สรุป
ข้อดี
1) ดีไซน์จอโค้งยังคงสวยเด่นไม่เหมือนใคร
2) รองรับภาพ 4K HDR (HDR10)
3) ภาพอยู่ในเกณฑ์ดี เปิดโปร่ง ดูสบาย ในการรับชมคอนเทนต์ HD / Full HD ทั่วไป
4) TV Plus ช่องเกาหลีให้ชมฟรีกว่า 30 ช่อง
5) รวบรวมแอพส์วีดีโอคอนเทนต์เกรด A ไว้มากมาย
ข้อเสีย
1) ระดับความสว่างเจิดจรัสของภาพอาจจะไม่ซูซ่านัก
2) ช่องต่อพวก AV / Component ต้องใช้ Adaptor แยกต่างหาก
3) ถอดแบบดีไซน์มากจาก KU6300 (2016) เด๊ะๆเลย
4) คุณภาพเสียงอยู่ในเกณฑ์ปานกลางเท่านั้น
สรุป
หากท่านมีหัวใจไป “จอโค้ง” กับทีวี 4K ที่รองรับอนาคตแทบทุกรูปแบบ…ภายใต้งบประมาณที่ค่อนข้างจำกัด Samsung MU6300 รุ่นนี้ ก็เป็นทางเลือกที่ดีไม่ใช่เล่น เพราะคุณภาพโดยรวมอยู่ในเกณฑ์คุ้มค่าคุ้มราคากับจุดประสงค์ใช้งานหลักทั่วไป ผสานกับลูกเล่น Smart TV โดยเฉพาะแอพส์วีดีโอต่างๆ อาทิ iflix และ NetFlix ที่เข้ามาเสริมเติมเต็มนั้นก็จะช่วยในเรื่องของการรับชอบคอนเทนต์ Video On Demand ทั้งไทยและเทศได้อย่าง “ไร้ขีดจำกัด” ที่ขอชมเชยเป็นพิเศษสุดก็คือเจ้า TV Plus ที่รวมรวมช่องรายการเกาหลีกว่า 30 ช่องให้รับชมกันฟรีๆ ความคมชัดของภาพในหลายๆช่องก็อยู่ในระดับ HD เสียด้วย เพียงแค่ต่ออินเตอร์เน็ตเข้าไป ช่องรายการเหล่านี้ก็จะถูกผนวกเข้ามาอย่างอัตโนมัติ ติ่งซีรีส์และติ่งอปป้าคงฟินน่าดู คนใกล้ตัวอย่างเช่นคุณแม่ของผมนี่ก็ติ่งซีรีส์เกาหลีเข้มข้นจำพวกแม่ผัว VS ลูกสะใภ้ ก็ประทับใจกับคอนเซ็ปต์ของ TV Plus ไม่น้อยเมื่อผมเล่นให้ดู หากเอาไปตั้งไว้ให้แกดูอย่างถาวรจริง ก็คงนั่งติดจอกันทั้งวัน ทั้งหมดทั้งมวลนี้จึงทำให้ MU6300 ได้รางวัล Best Budget 4K LED TV Award 2017-2018 ไปด้วย
เอาหละ…ใครจะรู้ว่าช่องเกาหลี TV Plus นี้อาจจะเป็นข้ออ้างอันชอบธรรมที่คุณพ่อบ้านจะขออนุมัติคุณแม่บ้านซื้อ “ทีวีจอโค้ง” เครื่องใหม่เครื่องนี้เข้าบ้าน………….โดยไม่โดนตะวาดก็เป็นได้ !!!!