รีวิว Sony Soundbar HT-X9000F
Review Sony Soundbar HT-X9000F
ในปัจจุบันหากจะเรียกว่าเป็นยุคสมัยของสังคมเมืองก็คงไม่ผิดนัก เพราะคนต่างจังหวัดจำนวนมากก็เลือกที่จะเข้ามาเรียนต่อ เข้ามาทำงาน รวมถึงอาศัยอยู่ในตัวเมืองต่างๆ และ กรุงเทพมหานคร ซึ่งก็มักจะพักอาศัยอยู่ตาม หอพัก อพาร์ทเม้นท์ รวมถึง คอนโด โดยในเวลาพักผ่อนคนเราส่วนใหญ่ก็อยากจะได้ชุดเครื่องเสียงไว้ฟังเพลงดูหนัง ครั้นจะนำเครื่องเสียงรอบทิศทางเต็มชุดไปใส่ในห้องเล็กๆ ก็คงจะไม่สะดวก แต่วันนี้ผมมีทางเลือกดีๆ มานำเสนอนั่นก็คือ ลำโพง Soundbar จาก Sony รุ่น HT-X9000F นั่นเองครับ
Design – การออกแบบ
มาดูในส่วนของการออกแบบกันก่อนเลย หลังจากแกะกล่องออกมาเราก็จะเห็น Sony Soundbar HT-X9000F และ Subwoofer แบบไร้สาย ในโทนสีดำที่มีความเรียบหรูพอตัวกันเลยทีเดียว โดยรวมจะมีขนาดความยาวที่น้อยกว่ารุ่นใหญ่อย่าง HT-Z9F เล็กน้อย ซึ่งในการใช้งานหากนำไปวางไว้กับ TV Sony BRAVIA โดยเฉพาะรุ่น X9000F นั่นก็เพราะว่า Sony เค้าออกแบบมาให้สอดรับกับขาตั้งของ TV รุ่นนี้โดยเฉพาะเลยนั่นเอง
ตัว Soundbar จะมีผิวของตัวเครื่องเป็นผิวด้านซึ่งทำให้เวลาใช้งานไปนานๆ นั้นก็แทบไม่ต้องกังวลว่าจะเกิดริ้วรอยเล็กๆ น้อยๆ เกิดขึ้นเลย ด้านหน้าจะมีลำโพงอยู่บริเวณด้านซ้ายและขวาของตัวเครื่องจำนวน 2 ดอก โดยมีตะแกรงสแตนเลสเป็นหน้ากากลำโพงไว้เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นได้
ด้านบนแบ่งเป็น 4 ส่วนหลักๆ ส่วนที่ 1 ด้านซ้ายสุดเป็น โลโก้ Sony ถัดมาตรงกลางในส่วนที่ 2 ด้านบนจะเป็นส่วนของปุ่มต่างๆ แบบสัมผัส โดยเรียงลำดับจากด้านซ้ายจะเป็น Power ปุ่มเปิด/ปิดเครื่อง, ปุ่มสลับช่องสัญญาณ Input, ปุ่มช่องสัญญาณ Bluetooth และ ปุ่ม ลด/เพิ่ม เสียง ส่วนที่ 3 ตรงกลางด้านล่าง จะเป็นส่วนของไฟแสดงสถานะว่าตอนนี้ใช้สัญญาณเสียงจากช่องทางใดอยู่โดยมี TV, HDMI, BLUETOOTH, ANALOG กับ USB ตามลำดับ และท้ายสุดส่วนที่ 4 เป็นสัญลักษณ์ฟังก์ชั่นที่โดดเด่นของเจ้า HT-X9000F ตัวนี้ ประกอบไปด้วย Dolby Atmos, DTS-X, 4K HDR HDCP 2.2, VERTICAL SURROUND ENGINE, Perfect For BRAVIA และ บอกคำอธิบายบอกว่ากดปุ่ม Input ค้างไว้ 5 วินาทีเพื่อ Play กับ กดครั้งเดียวเพื่อ Stop
อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญเลยก็คือ HT-X9000F มีหน้าจอ Interface เช่นเดียวกับ HT-Z9F และ AVR ที่มีการส่งภาพเมนูหลัก การตั้งค่าต่างๆ ไปยัง TV ซึ่งในปัจจุบันนี้มี Soundbar เพียงไม่กี่รุ่นเท่านั้นที่จะทำได้
ส่วน Subwoofer ตัวตู้จะมีผิวด้าน บริเวณด้านหน้าจะเป็นผิวกึ่งเงากึ่งด้านสะท้อนแสง พร้อมท่อระบายเบส กับ ดอกลำโพงที่มีตะแกรงสแตนเลสครอบไว้ มีไฟสัญญาณตรงกลางซึ่งจะกระพริบต่อเมื่อไม่ได้เชื่อมต่อกับ Soundbar ซึ่งหากเชื่อมต่อแล้วไฟจะขึ้นโชว์ค้างไว้ โดยขนาดของตัวเครื่องจะใกล้เคียงกับ เคส ของคอมพิวเตอร์ขนาดเล็ก ถือว่าไม่ใหญ่ไม่เล็กจนเกินไป
