25 Jul 2018
Review

รีวิว Sony Soundbar HT-X9000F รุ่นรอง Top ที่มาพร้อมฟังก์ชั่นครบครัน ตอบโจทย์ทุกการใช้งานได้เป็นอย่างดี


  • TopZaKo

Sound – เสียง

มาถึงส่วนที่ทุกคนรอคอย นั่นก็คือเรื่องของเสียงของเจ้า HT-X9000F นั่นเอง บอกก่อนเลยว่าในตอนแรกที่แกะกล่องออกมา Plug And Play เลยปรากฏว่าเสียงที่ได้นั้นจะออกแนวจัดไปบ้าง แต่พอเปิดฟังไปสักระยะนึงก็ได้พบกับน้ำเสียงที่แท้จริง เสียงจะออกแนวกระชับ ชัดเจน ฟังสนุก แต่ก็ไม่จัดจนเกินไปจนฟังเพลงสบายๆ ไม่ได้

มาเริ่มทดสอบจากคอนเทนต์ประเภทภาพยนตร์ ที่เป็นระบบเสียงแบบ Dolby Atmos กับ DTS:X ซึ่งหากเราปล่อยสัญญาณเสียงแบบนี้มาเข้า HT-X9000F ตัวเครื่องจะทำการเปิดระบบ Vertical Surround Engine เพื่อมาช่วยสร้างสนามเสียงด้านสูงแบบอัตโนมัติ แต่ถ้าหากยังอยากได้บรรยากาศเสียงรอบทิศทางและเสียงด้านสูงเพิ่มขึ้นอีก ก็สามารถกดปุ่ม VERTICAL ที่รีโมทจะได้บรรยากาศเสียงด้านบนมากขึ้นแต่เนื้อเสียงจะเบาบางลง โดยโหมดเสียงที่ใช้คือโหมด Standard ครับ

คำแนะนำเพื่อให้ผลลัพธ์เสียงรอบทิศทางที่ดี โดยเฉพาะ Vertical Sound ของ Dolby Atmos คือ ระดับความสูงที่ติดตั้ง SoundBar HT-X9000F จะต้องอยู่ใกล้เคียงกับระดับหูของผู้ฟังต่ำกว่าได้ไม่เกิน 0.6 ม. และควรนั่งอยู่ในจุดที่เรียกว่า Sweet Spot ซึ่งมีระยะห่างประมาณ 1.85 เมตร

ทดสอบกับแผ่น  Dolby Atmos Demo Disc

สิ่งแรกในการทดสอบผมได้หยิบแผ่น Dolby Atmos Demo Disc เพื่อมาทดสอบระบบเสียง Dolby Atmos ในแทร็ค Horizon ซึ่งจะมีช่วงหนึ่งที่มียานอวกาศบินผ่านหัว แม้ว่าเสียงที่ได้ยินจาก Soundbar ตัวนี้อาจไม่ได้ผ่านหัวเหมือนลำโพงที่ถูกติดตั้งไว้ด้านบนจริงๆ แต่ด้วยระบบ Vertical Surround นั้นก็ทำให้เสียงลอยขึ้นจากตัว Soundbar สูงขึ้นมาถึงระดับด้านบนของตัวทีวีอย่างรู้สึกได้ โดยเสียงที่ได้จะออกแนวชัดเจน มีน้ำหนักเสียงพอสมควร เสียงยานอวกาศแล่นไปมามีความชัดเจน เสียงของผู้บรรยายที่เป็นผู้ชายก็มีความหนักแน่นเนื้อเสียงเบสที่ได้รับการผสมผสานกับ Subwoofer ทำออกมาได้อย่างกลมกลืน

