19 Sep 2017
Review

รีวิว LG 65G7T 4K OLED TV ระดับ Signature หรูหราไฮไซโก้ที่สุด


  • lcdtvthailand

Picture – ภาพ

คุณสมบัติด้านภาพของ LG 65G7T มีความละเอียดหน้าจอ 4K Ultra HD 3840 x 2160 = 8.29 ล้านพิกเซล ใช้จอ OLED Panel ปี 2017 ซึ่งให้ระดับสีดำที่ดำสนิทกว่ารุ่นปี 2016 สังเกตได้ว่าเวลาปิดเครื่องจอภาพจะเป็นสีดำสนิท ไม่เป็นสีไวน์แดง โครงสร้างพิกเซลเป็นแบบ WRGB แบบไฮเอ็นด์สูงสุด กล่าวคือ 1 เม็ดพิกเซลมีถึง 4 ซับพิกเซลย่อยได้แก่ White Red Green Blue ทำให้จำนวนซับพิกเซลย่อยก็มีรวมกว่า 33.16 ล้านจุดเม็ดสี รองรับมาตรฐาน HDR : High Dynamic Range ทั้ง 3 รูปแบบไม่ว่าจะเป็น Dolby Vision, HDR10, และ HLG จัดว่าเป็นแบรนด์ที่รองรับมาตรฐาน HDR มากที่สุดในปีนี้ มีโหมดภาพสำเร็จรูปหลากหลาย โดยเฉพาะโหมด Expert ที่ถูกรับรองโดยสถาบันมาตรฐานภาพระดับโลกอย่าง ISF : Imaging Science Foundation โดยโหมดนี้จะให้ค่าแสงสีได้ค่อนข้างเที่ยงตรงตั้งแต่ต้น และยังสามารถเข้าไปปรับภาพเบื้องลึกอย่างละเอียดเพื่อความถูกต้องสมบูรณ์สูงสุดได้อีกด้วย

โครงสร้าง WRGB OLED Pixel ของ LG G7 1 เม็ดพิกเซลมีถึง 4 ซับพิกเซลย่อย
ตัวพาแนลจากโรงงาน LG Display นี้ก็ถูกส่งให้แบรนด์ญี่ปุ่นไปใช้ทำ OLED TV เช่นกัน
โหมดภาพสำเร็จรูป ที่แสงสีค่อนข้างถูกต้องแม่นยำได้แก่
Expert 1 (ISF Day) และ Expert 2 (ISF Night) ผมใช้โหมด Expert 2 ในการปรับภาพอย่างละเอียด
ค่าก่อนปรับภาพ สมดุลแสงขาวได้ “ดีมาก” ตั้งแต่ต้น แต่ในช่วงระดับความสว่างสูงๆอาจจะยังไม่เข้าที่สมบูรณ์นัก
วัดความกว้างของขอบเขตของสีได้ 99.8% ของมาตรฐาน REC 709
หลังปรับภาพ ทั้งค่า White Balance แบบ 20 จุดอย่างละเอียด 
พร้อมขอบเขตของการแสดงเฉดสีแม่สีหลักและรองหรือ CMS ภาพที่อยู่ในเกณฑ์ดีเลิศเลย 
ขอบเขตของสีอยู่ราว 99.6% ของมาตรฐาน REC 709
ค่าก่อนปรับภาพ 4K HDR
วัดความกว้างของขอบเขตสีได้ 95.6 % ของมาตรฐาน DCI-P3
ค่าหลังปรับภาพ 4K HDR ขอบเขตของสีทำได้ประมาณ 95.8 % ของมาตรฐาน DCI-P3
ส่วนระดับความสว่างสูงสุดจะอยู่ประมาณ 650 nits ซึ่งผ่านข้อกำหนดของ Ultra HD Premium ที่ 550 nits
ส่วนโหมด Cinema Home จะเป็นโหมดที่ให้ความสว่างสูงสุดราว 752 nits
ซึ่งสูงกว่าตัว OLED TV รุ่น B7 ด้วยเหตุผลของเมนบอร์ดและภาคจ่ายไฟที่ดีกว่า