ในส่วนของรีโมทเรียกได้ว่าจัดเต็ม ให้ปุ่มที่ครบครันใกล้เคียงรีโมท AVR เลยทีเดียว โดยมีปุ่ม เปิด/ปิด เครื่อง, ปุ่มเลือกสัญญาณ Input, ปุ่มโหมดเสียง 7 โหมด, ปุ่มปรับเน้นเสียงพูด, ปุ่ม VERTICAL SURROUND, ปุ่มโหมดเสียงกลางคืน, ปุ่มตั้งค่า ควบคุมระบบต่างๆ , ปุ่ม HOME เข้าเมนูหลัก, ปุ่มเพิ่ม/ลด เสียงรวม กับ Subwoofer, ปุ่ม Mute และ ปุ่มควบคุมการเล่นเพลงกับหนังต่างๆ
Connectivity – ช่องต่อ
สำหรับช่องต่อของ Sony SoundBar HT-X9000F ตัวนี้ไม่มี LAN กับ Wi-Fi Built In แบบรุ่นใหญ่ HT-Z9F แต่ก็เพียงพอกับการใช้งานทั่วไปได้ โดยช่องต่อทั้งหมดของ HT-9000F แบ่งเป็นทั้งหมด 2 ส่วน ส่วนแรกเป็น HDMI 2.0 แบบ HDCP 2.2 Input 1 ช่อง กับ Output 1 ช่อง ที่รองรับ ARC พร้อมรองรับการส่งสัญญาณ Passthrough 4K HDR ส่วนที่ 2 ประกอบไปด้วยช่องต่อ USB ที่รองรับการเล่นไฟล์เสียงได้หลากหลาย เช่น DSD WAV FLAC AIFF AAC mp3, Analog In 3.5 มม., Optical In ไว้สำหรับเชื่อมต่อกับ TV รุ่นที่ไม่รองรับ ARC และ ท้ายสุดที่ขาดไม่ได้สำหรับยุคนี้เลยคือการเชื่อมต่อไร้สาย Bluetooth
ส่วนด้านหลังของ Subwoofer จะมีปุ่ม เปิด/ปิด เครื่อง ที่เผื่อไว้ในกรณีที่เครื่องไม่เปิด/ปิดให้แบบอัตโนมัติ และปุ่ม Link ที่เอาไว้กดเพื่อเชื่อมต่อสัญญาณกับตัว Soundbar เวลาที่ไม่เชื่อมต่อแบบอัตโนมัติเช่นกันครับ
Features – ลูกเล่น
ลูกเล่นต่างๆ ของ HT-9000F ถือว่าให้มาครบครันสำหรับการใช้งานในยุคปัจจุบันได้เป็นอย่างดี ซึ่งสิ่งที่รุ่นใหญ่อย่าง HT-Z9F มีเหนือกว่าคือ LDAC, Chromecast Built-in, Google Assistant, Streaming, DSEE HX อัพเกรดคุณภาพเสียงเทียบเท่าระดับ Hi-Res และ ลำโพงจะเป็นแบบ 3.1 Ch ซึ่งแน่นอนว่าต้องดีกว่า แต่ถ้ามองที่ความคุ้มค่าในราคาพอดีๆ HT-X9000F ตัวนี้ก็เพียงพอแล้วครับ โดยในส่วนด้านภาพนั้นได้ติดตั้ง HDMI เวอร์ชั่น 2.0 HDCP 2.2 มาให้ที่รองรับการ Passthrough 4K HDR ได้แบบสบายๆ กันเลย
ในส่วนของเรื่องเสียงนั้นรองรับระบบเสียง 3 มิติประจำยุคนี้อย่าง Dolby Atmos กับ DTS:X ที่ถือว่าเป็นฟอร์แมตเสียงหลักในแผ่น UHD Blu-ray 4K ที่มาแรงในปัจจุบันนี้ มีฟังก์ชั่น DSEE ที่ช่วยยกระดับคุณภาพจากสัญญาณและไฟล์เสียงต่างๆ ที่มีความละเอียดต่ำให้มีคุณภาพใกล้เคียงระดับ CD Quality ส่วนท้ายสุดในเรื่องของเสียงที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ Vertical Surround Engine ที่สามารถสร้างสนามเสียงโอบล้อมแบบ 3 มิติ ใกล้เคียงระบบเสียง 7.1.2 Chanel โดยทำงานร่วมกับ S-Force Pro Front Surround ที่ทำให้ลำโพงคู่หน้าของ SoundBar ที่เป็นเพียงแค่ 2.1 Chanel มีความกว้าง มิติโอบล้อมมากขึ้นนั่นเองครับ