ทดสอบภาพยนตร์เรื่อง  Valerian

จากแผ่น Demo มาสู่แผ่นหนังจริงๆ กันบ้าง กับเรื่อง Valerian ที่เป็นระบบเสียง Dolby Atmos ในฉากที่ ลอเรลีน นางเอกถูกหลอกให้ไปถวายอาหารให้กับราชาของเผ่า Boulan Bathor โดยในฉากนี้จะมีการต่อสู้กันโดยใช้ดาบเป็นหลักเสียงที่ได้ออกมามีความสนุก น้ำหนักเวลาเสียงดาบฟันตัวอสูรกาย กระทบเกาะเหล็ก เสียงนั้นมีความชัดเจน เสียงดนตรีประกอบก็ออกมาได้ดี ระบบ Vertical Surround ก็มาช่วยให้บรรยากาศ เวทีเสียงมีความกว้างขึ้น

ทดสอบภาพยนตร์เรื่อง  Fast 8

อีกระบบเสียงที่เราจะลืมไม่ได้เลยคือระบบเสียง DTS:X ในเรื่อง Fast 8 ฉากที่ตัวร้ายใช้คอมพิวเตอร์แฮกระบบรถยนต์ต่างๆ ให้คอยสกัดรถของผู้มีอิทธิพลในเรื่อง ซึ่งในฉากนี้จะมีทั้งเสียงเครื่องยนต์ เสียงรถเฟี้ยวฟ้าวไปมา เสียงรถตกจากตึก กับฉากที่ขับรถไล่ล่ากันในช่วงท้ายของเรื่อง น้ำเสียงที่ออกมาก็มีความจัดจ้านแบบพอสมควร ไม่มากจนล้าหู ทำให้เรารับรู้ความวุ่นวายของเหตุการณ์ในฉากนี้ได้เป็นอย่างดี

ทดสอบภาพยนตร์สารคดีเรื่อง  Michael Jackson’s THIS IS IT

มาถึงตรงนี้หลายคนน่าจะอยากรู้ว่าหากเปิดหนังระบบเสียงที่ไม่ใช่เสียงแบบ 3มิติ หละ จะออกมาเป็นแบบใด ผมก็ได้ทำการทดสอบกับหนังสารคดีกึ่งคอนเสิร์ตในเรื่อง Michael Jackson’s THIS IS IT ในฉากเพลง They Don”t Care About Us ซึ่งเรื่องนี้เป็นระบบเสียง DTS-HD 5.1 ตัว Soundbar จะใช้ระบบ S-Force Pro Front Surround ที่จะมาช่วยเพิ่มสนามเสียงรอบทิศทางแต่ยังไม่มีเสียงด้านสูง เนื้อเสียงโดยรวมเรียกได้ว่าฟังสนุก เสียงร้อง เสียงจังหวะกลอง มีแรงปะทะที่ดี ทำให้ผมเผลอร้องตามเพลงได้เลยทีเดียว แต่ถ้าหากใครอยากได้เสียงบรรยากาศด้านสูงจากระบบเสียงที่ไม่ใช่เสียง 3 มิติ แบบนี้ก็สามารถกดเปิด VERTICAL SURROUND เพื่อเพิ่มบรรยากาศด้านสูงได้ ซึ่งหลังจากที่ผมลองกดในฉากนี้ เสียงบรรยากาศที่ได้นั้นถือว่าโอบล้อมมากขึ้นแต่เนื้อเสียงก็จะมีความบางลงไปบ้าง ซึ่งตรงนี้ก็แล้วแต่คนชอบครับ

เสียงโดยรวมของการชมภาพยนตร์ผ่าน HT-X9000F ตัวนี้จะให้เสียงที่ชัดเจน มีน้ำหนักเสียงที่ดี ดูหนังได้สนุกในทุกๆ แนวซึ่งโหมดเสียงที่ผมแนะนำให้ใช้ในส่วนนี้ก็คือ โหมด Standard ส่วนโหมด Cinema นี่ก็ถือว่าดีไม่แพ้กันเพราะในโหมดนี้จะเป็นการเพิ่มบรรยากาศของเสียงให้มากขึ้น เร่งเสียงย่านแหลม และ ย่านเบสให้มีความจัดจ้านขึ้น ยังไงก็ต้องลองดูครับว่าเราจะชอบแบบไหนมากกว่า

