15 Jun 2014
Article

ทีวี 3 มิติคืออะไร ? มีกี่ประเภท ? เทคนิค 3 ข้อในการชมทีวี 3 มิติ และแนะนำตัวเด็ด


  • lcdtvthailand

เทคโนโลยี “3 มิติ” ในทีวีทั้ง 3 ประเภทตั้งแต่ “อดีตจนถึงปัจจุบัน”

1. Anaglyphic 3D หรือ ภาพ 3 มิติแบบแว่น 2 สี (Passive)

เป็นการรับชมภาพ 3 มิติโดยใช้ “แว่นสองสี” โดยทั่วไปจะะใช้ “สีแดง-ฟ้า” เพื่อกรองสีภาพเฉพาะที่ต้องการให้แสดงเข้าตาซ้ายและตาขวา เพื่อให้เกิดมีมิติภาพขึ้นมา โดยในปัจจุบันนี้ หนัง 3 มิติแบบ Anaglyphic สามารถหาซื้อได้ทั่วไปทั้งแผ่น DVD หรือหนังแบบ High Definition ก็มีมาให้เห็นแล้วเช่นเรื่อง Monster VS Aliens ที่ทำออกในในรูปแบบ Blu-ray ซึ่งจะแถมแว่นกระดาษ 2 สีมาให้ด้วยถึง 4 อัน หรือแม้กระทั่งล่าสุดอย่างเรื่อง The Final Destination ก็ทำหนัง High Definition ในรูปแบบ Blu-ray ออกมาในรูปแบบ Anaglyphic 3D เช่นกันครับ (หนังพวนี้แถมแว่น 3D 2 สี แดง น้ำเงินมาให้ด้วยนะครับ ^ ^)

แว่น 2 สี สีฟ้า-แดง มีทั้งรูปแบบประดาษและพลาสติกแข็ง
ภาพจะเหลื่อมซ้อนสีแบบนี้ครับ
แว่นทำหน้าที่กรองสีเข้าตาซ้ายและขวาแบบนี้

ข้อดี: แว่นตามีราคาถูก ทั้งแบบกระดาษและพลาสติค และยังมีหนังแบบ DVD ขายอยู่
ข้อเสีย: สีเพี้ยน ภาพไม่ค่อยสมจริงเท่าไหร่ มิติภาพจะดูหลอกตา

อุปกรณ์ต้องมีในการรับชมภาพสามมิติแบบ Anaglyphic 3D
1. แผ่นหนัง DVD หรือ Blu-ray แบบ Anaglyphic
2. แว่นตา 2 สี ซึ่งมีสีที่คู่กันดังต่อไปนี้  แดง-ฟ้า / ฟ้า-เหลือง / ชมพู-เขียว (สีของแว่นกับหนังต้องสอดคล้องกันนะครับ)
3. TV ธรรมดาๆ LCD TV, Plasma TV, CRT TV ก็ดูได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นทีวีสามมิติ

2. Polarized 3D หรือ ภาพ 3 มิติแบบ “สลับเส้นเลขคู่เลขคี่” (3D Passive)

สำหรับประเภทของเทคโนโลยี 3D อย่างที่ 2 ก็คือ Polarized 3D ครับ ซึ่งหลักการทำงานของมันก็คือ เราจะต้องมี 3D TV แบบ Polarized และแว่นตาแบบ Polarized Glasses โดยหลักการก็คือ ทีวีจะปล่อยเส้นภาพเลขคู่ เช่น 2,4,6,8,…1080 สำหรับตาซ้าย (540 เส้น) และเส้นภาพเลขคี่ 1,3,5,7,…,1079 สำหรับตาขวา (อีก 540 เส้น) สลับกันอย่างรวดเร็ว วิธีการนี้เรียกว่า Line by Line หรือการส่งภาพ “สลับเส้นเลขคู่และเลขคี่” เพื่อส่งให้ตาทั้ง 2 ข้าง และเมื่อเราใส่แว่น Polarized เข้าไป เลนส์สำหรับตาซ้ายก็จะสามารถรับภาพเส้นเลขคู่ได้อย่างเดียว ในขณะที่เลนส์ขวาก็จะสามารถรับภาพจากเส้นเลขคี่ได้อย่างเดียว ทำให้การรับภาพโดยตาซ้ายและขวาสลับกันอย่างรวดเร็วเช่นกัน จึงเกิดภาพ 3 มิติลอยออกมาครับ ตัวอย่าง TV ที่ใช้เทคโนโลยี Polarized 3D ที่ออกวางจำหน่ายในปี 2011 ก็ได้แก่ 

1. LG LED TV รุ่น LW6500 รุ่นยอดฮิตที่สุดและเป็นตัวที่ทำให้วงการ 3D TV ของโลกเปลี่ยนแปลง
2. Philips รุ่น PFL7606  
3. ProVision รุ่น 42U5D  
4. และ TCL รุ่น V6300

รวมถึงโรงหนัง 3 มิติอย่าง IMAX หรือพวกโณง RealD3D ก็ใช้หลักการ Polarized 3D เช่นกันครับ ง่ายๆเลยครับที่มีเจ้าหน้าที่แจกแว่นหน้าโรงภาพยนตร์นั่นแหละ “แว่น 3D แบบ Polarized”

Polarlized 3D ของ LG รุ่น LH503D เมื่อปี 2009 ที่ผ่านมา
แบ่งเส้น “เลขคู่” และ “เลขคี่” ในการส่งภาพออกจากจอสลับกันอย่างรวดเร็ว
และแว่นจะเป็นตัวกรองเส้นเลขคู่เลขคี่ให้เข้าตาซ้ายและขวาสลับกัน ภาพจึงลอยมีมิติ

ข้อดี: มิติภาพ “ลอยออกมามากที่สุด” แว่นตาใส่สบายตา น้ำหนักเบา ไม่ต้องใส่แบตเตอรี่ ภาพไม่กระพริบ 
ข้อเสีย: ความคมชัดหายไปครึ่งนึง เนื่องจากทีวี Full HD จะมีความละเอียดหน้าจอ 1080 เส้น แต่ต้องแบ่งความละเอียดของภาพจาก 1080 เส้น ต้องแบ่งเป็น 540 เส้นสำหรับตาซ้ายและอีก 540 เส้นสำหรับตาขวา และรวมถึงข้อจำกัดในมุมมองแนวตั้ง

หมายเหตุ :: สำหรับ 3D แบบ Polarized เวอร์ชั่นล่าสุดคือ “Cinema 3D” ของ LG ครับ

อุปกรณ์ที่ต้องมีเมื่อจะดู 3D แบบ Polarized
1. TV ที่เป็น 3D แบบ Polarized
2. แว่น 3D แบบ Polarized
3. Content เช่นแผ่นหนังแบบ 3D Line by Line หรือ ถ้าเป็น Content 3D แบบอื่นๆ ตัวทีวีก็จะมีความสามารถในการแปลงภาพให้เป็นแบบ Line by Line (ส่งภาพสลับเส้นเลขคู่และเส้นเลขคี่)