ambient Sound : Normal ในโหมดนี้ไม่ใช่แค่เพียงลดระดับการกันเสียงจาภายนอกเท่านั้น ยังลดระดับเบสลงมาให้ฟังสบายขึ้นด้วย ไม่อึดอัดหูจนเกินไป