ทดสอบการฟังเพลงผ่าน Bluetooth

ลองหนังกันไปหลายเรื่องแล้วทีนี้มาลองในส่วนของการฟังเพลงกันบ้างดีกว่า ซึ่ง  HT-X9000F นั้นมีระบบ DSEE ที่ มาช่วยเพิ่มคุุณภาพเสียงจากไฟล์เพลงทั่วไปให้มีความละเอียดให้ใกล้เคียงกับ  CD Quality ที่อาจไม่เท่ากับ DSEE HX ที่เพิ่มคุณภาพเสียงให้ใกล้เคียง Hi-Res แบบใน HT-Z9F  แต่ความสามารถที่ส่งออกมาก็ถือว่าดีไม่แพ้กันเลย

ซึ่งผมได้ทำการทดสอบการเล่นเพลงผ่านการเชื่อมต่อ Bluetooth กับ iPad Pro 12.9 Gen1 ซึ่งบนหน้าจอจะมีการแสดงผล Bitrate ของเพลงที่เล่นอยู่ รวมถึงชื่อเครื่องที่เชื่อมต่ออยู่ที่ขวามือบนของหน้าจอ

เพลงแรกที่นำมาทดสอบคือเพลง Never Enough ของ Loren Allred (เพลงประกอบภาพยนตร์ The Greatest Show Man) ซึ่งเป็นเพลงที่นักร้องได้โชว์เสียงอันทรงพลังของเธอออกมา ผสานกับดนตรีจากวงออเคสตร้า เจ้า HT-X9000F นั้นถือว่าให้เสียงที่ดีเกินกว่าที่ผมคาดไว้ คือ เสียงร้องนั้นชัด แยกกันเสียงเครื่องดนตรีได้เป็นอย่างดี เวทีเสียงมีความกว้างเกินกว่า Soundbar ทั่วๆ ไปในตลาดหลายรุ่น

เพลงช้าไปแล้วทีนี้มาลองกับเพลงจังหวะสนุกๆ กันบ้างกับเพลง That’s What I Like ของ Bruno Mars ซึ่งสิ่งหนึ่งที่ไม่มีระบุไว้ในสเปกแบบชัดเจนก็คือความสามารถในการเล่นไฟล์เพลงความละเอียดสูง หรือ Hi-res ด้วยความอยากรู้ผมเลยนำเพลงนี้เล่นผ่านทาง USB ผลปรากฏว่า เล่นได้ครับ !!! ซึ่งเสียงที่ได้ก็ออกมาชัดเจนอีกเช่นกัน เสียงจังหวะ มีความชัด เสียงเบสมีความกระชับหนักแน่นแบบพอดีๆ ไม่มากจนเกินไป โดยรวมถือว่าฟังเพลงสนุกก็ทำได้ดีเช่นกัน

ในส่วนของการฟังเพลงโหมดที่ผมแนะนำก็เป็น Standard อีกเช่นกันเพราะทุกอย่างจะมาในแบบพอดีๆ ฟังได้ยาวๆ ส่วนโหมด Music อันนี้จะทำการยกระดับทุกย่านเสียงเพิ่มขึ้น เหมาะกับการฟังเพลงแนวสนุกสนานซะเป็นส่วนใหญ่ ส่วนระบบ DSEE จากที่ผมทำการลองเทียบระหว่างเปิดกับปิด พบว่าในการเปิดจะทำให้เสียงดีขึ้นกว่าอย่างชัดเจน เนื้อเสียงจะดูหนาขึ้น เสียงกลางแหลม จะมีความกระจ่างมากขึ้น จึงแนะนำให้เปิดไว้ครับ

