เสียง
ลำโพงของ TCL 55P5CUS มีกำลังขับ 8W x 2 พลังเสียงถือว่าครอบคลุมห้องนั่งเล่นทั่วไปได้อย่างล้นเหลือ อย่างห้องนั่งเล่นที่ใช้ทดสอบ มีขนาดประมาณ 5 x 7 เมตร เปิดเสียงระดับ 40 ก็ได้ยินอย่างชัดเจนแล้ว ส่วนโหมดเสียงที่แนะนำ ขอให้ลองฟังโหมด Movie หรือ Music เพราะทั้งสองโหมดนี้ให้เนื้อเสียงไม่แห้ง เสียงกลาง และเสียงแบคกราวด์ ไม่จมหาย เหมือนกับโหมดอื่นๆ นอกจากนี้ที่น่าประทับใจคือมีโหมด TV Placement ที่ให้ผู้ใช้สามารถเลือกได้ว่าติดตั้งทีวีในรูปแบบใด เช่นแขวนผัง หรือตั้งโต๊ะ หากเลือกโหมดถูกต้องกับการติดตั้งแล้ว ก็จะช่วยให้คุณภาพเสียงดีขึ้น
เพิ่มเติม
หากไม่ใช่พวกตัวท็อปแล้ว ระบบสมาร์ททีวีที่ใช้บนทีวี TCL ในปี 2018 นี้ ก็จะเป็น TV OS ทั้งหมด แน่นอนว่ารวมไปถึง TCL 55P5CUS รุ่นนี้ด้วยเช่นกัน จุดเด่นของ TV OS คือจะเน้นแอปพลิเคชั่นที่จำเป็นต่อการใช้งานจริงๆ รวมไปถึงฟีเจอร์ที่ผู้ใช้จะได้ใช้กันบ่อยๆ อย่างเช่น Netflix, YouTube, Browser, Cast เป็นต้น
โดยส่วนตัวแล้วผมเองพึงพอใจกับสมาร์ทีวีแบบนี้มาก ไม่ต้องเยอะ แต่ขอให้ครบครัน ส่วนเหตุผลว่าทำไมถึงชอบ? ก็เป็นเพราะว่าทีวี 4K Smart TV เริ่มต้น มักจะถูกจำกัดด้วยคุณสมบัติของฮาร์ดแวร์ ถ้าใส่ระบบปฏิบัติการที่ใช้ทรัพยากรเครื่องมากเกินไป ก็จะทำให้เกิดการหน่วงเวลาใช้งานได้ แต่พอเป็น TV OS เวลากดเมนูคำสั่งต่างๆ แล้ว ลื่นไหล กดปุ๊บติดปั๊บ ใช้งานสบายใจมาก
แอปสตรีมมิ่งไม่ว่าจะเป็นวิดีโอ หรือเพลง ก็มีให้ครบครัน อย่าง Netflix ซึ่งเปิดมาทีแรกก็รู้สึกแปลกใจ เพราะได้ปรับเปลี่ยน GUI ใหม่แล้วตามข่าวที่เพิ่งจะออกมาเมื่อต้นเดือนสิงหาคมนี้นี่เอง ในขณะเดียวกันทีวีบางรุ่นนี่ยังไม่เปลี่ยนเลย นอกจากนี้ แอปฯ YouTube ของเครื่องนี้ยังรองรับ 4K HDR อีกด้วย
ถัดมาขอเอาใจสายเล่นไฟล์กันบ้าง ขึ้นชื่อว่าเป็นทีวีความละเอียด 4K ก็อยากลองหน่อยว่าจะเล่นไฟล์ 4K ได้ดีมากน้อยแค่ไหน ทั้งนี้ไฟล์ที่ผมนำมาทดสอบเป็นไฟล์แบบ 4K HDR มีขนาดตั้งแต่ 40GB ขึ้นไป หลังจากที่ทดลองเปิดเล่นระยะเวลาหนึ่ง และลองกด Time Skip ไปช่วงต่างๆ พบว่าตัวเครื่องโหลดข้อมูลได้ไม่ค่อยราบรื่นเท่าไหร่นัก พบอาการสะดุดเป็นบางช่วง หากไฟล์ที่เปิดมีขนาดใหญ่ แต่ถ้าเป็นไฟล์ความละเอียด Full HD สามารถเล่นได้อย่างลื่นไหล
ซึ่งถ้าใครเป็นสายดาร์คจริงๆ ขอแนะนำว่าให้หา HD Player สักเครื่องมาใช้ก็จะดีกว่า เพราะเราต้องทำความเข้าใจกันก่อนว่า นี่คือทีวี ไม่ใช่เครื่องเล่นไฟล์ ดังนั้น Media Player บนตัวเครื่องจึงมีข้อจำกัดในการทำงานอยู่
สำหรับคนที่รักการ Cast และติดสมาร์ทโฟน ผมขอแนะนำให้โหลดแอปพลิเคชัน T-Cast มาติดเครื่องเอาไว้ (มีให้ดาวน์โหลดทั้ง Android / iOS) แอปฯ นี้มีประโยชน์ตรงที่ให้เราใช้ในการโยนไฟล์ภาพ เพลง วิดีโอ ขึ้นไปเล่นบนทีวีได้ หรือจะเปลี่ยนสมาร์ทโฟนของเราให้กลายเป็นแอร์เมาส์ เป็นรีโมทคอนโทรลควบคุมเครื่องก็ได้เช่นกัน สะดวกสบายสุดๆ
**การใช้งานแอปฯ T-Cast ทั้งทีวี และสมาร์ทโฟน จะต้องเชื่อมต่อในเครือข่ายเดียวกัน