29 May 2021
Review

รีวิว Samsung 65QN90A Neo QLED 4K TV เติมเต็มความสมบูรณ์ด้วย Mini LED Technology


  • ชานม
ด้านการเล่นเกม QN90A ยังมาพร้อมฟีเจอร์ ALLM หรือ Auto Low Latency Mode ซึ่งจะปรับสถานะการแสดงผลเข้าสู่ “Game Mode” อัตโนมัติเมื่อมีการเชื่อมต่อสัญญาณภาพจากคอมพิวเตอร์ หรือเกมคอนโซล และยังเพิ่มเติมแถบ Game Bar รูปแบบใหม่ ที่ใช้ตรวจสอบสถานะ และตั้งค่าการแสดงผลเกมต่างๆ ได้สะดวก ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น
รุ่นนี้ยังมาพร้อมคุณสมบัติ Variable Refresh Rate (VRR) รองรับ AMD FreeSync เป็นกระบวนการที่ช่วยให้จอภาพสามารถ “ปรับเปลี่ยนรีเฟรชเรตแบบเรียลไทม์” สัมพันธ์กับ “อัตราเฟรมเรตของเกมที่ไม่คงที่ได้” รองรับอุปกรณ์ HDMI 2.1 ทาง HDMI In 4 ร่วมกับ PC Graphic Card ระดับสูง ไปจนถึงคอนโซลอย่าง Xbox Series X (4K 120Hz VRR) และ PS5 (4K 120Hz)

ค่า Input Lag ที่ 4K 60Hz วัดได้ต่ำเพียง 9 ms เท่านั้น ! และหากปรับการแสดงผลเป็น 4K 120Hz ได้ ผลลัพธ์ Input Lag จะยิ่งต่ำลงอีก รุ่นนี้ยังให้ทางเลือกเพิ่มเติมการจำลองแทรกเฟรมภาพเคลื่อนไหวขณะเล่นเกมที่มีชื่อเรียกว่า Game Motion Plus ซึ่งจะกระทบกับ Input Lag น้อยมากๆ อยู่ที่ 13.6 ms ต่ำมากสำหรับกระบวนการแทรกเฟรม แต่โดยทั่วไปคงไม่มีความจำเป็นต้องเปิดใช้งานฟีเจอร์นี้

หมายเหตุ: HDR และ Game Motion Plus ไม่สามารถเปิดใช้งานร่วมกับการแสดงผลแบบ VRR

เสียง

ช่องเปิดยาวที่บริเวณส่วนบน ด้านหลังจอ 65QN90A ภายในติดตั้งตัวขับเสียงแยก 2 ฝั่ง ซ้าย-ขวา ซึ่งเพิ่มเติมจากชุดลำโพงพร้อมวูฟเฟอร์ที่ติดตั้งอยู่ส่วนล่างของจอ กำลังขับรวมทั้งหมดอยู่ที่ 60 วัตต์

ในสเปคระบบเสียงของ 65QN90A จะติดตั้งลำโพงแบบ 4.2.2 แชนเนล โดยมีลำโพงติดตั้งที่ส่วนล่างรวม 4 ชุด พร้อมวูฟเฟอร์ 2 ชุด และติดตั้งที่ส่วนบนหลังจออีก 2 ชุด บวกกับการประมวลผลจำลองเสียงที่เรียกว่า Object Tracking Sound+ (OTS+) เพื่อให้ตัวขับเสียงทั้งหมดทำงานประสานสร้างสนามเสียงสัมพันธ์กับคอนเทนต์ น่าเสียดายที่ระบบนี้ไม่รองรับ Object-based Audio Format แท้ๆ อย่าง Dolby Atmos หรือ DTS:X แต่อย่างใด