สรุปในเรื่องเสียงของ HT-X9000F ตัวนี้ จะออกแนว ชัดเจน ฟังสนุกได้แบบสบายๆ ไม่หนักจนเกินไป เสียงพูดจากภายนตร์ เสียงร้องจากเพลงต่างๆ มีความคมชัด เสียงเบสถือว่ากระชับ เก็บตัวได้ดี แต่เบสถ้าลูกใหญ่มากๆ อาจมีอาการเพี้ยนออกมาบ้าง แต่ในการรับชมปกติไม่มีปัญหาใดๆ ระบบ VERTICAL SURROUND ถือว่าทำได้ดีเลย สามารถสร้างสนามเสียงให้เสียงมาถึงด้านข้างผู้ฟัง รวมถึงลอยขึ้นไปบริเวณจอภาพ เพิ่มอรรถรสในการชมภาพยนตร์ได้อย่างดีเยี่ยม ซึ่งหากไปเทียบกับ HT-Z9F ที่มีลำโพงแบบ 3.1 ที่ให้เนื้อเสียง ความกว้างของเวทีเสียง บรรยากาศ Surround ที่ดีกว่า แต่หากไม่นำมาตั้งเปรียบเทียบคู่กันอาจฟังไม่ออกเลยว่าเป็นรุ่นเล็กกว่า โดยรวมถือว่าเสียงดีเลยทีเดียวครับ

ข้อดีของ Sony HT-X9000F
1. รองรับระบบเสียง 3 มิติในยุคปัจจุบันอย่าง Dolby Atmos และ DTS:X
2. มีระบบ Vertical Surround Engine และ S-Force Pro Front Surround ที่มาช่วยสร้างสนามเสียงโอบล้อมแบบ 360 องศา
3. มีระบบ DSEE ที่ช่วยยกระดับคุณภาพเสียงให้เทียบเท่าระดับ CD Quality
4. มีหน้า Interface แสดงเมนูและข้อมูลต่างๆ บนนหน้าจอ TV 
5. สามารถ Passthrough ภาพ 4K HDR แบบ HDR10 และ Dolby Vision ได้
6. Plug & Play แค่เสียบปลั๊กตัว SoundBar และ Subwoofer ก็พร้อมใช้งานได้ทันที

ข้อเสียของ Sony HT-X9000F
1. ถ้าหากห้องใหญ่เกินไป เพดานสูงเกินไป หรือ ไม่ได้นั่งอยู่ในบริเวณ Sweet Spot เสียง Surround จากระบบ Vertical Surround Engine จะลดลงไปบ้าง
2. ช่องเสียบบริเวณด้านหลังค่อนข้างแคบ แนะนำให้ใช้เป็นสายที่มีหัวขนาดปานกลางจะดีกว่าครับ

สรุป

Sony HT-9000F ถือเป็น Soundbar ที่มีฟังก์ชั่นครบถ้วนเพียงพอกับการใช้งานดูหนังฟังเพลงได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นรองรับการ  Passthrough  ภาพ 4K HDR แบบ HDR10 และ Dolby Vision ได้  รองรับระบบเสียง 3มิติ อย่าง Vertical Surround Engine ที่ทำงานร่วมกับ S-Force Pro Front Surround ทำให้ได้เสียง Surround ที่น่าประทับใจมากสำหรับ Soundbar ที่เป็นเพียง 2.1 Ch เท่านั้น ระบบ DSEE ที่มาช่วยเพิ่มคุณภาพสัญาณเสียงจากแหล่งสัญญาณต่างๆ ให้มีคุณภาพเทียบเท่าระดับ CD Quality แนวเสียงมีความชัด กลางแหลมมีความจัดจ้านเล็กน้อยให้พอฟังสนุก บวกกับเสียงเบสจาก Subwoofer ที่มีความกระชับ เก็บตัวไว ทำให้เข้าถึงอารมณ์ของเพลงและภาพยนตร์ต่างๆ ได้เป็นอย่างดีเลยครับ

คะแนน

ดีไซน์ (Design)
8.25
เสียง (Sound)
8.00
ลูกเล่น (Features)
8.50
การเชื่อมต่อ (Connectivity)
8.00
ความคุ้มค่า (Value)
8.50
คะแนนตัดสิน (Total)
8.30

คะแนน Sony HT-X9000F

8.3

*มาตรฐานคะแนนประจำปี 2018*