ทดสอบด้วยแผ่น 4K Ultra HD Blu-ray แท้ๆเรื่อง Jason Bourne ภาคล่าสุด คาแรกเตอร์ภาพ OLED แสดงออกมาได้เด่นชัดคือ มีความเข้มข้นของเม็ดสี สามารถถ่ายทอดรายละเอียดบนใบหน้าอันตึงเครียดของพระเอก Matt Damon ออกมาได้อย่างหมดจด เผยให้เห็นริ้วรอยบนหน้าผากอันเหี่ยวย่น เส้นผมที่ดูร่วงโรยตามอายุ ถึงแม้เรื่องนี้เป็นหนังแอ็คชั่นไล่ล่าแบบปกติ มิได้มีฉากแสงสีจัดจ้านเพื่ออวดพลานุภาพของ HDR มากนัก แต่ก็เอาไว้อ้างอิงเช็คความถูกต้องของสีผิวคนและวัตถุได้อย่างดี ซึ่ง G7 ก็ไม่ทำให้ผิดหวังแต่อย่างใด ให้คุณภาพได้ในระดับท็อป ส่งผ่านความรู้สึก “ลุ้นระทึก” ผ่านตัวละครออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม ผลลัพธ์คืออรรถรสการรับชมนั้นมันส์สะเด่ากว่าดูผ่าน LED LCD TV ทั่วไปหลายขุม

สีหน้าของเฮีย Matt Damon ที่ดูเครียดและอิดโรย
เวลาดูผ่าน OLED มันจะเข้มข้นสมจริง 
ส่งอารมณ์ตึงเครียดและลุ้นระทึกมาให้เราดูหนังมันส์ขึ้น

ถัดมาทดสอบเรื่อง Ghost Buster : Answer The Call ภาคล่าสุด ในฉากที่เหล่าสาวๆนักล่าผีปะทะกับผี เป็นฉากที่เอาไว้ทดสอบเอฟเฟกต์ HDR ได้เป็นอย่างดี ปืนลำแสงถูกสาดออกมาได้อย่างสว่างไสว สีแดงวาววับถูกเปล่งออกมาอย่างเจิดจรัส ลำแสงทะลักพื้นที่ภาพส่วนหลักออกมาแสดงบนแถบ Black Bar บนและล่างจนมีกลิ่นอายความเป็นภาพ 3 มิติไปโดยปริยาย รวมถึงฉากผีมังกรทะยานออกมานี่ก็แทบทะลุจอออกมา สีเหลืองสลับเขียวก็จำแนกไล่เฉดได้ดี เม็ดสีมีประกาย จะเรียกได้ว่าเตะตาสะใจ เนื่องจากเม็ดพิกเซลของ OLED สามารถปิดดับได้สนิท พื้นหลังที่ดำสงัดเช่นนี้จะช่วยยกระดับสีสันต่างๆให้สดป็อปอัพขึ้นอย่างเห็นผล ยิ่งปิดไฟห้องมืดก็อย่างสดสกาวอย่างน่าอัศจรรย์ ท้าให้ผู้ถือครอง LG OLED TV ทุกท่านลองพิสูจน์ดูด้วยตาตนเอง

สีเหลืองสลับเขียวอันเจิดจรัสของเจ้าผีมังกร
จุดที่ G7 OLED ทำได้แต่ทีวีทั่วไปทำไม่ได้คือ “ความวาววับ” ซึ่งทำให้ภาพดูมีมิติขึ้นมาก
สีแดงจากปืนลำแสงถูกยิงออกมาทะลุจอมาแสดงบนพื้นที่ Black Bar ที่ดำสนิท
ส่งผลให้ภาพก้าวข้ามขีดจำกัดเดิมๆ ได้กลิ่นอายความเป็น 3 มิติ
ไฮไลท์การทดสอบครั้งนี้คือการลองแผ่น Dolby Vision เรื่อง Power Rangers 
ทีวีโชว์โลโก้ Dolby Vision ให้เห็นเป็นประจักษ์ว่าเล่นได้จริงนะ
ซึ่งภาพ Dolby Vision ก็จัดว่าชัดโดดเด้ง ส่วนโหมดภาพที่แนะนำสำหรับการเล่น HDR ประเภทนี้คือ
Cinema Home = ดูตอนกลางวัน Cinema = ดูตอนกลางคืนหรือปิดไฟมืดสนิท
อย่างเรื่อง Okja จาก Netflix นี่เป็น HDR แบบ Dolby Vision 
ซึ่งเจ้า OLED G7 ก็รองรับโดยการเด้งโชว์โลโก้มุมขวาบน
ในปีนี้ก็คงมีเพียงไม่กี่เจ้าเท่านั้นที่รองรับ Dolby Vision ซึ่ง LG ก็คือเจ้าแรกสุด

