08 Aug 2017
Review

รีวิว Sony HT-MT500 เสียงเด่นฟังสบาย ดีไซน์สวยทุกมุมมอง


  • boom

Setup – การเชื่อมต่อ

การเชื่อมต่อ HT-MT500 สำหรับใช้งานร่วมกับทีีวีนั้นทำได้สองวิธีครับโดยขึ้นอยู่กับสถานการณ์ดังต่อไปนี้

ทีวีของท่านมีช่อง HDMI ARC – HDMI ARC หรือ Audio Return Channel เป็นอีกหนึ่งข้อได้เปรียบของสาย HDMI ชนิดพิเศษที่ช่วยให้เราส่งข้อมูลเสียงจากทีวีย้อนทางกลับมาหาซาวด์บาร์ของเรา โดยจะมีรูปแบบการเชื่อมต่อตามผังด้านบนครับผม (เมื่อเสียบเรียบร้อยแล้วอย่าลืมไปปรับค่าที่ทีวีให้ส่งข้อมูลเสียงย้อนทางกลับมาที่ซาวด์บาร์ด้วยนะครับ) ข้อดีของการใช้ HDMI ARC นอกจากจะประหยัดสายเหลือเส้นเดียวแล้ว ตัวซาวด์บาร์ยังสามารถถอดรหัสเสียงแบบ DTS และ Dolby Digital ได้อีกด้วย

ทีวีของท่านไม่มีช่อง HDMI ARC – กรณีนี้อาจจะต้องมีอุปกรณ์พิเศษเพิ่มเข้ามาในระบบเสียหน่อย นั่นก็คือสาย Optical หรือสายไฟเบอร์ใยแก้วนำแสง (ไม่มีแถม) โดยเราจะต้องเสียบ HDMI ออกจากตัว HT-MT500 ไปเข้าที่ช่อง HDMI ช่องไหนก็ได้บนทีวี จากนั้นลากสาย Optical ย้อนกลับมาหาที่ตัวซาวด์บาร์อีกที และจบด้วยการตั้งค่าบนทีวีเหมือนข้อ 1. ครับผม

สำหรับการเชื่อมต่อแบบอื่นอย่าง Analog หรือ Bluetooth ค่อนข้างทำได้ง่ายอยู่แล้ว เพียงแค่เสียบสายแล้วกดเปลี่ยน Source ที่ ซาวด์บาร์ หรือเชื่อมต่อสัญญาณ Bluetooth เข้าด้วยกัน ตัวเครื่องก็น่าจะพร้อมทำงานได้ทันที

สำหรับการเชื่อมต่อแบบอื่นอย่าง Analog หรือ Bluetooth ค่อนข้างทำได้ง่ายอยู่แล้ว เพียงแค่เสียบสายแล้วกดเปลี่ยน Source ที่ ซาวด์บาร์ หรือเชื่อมต่อสัญญาณ Bluetooth เข้าด้วยกัน ตัวเครื่องก็น่าจะพร้อมทำงานได้ทันที

ข้อควรพิจารณาในการจัดวางซับวูฟเฟอร์ไร้สาย คือต้องอยู่ในจุดที่ไม่อับสัญญาณจนเกินไป อย่างใต้ชั้นวางทีวีที่มีลักษณะเป็นตู้ปิดจะดูไม่ค่อยเหมาะ เพราะนอกจากจะบั่นทอนประสิทธิภาพของตัวลำโพงแล้ว ยังทำให้ซับวูฟเฟอร์สื่อสารกับตัวเฮดยูนิตได้ไม่ค่อยดีอีกด้วย

หลังจากวางเรียบร้อยแล้วก็ทำการเปิดสวิตช์ แล้วตัวซาวด์บาร์กับซับวูฟเฟอร์จะค้นหากันเองและจับสัญญาณ สังเกตจากหน้าจอแสดงผลจะขึ้นคำว่า PLEASE WAIT ซึ่งเมื่อทุกอย่างลงตัวเรียบร้อยไฟแสดงสถานะที่ด้านหลังซับวูฟเฟอร์ก็จะเป็นสีเขียวพร้อมใช้งาน