อย่างไรก็ดีเทคนิคติดตั้งลำโพงลักษณะนี้ช่วยให้ 65QN90A ถ่ายทอดบรรยากาศเสียงกว้างกว่าลำโพงทีวีทั่วไปได้จริง ตำแหน่งเสียงไม่กองอยู่เฉพาะที่ส่วนล่าง เสียงสนทนายกสูงขึ้นอยู่ในระดับกลางจอ เสียงโอบล้อมด้านข้างก็เลยระนาบจอภาพออกไป และแยกแยะทิศทางซ้าย-ขวาได้ การถ่ายทอดดุลเสียงกำลังดี รายละเอียดโอเค อาจคาดหวังเบสลึกแบบลำโพงซับวูฟเฟอร์แยกชิ้นไม่ได้ก็จริง ทว่าก็เพียงพอสำหรับมาตรฐานลำโพงทีวี การจูนเสียงลักษณะนี้ดีกว่าพยายามคาดคั้นเน้นเบสเยอะ ๆ แล้วรายละเอียดเสียงคลุมเครือ เสียงสนทนาก้องอู้ฟังได้ไม่ชัด

กรณีที่เชื่อมต่อใช้งานกับ Samsung Soundbar รุ่นที่รองรับ สามารถใช้ฟีเจอร์ Q Symphony เพื่อเสริมให้ลำโพงของทีวี ทำงานประสานไปพร้อมๆ กับลำโพง Soundbar ได้
เมื่อเชื่อมต่อสัญญาณเสียงผ่านทาง HDMI ARC ร่วมกับ AVR หรือ Soundbar ที่รองรับ การรับชมภาพยนตร์ในรูปแบบ Streaming จาก Netflix จะรองรับระบบเสียง “Dolby Atmos (DD+)” และด้วยคุณสมบัติ eARC จะสามารถ Pass-through ระบบเสียง Dolby Atmos (TrueHD) จาก 4K HDR Blu-ray Player ได้ด้วย (อ้างอิงการเชื่อมต่อกับ Oppo UDP-203 และ Pioneer VSX-LX504 AVR) ทว่าการเชื่อมต่อลักษณะนี้สำหรับ QN90A จะยังไม่รองรับ DTS ถ้าเป็นไปได้แนะนำให้เชื่อมต่อสัญญาณจาก Player ตรงเข้า AVR หรือ Soundbar จะครอบคลุมกว่า ผลลัพธ์คุณภาพเสียงและเสถียรภาพก็จะดีกว่าด้วย

ช่องต่อ

QN90A จะไม่มี One Connect เหมือน 4K QLED TV รุ่นท็อป ของปีที่แล้ว (Q95T) ช่องต่อรับสัญญาณต่างๆ เลยย้ายมาอยู่ที่ด้านหลังฝั่งซ้ายของจอเหมือนทีวีทั่วไป ประกอบไปด้วย HDMI In จำนวน 4 ช่อง รองรับ ARC/eARC ที่ HDMI In 3 และรองรับ 4K 120 Hz (พร้อม VRR) ที่ HDMI In 4 (HDMI 2.1)

ช่องต่ออื่นๆ ที่ให้มา ได้แก่ Analog Composite Video & Audio Input, Digital Optical Audio Output, Ethernet Port (มี Wi-Fi & Bluetooth Built-in ให้ด้วย) และ DVB-T2 Antenna In แต่ไม่มีช่องต่อ Audio/Headphones Out ทว่าสามารถเชื่อมต่อหูฟังไร้สายผ่าน Bluetooth ได้ 

ช่องต่อ USB ทั้ง 2 ช่องเป็นเวอร์ชั่น 2.0 สามารถเชื่อมต่อกับ USB Flash Drive, External HDD (5V/1A) และอาจรวมถึง Keyboard, Mouse ฯลฯ

สรุปจำนวนช่องต่อของ Samsung 65QN90A ได้ดังนี้

HDMI™ In 4 (ด้านข้าง) เป็น HDMI 2.1 1 ช่อง
USB2 (ด้านข้าง)
Ethernet1 (ด้านข้าง) พร้อม Wi-Fi Built-In
Composite Video In1 (ด้านข้าง)
Component Video In
RF (Antenna) In1 (ด้านข้าง) พร้อม DVB-T2 Digital Tuner
PC HD15 In
Analog Audio In1 (ด้านข้าง ร่วมกับ Composite)
Digital Audio Out1 (Optical ด้านข้าง)
Audio/Headphone Out
Bluetooth AudioYes