ในส่วนของ Motion ภาพเคลื่อนไหว สามารถใช้ฟีเจอร์ TruMotion แทรกเฟรมภาพช่วยให้ภาพลื่นไหลเป็นธรรมชาติขึ้นอีกระดับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากดูกับคอนเทนต์ HD/ Full HD จะช่วยลดอาการอ่อนล้าของภาพลงเปลี่ยนให้สมูธเนียนตาขึ้นอย่างชะงัก แนะให้เปิดระดับคือ User ซึ่งเราสามารถเข้าไปปรับค่าเพื่อลดภาพเบลอ (De-Blur) และลดอาการกระตุก (De-Judder) ได้เองแบบแมนนวล แล้วให้ปรับ De-Judder หรือลดอาการกระตุกของภาพให้เป็น 3 ส่วน De-Blur หรือลดอาการเบลอของภาพ ปรับแล้วไม่ค่อยเห็นผลต่างเท่าไหร่นัก ฉะนั้นเซ็ตไว้สัก 2-3 ให้สอดคล้องกันไว้ก็ได้ ส่วนระดับอื่นอย่าง Smooth นี่จะก่อให้เกิดวุ้นเรืองแสงรอบตัวละครและวัตถุจึงไม่แนะนำอย่างแรง ส่วนระดับ Clear ก็จัดว่าลื่นไหลใช้ได้ แต่ก็ไม่ได้ดีกว่าระดับ User ที่เราปรับเองข้างต้นเพราะในระดับ Clear นี้หากสังเกตแบบจับผิดจริงจะยังแอบเห็นวุ้นเรืองแสงเล็กๆอยู่เล็กน้อย

TruMotion คือฟีเจอร์แทรกเฟรมภาพที่ช่วยให้ภาพเคลื่อนไหวลื่นไหลขึ้น
สามารถเลือกเข้าไปปรับฟีเจอร์ลดอาการเบลอและกระตุกของภาพได้
ดูดิจิตอลช่องไทยรัฐ HD ภาพเด้งดี

Input Lag

ค่า Input Lag คือค่าความดีเลย์ต่อการตอบสนองต่อคำสั่งจอยเกมส์ ยิ่งมีน้อยยิ่งดี หากเปิดโหมด Game ค่า Input Lag ลดลงเหลือเพียง 21.3 ms เท่านั้น ซึ่งถือว่ายอดเยี่ยมมาก โดยหากให้เทียบกับการปิดโหมด Game แล้วไปใช้โหมดภาพทั่วไป ค่า Input Lag จะดีดสูงขึ้นไปถึง 80 ms ฉะนั้นหากเล่นเกมส์ก็แนะนำใช้โหมด Game ได้เลย

สรุปเรื่องภาพ

โดดเด่นด้วยความสามารถที่เม็ดพิกเซลสามารถกำเนิดแสงสีได้ด้วยตัวเอง จึงช่วยการแสดงสีดำให้ดำสนิท เป็นรากฐานที่สำคัญที่ช่วยสำแดงพลังภาพ HDR ออกมาได้อย่างเจิดจรัสเตะตาทั้งมาตรฐาน Dolby Vision ซึ่งแทบเป็นเจ้าเดียวที่รองรับ ณ ตอนนี้ และ HDR10 ในขณะที่ภาพ SDR แบบปกติก็มีความเข้มข้นโดดเด้งไม่แพ้กัน โดยส่วนตัวทำให้ผมดูพวกเกมส์โชว์ตามช่องดิจิตอลทีวีสนุกขึ้นด้วย เรื่องความถูกต้องของสีสันทำได้ดีกว่า OLED TV ของปีก่อน สมดุลแสงขาวและขอบเขตของสีกว้างขึ้น คุณภาพโดยรวมก็อยู่ใน “ระดับดีเลิศ” อย่างมิต้องสงสัย

ส่วนคำถามที่ว่า LG OLED TV รุ่น G7 ต่างกับรุ่น B7 อย่างไร ? คำตอบคือ G7 ให้ความสว่างสูงสุด Peak Brightness ได้สูงกว่าราว 20-80 nits แล้วแต่โหมดภาพ ด้วยเหตุผลที่ขนาดของเมนบอร์ดที่ใหญ่กว่าตลอดจนภาคจ่ายไฟมีประสิทธิภาพที่ดีกว่า (คาดว่าเอาไปหล่อเลี้ยงลำโพง Soundbar ที่มีขนาดใหญ่) ก่อนปรับภาพ B7 จะติดโทนเย็นกว่านิดๆในขณะที่ G7 สมดุลสีจะดีกว่าตั้งแต่ต้นเล็กน้อย อย่างไรก็ตามก็ค่อนจำแนกความแตกต่างได้ยากหากสกิลตาไม่เทพจริง ส่วนหลังปรับภาพนั้นเป็นบุคลิกภาพโทนเดียวกันเป๊ะเลยไม่หนีกัน ประหนึ่งพี่น้องคลานตามกันมา