Sound – เสียง

ออกแบบซาวด์บาร์ให้เล็กลงทั้งที จะทำให้ธรรมดาก็กระไรอยู่ ทางโซนี่จึงได้เติมเอาฟีเจอร์ LDAC ที่ชาวออดิโอไฟล์คุ้นหูกันดีเข้าไป เพื่อให้การฟังเพลงผ่านบลูทูธออกมามีประสิทธิภาพสูงสุดในทุกไฟล์ฟอร์แมต จึงเป็นที่มาของสัญลักษณ์ Hi-Res Audio ที่แปะหราอยู่หน้าลำโพงตัวนี้

เราเริ่มทดสอบซาวด์บาร์ตัวนี้ด้วยเพลงร้องเสียงบางใสของ Radka Toneff ที่มีชื่อว่า The Moon Is a Harsh Mistress โทนเสียงที่ถ่ายทอดออกมามีความหวานอุ่น ปลายแหลมติดขุ่นนิดหน่อยแต่ช่วยให้มวลรวมไม่บาดหูจนเกินไป

ขยับจังหวะขึ้นมาอีกนิดในบทเพลง Shocked ของ Joe Cocker นักร้องชายที่มีเอกลักษณ์เสียงแหบโดดเด่น ซึ่งเนื้อเสียงหยาบแห้งดังกล่าวเมื่อถ่ายทอดออกมาผ่านซาวด์บาร์ตัวนี้ดูเหมือนจะมีความแผดแสบทรวงน้อยไปนิด อาจจะเป็นเพราะตัวไดร์เวอร์ถูกออกแบบมาให้ตอบสนองเรนจ์ความถี่สูงที่ไม่ได้ไกลมากนักทำให้ปลายเสียงจึงไม่เปิดสว่างได้อารมณ์ร็อคสักเท่าไร

ถ้าจะพูดถึงคาแร็คเตอร์เสียงของซาวด์บาร์ตัวนี้ ถ้าเอากันแบบดิบ ๆ ไม่ต้องมีซับวูฟเฟอร์มาเสริม ดูจะมีความเด่นในย่านเสียงกลางค่อนไปทางเสียงกลางต่ำ ในสไตล์เสียงแบบโซนี่ซะส่วนใหญ่ ซึ่งพอมีซับวูฟเฟอร์เข้ามาเสริมฐานเสียงต่ำ ก็จะทำให้มิติเสียงที่ได้ดูหวือหวาน่าฟังมากยิ่งขึ้น

เด่นย่านกลางต่ำแบบนี้ แล้วรายละเอียดเสียงเวลาฟังแทร็คที่เป็นแนวแจ๊ส หรือเพลงบรรเลงคลาสสิคล่ะ เหมาะไหม?

ตอบกันตรง ๆ ถ้าจะเอาแบบได้ยินเสียงคนยืนเคาะเบลล์ในระยะ 30 หลาห่างจากไมโครโฟนก็คงจะไม่ถึงขนาดนั้น คือความใสของลำโพงตัวนี้จะอยู่ในเกณฑ์กลมกล่อม ไม่ได้เด่นล้ำหน้าออกมาเท่าไรนัก ซึ่งส่วนตัวผมว่าไม่น่าเกลียดเท่าไรนัก ส่วนใครที่อยากให้ยกระดับความใสขึ้นอีกสักหน่อย ก็สามารถเลือกที่จะเปิดใช้งานฟีเจอร์ CLEAR AUDIO+ บนรีโมทเพื่อให้ย่านเสียงแหลมถูกยกระดับขึ้นมาอีกขั้นหนึ่ง

สำหรับเสียงจากการรับชมภาพยนตร์และเล่นเกม ผมแนะนำให้เปลี่ยนโหมดเสียงไปที่ Movie เพื่อให้เวทีเสียงได้โอบล้อมด้านกว้างมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยสร้างสนามเสียงเสมือนที่จะทำให้เราได้อินไปกับคอนเทนต์ที่กำลังรับชมอยู่เบื้องหน้า แต่ถ้าเกิดใครอยากรู้สึกว่าเสียงยังมาไม่ถึงด้านหลังจริง ๆ อาจจะลองหา ลำโพงวางหิ้งแบบไร้สายของ Sony เอง มาเสียบเพิ่มเข้าไปในซิสเต็มเหมือนในรูปด้านบนก็ได้เช่นกันครับผม

คลิปเทียบเสียงแบบชัดๆ เสียงจากทีวีกับเสียงจาก Sony HT-MT500